ตอนที่ 118 ข้าวิงวอนต่อทวยเทพ
ในฟอรัมของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี
มีใครบางคนนำประกาศจากสถาบันแพทย์แผนจีนมาโพสต์พร้อมแนบข้อความว่า
[ข้าวิงวอนต่อทวยเทพ โปรดประทานพรให้แด่ผู้มีพรสวรรค์]
การสอบเข้าระดับปริญญาโทของสถาบันแพทย์แผนจีนได้สิ้นสุดลงและประกาศผลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 มีนาคม รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกได้รับการยืนยันแล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการย้ายตำแหน่งการงานของหลิวป๋อหลี่ จึงมีการคัดเลือกนักศึกษาระดับปริญญาโทและนักศึกษาปริญญาเอกอย่างละหนึ่งคนโดยระบบตรวจสอบการรับสมัครและการคิดคะแนน
‘ไป๋เยี่ย’ บุคคลที่ถูกปฏิเสธจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อ ไม่ได้รับโอกาสศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี แต่กลับได้รับโอกาสจากผู้อำนวยการสถาบันแพทย์แผนจีนแห่งชาติอย่างหลิวป๋อหลี่
ล้อกันเล่นใช่ไหม
ไม่!
นี่คือเรื่องจริง!
ข้าวิงวอนต่อทวยเทพ โปรดประทานพรให้แด่ผู้มีพรสวรรค์!
คะแนนสอบเข้าปริญญาโทของไป๋เยี่ยคือสี่ร้อยหกสิบเอ็ดคะแนน ซึ่งเขาได้คะแนนเต็มในวิชารวมแพทย์แผนจีนและวิชาภาษาอังกฤษ นับตั้งแต่เริ่มมีการสอบเข้าระดับปริญญาโท ก็ไม่เคยมีใครทำคะแนนได้สูงขนาดนี้มาก่อนเลย! ไม่เห็นค่าไป๋เยี่ย พอเข้าใจได้ ไห่ซื่อไม่เห็นค่าก็ยังพอเข้าใจได้ จิ้นซีไม่เห็นค่าก็เข้าใจได้เหมือนกัน
แต่ดูสิว่าไป๋เยี่ยได้คะแนนไอเอฟเท่าไหร่ ตั้งสองร้อยห้าสิบแปดคะแนน!
อยากจะถามพวกอาจารย์ที่กล้าปัดไป๋เยี่ยทิ้งจากโผเหลือเกินว่าพวกเขามีคะแนนไอเอฟทั้งหมดกี่คะแนน
อยากถามว่าที่ไห่ซื่อมีอาจารย์คนไหนได้คะแนนไอเอฟมากกว่าสองร้อยห้าสิบแปดคะแนนบ้าง
อยากถามบุคลากรตำแหน่งบนๆ ที่จิ้นซีว่าคะแนนไอเอฟรวมๆ ของวารสารทั้งหมดที่ตีพิมพ์โดยอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของเราคือเท่าไหร่
แล้วคุณยังจำการแข่งขันความรู้แพทย์แผนจีนแห่งชาติเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้หรือไม่ คุณยังจำเด็กหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปีคนนั้นได้ไหม เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งที่โดดเด่นเหนือกลุ่มด็อกเตอร์จนคว้าตำแหน่งแชมป์รอบระดับประเทศได้ ทั้งยังพาทีมจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับห้าจากล่างสุดให้ติดสิบอันดับแรกของการแข่งขัน!
บางทีทางมหาวิทยาลัยคงจะอ่านแท็กมากเกินไปจนดูถูกความสามารถของเขา!
อยากรู้ว่าเหตุใดมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อถึงปฏิเสธที่จะรับไป๋เยี่ยเข้าเรียน!
เราต้องการความยุติธรรม! ต้องการความโปร่งใส! เราต้องการใช้สิทธิ์ของเรา!
ท้ายที่สุดแล้ว…โลกใบนี้ก็ยังพอจะเห็นคุณค่าของพรสวรรค์อยู่บ้าง ไม่ปล่อยให้ทองคำล้ำค่าก้อนนี้ถูกกลบฝังโดยความคิดเห็นของสาธารณชนและความอยุติธรรม!
ไม่นานนัก ข่าวนี้ก็แพร่กระจายออกไปยังสาธารณชน!
