ตอนที่ 120 โชคดีที่ได้เป็นแฟนคลับนาย
พลังของประชาชนนั้นทรงพลังมาก!
อย่าได้ดูถูกความสามารถของพวกนักศึกษาใหม่ เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าก่อนที่พวกเขาจะเข้ามหาวิทยาลัย พวกเขาทำอะไรมาบ้าง บางที…พวกเขาอาจจะเคยเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของดาวโรงเรียนมาก่อนก็ได้…
อาจจะฟังดูนอกประเด็นไปหน่อย ทว่ามีเด็กหนุ่มจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีคนหนึ่งค้นหาไอพีของคนที่โพสต์ด่าไป๋เยี่ยจนเจอจริงๆ
มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้กว้างใหญ่นัก จึงจับตัวคนโพสต์ได้อย่างง่ายดาย
ตัวการก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย เขาคือเพื่อนร่วมชั้นของไป๋เยี่ย ‘หลิวจื้อ’ นั่นเอง!
หลิวจื้อคิดว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องใหญ่โตอะไร ก็แค่รู้สึกหงุดหงิด เลยโพสต์ข่าวปลอมว่าไป๋เยี่ยสอบไม่ติดลงบนอินเทอร์เน็ต
เขาไม่ได้คิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์อื่นๆ เกิดขึ้นตามมาด้วย
เขาและไป๋เยี่ยอยู่คนละฝั่งกัน พวกเขาเป็นคู่แข่งในการชิงทุนการศึกษาแทบทุกครั้ง ทว่าไป๋เยี่ยกลับเป็นคนที่คว้าทุนการศึกษาดีๆ ไปได้ทุกรอบ
ทุนการศึกษาระดับชาติควรเป็นของเขา แต่มันกลับเป็นของไป๋เยี่ยแทน! เงินตั้งหมื่นกว่าหยวน!
เขายินดีก็แปลกแล้ว! เดิมทีเขาก็ไม่ชอบขี้หน้าไป๋เยี่ยอยู่แล้ว ยิ่งพอเห็นไป๋เยี่ยได้ดิบได้ดี ไฟริษยามันก็ยิ่งลุกโชนขึ้นไปอีก
ตอนนั้นที่ไป๋เยี่ยได้เป็นแชมป์ในการแข่งขันความรู้แพทย์แผนจีนระดับชาติรอบมณฑลก็ได้รับการยกย่องเชิดชูจากคนทั้งมหาวิทยาลัย
ต่อมาก็เป็นการแข่งขันรอบระดับประเทศ เขาก็พาทีมมณฑลจิ้นซีติดท็อปสิบได้ ผลงานของไป๋เยี่ยโดดเด่นขนาดนี้ หลิวจื้อจะเอาอะไรไปสู้
และเมื่อคะแนนสอบรอบสองถูกประกาศออกมา ไป๋เยี่ยก็สร้างสถิติใหม่โดยการทำคะแนนได้สูงถึงสี่ร้อยหกสิบเอ็ดคะแนน!
พอมองดูไป๋เยี่ยที่ได้กลายเป็นดาวเด่น เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่ พลันคิดว่าควรเป็นเขาที่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นมากกว่า ถ้าไม่มีไป๋เยี่ย ทั้งหมดนั้นก็คงเป็นของเขาไปแล้ว
หลิวจื้อจึงรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เห็นไป๋เยี่ยโดนเย้ยหยัน
สือฉีเป็นคนโจมตีไป๋เยี่ยก็จริง แต่แท้จริงแล้วคนอัปโหลดคลิปนั้นก็คือหลิวจื้อเอง เขาไม่ได้คิดว่ามันจะส่งผลอะไรภายหลัง…
และเมื่อเขารู้ว่าไป๋เยี่ยถูกมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อปฏิเสธ เขาก็ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่!
ดีใจสุดๆ เลยโว้ย!
โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ เขาจึงสมัครแอคเคาท์เล็กๆ ขึ้นมาปั่นกระแสข่าวในโลกออนไลน์ เพราะเขาต้องการทำลายตำนานที่ไป๋เยี่ยสร้างไว้
คนในมหาวิทยาลัยต่างก็พูดถึงประเด็นนี้อยู่ช่วงหนึ่ง ทว่ากลับไม่มีใครด่าหรือดูถูกไป๋เยี่ยเลยสักคน มีแต่จะสงสารมากกว่า
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ของไป๋เยี่ยจะเป็นตัวจุดชนวนขึ้น ในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยเดิมของไป๋เยี่ยแท้ๆ แทนที่จะปกป้องนักศึกษาของตน แต่กลับปล่อยให้คนนอกวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก ทำให้หลายๆ คนรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
แม้ว่าทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีจะไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อ แต่เมื่อยามที่นักศึกษาดีเด่นผู้นำเกียรติยศและความรุ่งโรจน์อันมหาศาลอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนมาสู่มหาวิทยาลัยกำลังตกระกำลำบากและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทางมหาวิทยาลัยกลับเพิกเฉย ถือเป็นการละทิ้งจรรยาบรรณอย่างหนึ่ง!
แรงกดดันจากสาธารณชนนั้นน่ากลัวกว่ากฎหมาย โดยเฉพาะกับสถาบันอย่างมหาวิทยาลัย
นักศึกษาสร้างชื่อให้กับคุณ แต่คุณไม่ได้มอบอนาคตที่ดีให้แก่พวกเขา แล้วเรื่องอะไรพวกเขาถึงจะต้องเลือกสถาบันของคุณ
โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนชื่อดังเหล่านั้น ที่เอาแต่บอกว่าจะรับไป๋เยี่ยเข้าเรียนเป็นกรณีพิเศษ จะให้เขาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของอาจารย์ดีๆ และมอบอนาคตที่ดีให้กับเขา…
ทำให้มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีถูกสังคมรุมประณามอย่างหนัก
จนตอนนี้ทางการมณฑลจิ้นซีก็ได้ออกประกาศเตรียมโยกย้ายบุคลากรแล้ว
‘คุณหูเฟิงอวิ๋น ผู้เป็นสมาชิกคณะบริหาร อดีตผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี และรองประธานสภาประชาชนแห่งมณฑลจิ้นซี…บัดนี้ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะบริหารของโรงพยาบาล บูรณาการการแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบันผู่เจ๋อ และในขณะเดียวกันก็ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักงานยาจีนแห่งชาติ…’
หูเฟิงอวิ๋นถูกย้ายตำแหน่ง!
ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ทำให้ทุกคนถึงกับช็อก!
“ผอ.หูโดนสั่งย้ายเหรอ”
“จริงเหรอ! เร็วมากเลยนะนั่น!”
“ผอ.หูได้เลื่อนตำแหน่งเหรอ เห็นไปเมืองหลวงแล้วนี่…”
ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเรื่องราวก็ยังไม่จบแค่นั้น ในเมื่อผู้อำนวยการถูกย้ายตำแหน่งแล้ว แล้วใครจะขึ้นเป็นผู้อำนวยการคนใหม่ล่ะ
ในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง อำนาจของผู้อำนวยการนั้นอยู่เหนือกว่าเลขาธิการคณะบริหารของมหาวิทยาลัย ทุกคนจึงคิดว่าหลี่เผยซั่วน่าจะได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการต่อไป ทว่าจู่ๆ ก็มีข่าวหนึ่งแทรกขึ้นมา!
‘คุณจางฮั่นหลิน ผู้เป็นสมาชิกคณะบริหาร อาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาเอก…อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโรคสมองประจำมณฑลจิ้นซี…ปัจจุบันได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี โดยจะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโรคสมองไปพร้อมๆ กัน…’
ทุกคนถึงกับอ้าปากค้าง!
เดิมทีทุกคนต่างคิดว่าหลี่เผยซั่วน่าจะได้นั่งตำแหน่งผู้อำนวยการควบคู่ไปกับตำแหน่งเลขานุการคณะบริหาร ทว่าตอนนี้มหาวิทยาลัยก็มีผู้อำนวยการที่มีส่วนร่วมในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้ว!
นี่เป็นการโยกย้ายบุคลากรครั้งสำคัญของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี
แต่สำหรับนักศึกษาแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ไม่ว่าจะใครได้เป็นผู้อำนวยการก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาอยู่ดี
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาโดยตรง!