โดยเฉพาะนักศึกษาใหม่ที่ได้เข้าฟังการบรรยายของไป๋เยี่ย หากจะกล่าวว่าไป๋เยี่ยคือคนที่นำพาพวกเขาเข้าสู่ประตูแห่งการแพทย์แผนจีนก็ไม่เกินจริงเลย!
พวกเขาถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าไป๋เยี่ยกำลังเผชิญหน้ากับคำวิพากษ์วิจารณ์ น้องใหม่อย่างพวกเขาคงไม่มีสิทธิ์พูดอะไร ทว่าในใจของพวกเขาก็ยังคงมองว่าไป๋เยี่ยเป็นรุ่นพี่ที่น่านับถือคนหนึ่งอยู่ดี!
พวกเขายังพอจำได้ลางๆ ว่าไป๋เยี่ยก็คือยอดฝีมือผู้พิชิตการแข่งขันความรู้แพทย์แผนจีน!
พวกเขายังพอจำได้ว่าไป๋เยี่ยคือคนที่นำเพื่อนร่วมทีมทั้งเก้าคนผ่านเข้ารอบจากที่พวกเขาเกือบตกรอบไปแล้ว และนำพาชื่อเสียงความเจริญรุ่งเรืองด้านการแพทย์แผนจีนมาสู่มณฑลจิ้นซี!
พวกเขายังจดจำใบหน้าของไป๋เยี่ยได้ดี เขาตั้งใจถ่ายทอดความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนให้ทุกคนฟังอย่างพิถีพิถันและชี้ทางให้พวกเขา! ตอนนั้นไป๋เยี่ยน่าจะเหลือเวลาเตรียมตัวสอบอยู่เพียงสิบวันเท่านั้น แต่เขาก็ยังคงตั้งใจเตรียมบทบรรยาย
นอกจากนี้ยังมีเหล่าเพื่อนร่วมชั้นของไป๋เยี่ยที่ยังมีความหวังดีต่อเขา
ทั้งนักศึกษาคนอื่นๆ เพื่อน รุ่นน้อง และทุกคนที่สนับสนุนไป๋เยี่ยต่างพากันส่งต่อข่าวนี้ไปตามช่องทางต่างๆ ทั้งโมเมนต์วีแชท QQ เวยป๋อ และไป๋ตู้…
และอีกมากมายหลายช่องทาง…
พวกเขาจะรีบส่งต่อข่าวนี้ไปตามช่องทางที่นึกออก…
ทั้งยังขอให้คนในครอบครัวและเพื่อนๆ ส่งมันต่อไปเรื่อยๆ…
จนข่าวนี้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว!
วันนี้ฟอรัมมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีแทบจะระเบิด กระทู้กล่าวร้ายไป๋เยี่ยที่ถูกปักหมุดไว้ด้านบนยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น
มีคนแห่มาคอมเมนต์กว่าหนึ่งแสนข้อความภายในระยะเวลาแค่หนึ่งวัน!
แค่วันเดียวเท่านั้น! มันอาจจะดูเป็นแค่ฟอรัมของมหาวิทยาลัยทั่วๆ ไป…ทว่ากลับมีคอมเมนต์กว่าหนึ่งแสนรายการ!
และในวันเดียวกัน ฟอรัมของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อก็ได้รับแรงกระแทกเช่นกัน!
ข่าวเดียวกันถูกแพร่ไปยังฟอรัมของไห่ซื่อในวันเดียวกัน!
ด้วยพาดหัวข่าวที่เหมือนกัน
[เราต้องการความยุติธรรม! ต้องการความโปร่งใส! เราต้องการใช้สิทธิ์ของเรา!]
ภายในหนึ่งวัน ฟอรัมของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อก็ต้องปิดระบบลงชั่วคราว แต่บล็อกทางการของ Tieba รวมถึงบล็อกและเวยป๋อทางการของมหาวิทยาลัยก็ถูกถล่มอีกครั้งโดยนักศึกษาจำนวนนับไม่ถ้วน
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นนักศึกษาจากทั่วทั้งประเทศที่เคยประสบปัญหาการถูกคัดออกโดยไม่ทราบสาเหตุ
แต่พวกเขาระบายมันออกมาไม่ได้ ทว่าตอนนี้ไป๋เยี่ยกลับเป็นคนกระตุกฟางเส้นสุดท้ายของทุกคนให้ออกมาระบายความทุกข์!
ขณะนี้ มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อที่เดิมทีควรจะอยู่ในความสงบสุขกลับสั่นสะเทือน!
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว จ้าวลี่ซูผู้ควรจะพักจากงานกลับต้องเรียกคณะผู้บริหารมาประชุมด่วน!
จ้าวลี่ซูได้แต่นั่งหน้าดำคล้ำเครียดขมวดคิ้วเป็นปมท่ามกลางสายตาอันว่างเปล่าของคณะผู้บริหารกว่ายี่สิบคน ส่วนผู้อำนวยการฝ่ายปริญญาโทอย่างจางเหิงก็เอาแต่หวาดผวา
จ้าวลี่ซูเป็นผู้ทำลายความเงียบลง “อย่าเงียบกันสิครับ บอกผมทีว่าเราควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร!”
ทุกคนเงียบ ไม่มีใครอยากพูดอะไร แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าควรจะพูดอะไร
จ้าวลี่ซูถามขึ้น “ผอ.จาง ในฐานะที่คุณเป็นผอ.ฝ่ายปริญญาโท ต้องรับผิดชอบงานฝ่ายคุณตลอด คุณมีข่าวนักศึกษาอยู่ในมือตั้งเท่าไหร่ ไม่คิดจะรายงานอะไรเลยเหรอครับ
จางเหิงชะงัก เอาแล้วสิ…
เขาพยายามส่งสายตาไปทางเฮ่ออันพลางขมวดคิ้ว ส่ายหัวไปมา “ผอ.จ้าวครับ ไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับข้อมูลทั้งหมดของไป๋เยี่ยครับ ผมลองตรวจสอบผลคะแนนสุดท้ายแล้วก็ไม่มีปัญหานะครับ…”
ทั้งไป๋เยี่ยและฟู่ย่าตงต่างตกที่นั่งลำบากกันทั้งคู่ เพราะทำคะแนนได้สูสีกันมาก จางเหิงจึงทำการตรวจสอบคะแนนครั้งสุดท้ายด้วยตัวเขาเองเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด!
ทว่า…เขากลับมองข้ามสิ่งหนึ่งไป
จ้าวลี่ซูทุบโต๊ะ “ใช่เรื่องที่ผมถามไหมครับ ผมกำลังถามคุณเรื่องบทความต่างหาก! ไป๋เยี่ยเขียนบทความเยอะขนาดนี้ ทำไมคุณไม่เห็นเคยพูดถึงสักบทความเลยล่ะ!”
จางเหิงถอนหายใจ เขาต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เพราะเขาไม่ได้รวบรวมข้อมูลผู้สมัครให้เพียงพอ
แต่เขาก็ยังคงพูดตามความจริง “ผอ.ครับ ผมไม่รู้เรื่องบทความของไป๋เยี่ยมาก่อนเลย เพิ่งจะรู้ก็ตอนเห็นข่าวบนอินเทอร์เน็ตเนี่ยแหละครับ”
พูดจบก็ถอนหายใจพร้อมกับยิ้มแห้งๆ การรับสมัครนักศึกษาปริญญาโทอยู่ในความรับผิดชอบของเขาล้วนๆ จางเหิงพูดต่อ “มหาวิทยาลัยของเราไม่ได้นำคะแนนไอเอฟมาคิดเป็นคะแนนในการสอบคัดเลือกระดับป.โทตั้งหลายสิบปีแล้วนะครับ เพราะส่วนใหญ่นักศึกษาชั้นปีที่ห้าขึ้นไปจะเลือกไปฝึกงานในโรงพยาบาลมากกว่าเขียนธีสิสนะครับ ธีสิสและบทความต่างๆ จึงไม่ถูกนำมาใช้เป็นเกณฑ์การรับเข้าเรียน”
“นอกจากนี้ยังเป็นเพราะข้อจำกัดด้านเวลาด้วย พวกเราจำเป็นต้องตรวจสอบเอกสารที่เป็นข้อมูลในการสมัครเรียน แต่ผู้สมัครหลายคนต่างก็มีเอกสารยิบย่อยอื่นๆ อีกหลายรายการ เช่น ทุนการศึกษา ทุนสนับสนุน และรางวัลต่างๆ ด้วย ทั้งยังมีเอกสารมากมายที่ไม่รวมอยู่ในข้อมูลการรับสมัครอีก เลยมีหลายอย่างที่ผมมองข้ามไปครับ”
ความล้าหลังของระบบตรวจสอบข้อมูลและรับเข้าศึกษาไม่ได้เป็นปัญหาจากทางมหาวิทยาลัยเท่านั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการพัฒนาระบบเร็วเกินไป มหาวิทยาลัยและสถาบันหลายแห่งมักจะคัดผู้มีความสามารถออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะความล้าหลังและไม่สมบูรณ์ของข้อมูล