จู่ๆ ไป๋เยี่ยที่หายเงียบไปหลายวันก็โพสต์ข้อความลงเวยป๋อ
‘ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้เรียบเรียงหนังสือเกี่ยวกับพื้นฐานการแพทย์แผนจีนที่ผมเคยเขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว ผมติดต่อสำนักพิมพ์ไปแล้ว อีกไม่นานน่าจะได้ตีพิมพ์แล้วครับ ขอแอบกระซิบชื่อหนังสือแล้วกัน หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า ‘บุกเบิกการแพทย์แผนจีน’ นะครับ’
แค่ประโยคธรรมดาๆ ก็ทำเอาแฟนๆ บนเวยป๋อใจสั่นไปหมด
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตัวตั้งตัวตีของเหตุการณ์ทั้งหมดถึงหายหน้าหายตาไป
ที่แท้ก็แอบไปเขียนหนังสือนี่เอง!
ในขณะที่คุณกำลังดูหมิ่น ใส่ร้าย หรือแม้แต่ดูถูกคนอื่นอยู่นั้น เขากลับครองสติและดำรงอยู่ในหลักของเหตุและผลโดยไม่โต้ตอบสักคำได้
เขาไม่ลดตัวลงไปเถียงกับพวกคุณหรอก!
ตลกสิ้นดี!
ระดับชั้นมันต่างกันเกินไป
ตัวคุณเองยังไม่ยอมฟังคำอธิบายจากไป๋เยี่ยเลย!
ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว ทำไมจะต้องอธิบายให้ยุ่งยากอีก!
ไป๋เยี่ยเหลือผู้ติดตามน้อยมาก แค่ราวๆ สามสี่พันคนเท่านั้น เหล่าคนที่ยังติดตามไป๋เยี่ยอยู่นั้นต่างคิดว่าตนเองคือกลุ่มคนที่โชคดีที่สุด!
ปลาเกยตื้น: [ทำไมอยู่ดีๆ ก็อยากร้องไห้นะ…ตอนที่รุ่นพี่ไป๋เยี่ยถูกด่าสาดเสียเทเสียขนาดนั้น เขาไม่ได้ออกมาอธิบายอะไรเลย แต่กลับไปเขียนหนังสือให้พวกเรา…]
ต้าวอวี๋: [ใช่แล้ว นี่แหละคนมีการศึกษาของแท้ รุ่นพี่ไป๋เยี่ยคือฮีโร่ในใจฉัน พี่เป็นคนทุ่มเททำงานหนักเพื่อพัฒนาการแพทย์แผนจีนจริงๆ!]
แอ็กหลุมของราชินี: [เข้าใจเลยว่าทำไมรุ่นพี่ไป๋เยี่ยถึงเก่งขนาดนี้ เขาไม่ได้ไปสนใจคนที่จ้องจะทำลายชื่อเสียงของเขาแต่กลับมาเอาใจใส่แต่เรื่องการแพทย์แผนจีน คนแบบนี้สมควรได้ใจฉันไป!]
ดูเหมือนว่าหนังสือของไป๋เยี่ยจะจุดประเด็นขึ้นมาอีกแล้ว
คราวนี้ยอดผู้ติดตามในเวยป๋อของไป๋เยี่ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหนึ่งหมื่นเป็นสามหมื่น สามหมื่นเป็นห้าหมื่น จากห้าหมื่นเป็นหนึ่งแสน
ยอดผู้ติดตามของไป๋เยี่ยพุ่งขึ้นถึงหนึ่งแสนคนภายในวันเดียว!
ถึงกับมีแฟนคลับบางคนเขียนเรื่องราวของไป๋เยี่ยเป็นเรื่องสั้นลงในหน้าฟีดของพวกเขาเอง
ภายในระยะเวลาชั่วข้ามคืน เรื่องสั้นชื่อว่า ‘โชคดีที่ได้เป็นแฟนคลับนาย’ ก็ถูกแชร์ออกไปเรื่อยๆ จนมียอดไลก์กว่าหนึ่งหมื่นไลก์!
และผู้แต่งก็คือคือชายหนุ่มรูปงามที่สุดในจักรวาลชื่อว่า ‘โส่วว่อชุ่นกวนสือ’ นั่นเอง ถึงไดรับความรักอันมากล้นขนาดนี้!
ไม่ใช่แค่โพสต์ของแฟนคลับเหล่านี้เท่านั้น แต่เรื่องราวของไป๋เยี่ยก็ยังดึงดูดความสนใจจากสาธารณชนจำนวนมากอีกด้วย พวกเขาเริ่มเข้ามาคอมเมนต์แสดงความนับถือไป๋เยี่ยในเวยป๋อเช่นกัน