ตัวอย่างเช่น ประเด็นร้อนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกณฑ์ที่ใช้รับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยในเครือไอวี่ลีก ซึ่งเป็นเครือข่ายมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกาจะยึดตามมาตรฐานเดิมมาโดยตลอด โดยจะรวมทั้งคะแนนสอบ คะแนนภาษา และมาตรฐานความรู้โดยรวม
แม้จะมีรูปแบบสำหรับการตรวจสอบมาตรฐานความรู้โดยรวม ทว่าวิธีการตรวจสอบนั้นกลับล้าหลังมาก ทำให้ผู้มีความสามารถหลายคนต้องพลาดโอกาสนี้ไป
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดตระหนักเรื่องนี้ในภายหลัง ดังนั้นจึงได้เพิ่มข้อกำหนดเพิ่มเติมในการตรวจสอบ โดยกำหนดให้คณะกรรมการรับสมัครต้องอ่านเอกสารของผู้สมัครแต่ละรายการอย่างละเอียด ไม่ว่าผู้สมัครจะผ่านการรับรองหรือไม่ก็ตาม จะต้องใช้เวลาตรวจสอบเอกสารแต่ละรายการมากกว่าสามสิบนาที
ในฐานะที่รัฐแมสซาชูเซตส์ซึ่งเป็นฐานด้านเทคโนโลยีมีการใช้คอมพิวเตอร์ในการตรวจสอบและคิดคะแนนเอกสารรับสมัคร พวกเขาจำเป็นต้องลงทุนจำนวนมากกับขั้นตอนดังกล่าวในทุกๆ ปี และต้องมีการดูแลรักษาระบบเพื่อป้องกันความล่าช้าในการตรวจข้อมูล
นี่เป็นเรื่องจริงจากมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อเลย! มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อถูกจัดอยู่ในอันดับที่หนึ่งร้อยหกสิบสองในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยจากทั่วโลก หากทางมหาวิทยาลัยยังเพิกเฉยต่อการเก็บรักษาข้อมูลแบบนี้ต่อไป ตอนที่ไม่เกิดปัญหาทุกอย่างก็คงดูราบรื่นดี ทว่าไม่ช้าก็เร็วปัญหาก็ต้องถูกเปิดโปงอยู่ดี
และไป๋เยี่ยก็คือคนเปิดโปงปัญหานี้นั่นเอง!
จ้าวลี่ซูจ้องตาเขม็ง “ส่งเอกสารของไป๋เยี่ยมาให้ผมตรวจสอบทั้งหมด! ส่งมาให้ผม!”
จางเหิงลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะค่อยๆ ส่งกองเอกสารให้
ทันทีจ้าวลี่ซูเปิดเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาก็ต้องตกตะลึง!
“เอ๋…”
นี่…นี่มัน ‘เซลล์‘ นี่นา!
เขาเป็นผู้เขียนต้นฉบับของบทความในวารสาร ‘เซลล์’ ทั้งสองบทความ! ได้ตีพิมพ์ซะด้วย! แม้แต่เรายังไม่มีบทความเลย…
แล้วนี่ล่ะ ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ คะแนนไอเอฟ 21.98 คะแนน!
อันนี้ล่ะ
‘วารสารการแพทย์ นิวอิงแลนด์’ ‘เวิลด์เมดิคอลฟรอนเทียร์’ ‘วารสารเทคโนโลยีวัสดุขั้นสูง’…
จ้าวลี่ซูยิ่งอ่านก็ยิ่งสูดหายใจเข้าลึก!
มือของเขากำลังสั่นระริก!
น…นี่
เขาตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่สักพักใหญ่!
ทันใดนั้นเขาก็ตบโต๊ะอย่างรุนแรง! ก่อนจะชี้นิ้วไปที่จางเหิงและตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยว “คุณ… คุณ…เลอะเลือนนักหรือไง!”