ตอนที่ 124 ความโกลาหล
ไป๋เยี่ยสะดุ้งตื่นขึ้นมา!
ถ้าพูดให้ถูกก็คือ ไป๋เยี่ยตื่นเพราะถูกสวี่จงเหล่ยดึงผ้าห่มออก!
ไป๋เยี่ยเบิกตากว้างพลางจ้องมองสวี่จงเหล่ยที่มีท่าทีเร่งรีบ เขาจึงรีบผุดขึ้นไปนั่งห่อตัวในผ้าห่มที่มุมห้องด้วยความผวา
สวี่จงเหล่ยเอ่ยขึ้น “ผอ.โทรหาคุณตั้งหลายสาย ยังจะนอนอยู่อีกเหรอ”
ไป๋เยี่ยผงะ “ทำไมผอ.ถึงโทรหาผมเหรอครับ”
สวี่จงเหล่ยไม่อธิบาย “เร็วเข้า มีคนรอคุณอยู่ พวกเขาบอกว่าระหว่างทาง…”
ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ไป๋เยี่ยก็มาถึงห้องประชุมใหญ่ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับคณะผู้บริหารนั่งรอเขาเต็มไปหมด
ไป๋เยี่ยฝืนยิ้ม “สวัสดีครับทุกท่าน…กำลังยุ่งๆ กันอยู่สินะครับ…”
พอหันกลับมาก็ปะเข้ากับสายตาของเหล่าผู้บริหารกว่าสิบคน ไป๋เยี่ยยืนอ้ำอึ้ง ดูเหมือนว่าฮีตเตอร์ในห้องประชุมจะเสีย…
หูเฟิงอวิ๋นพูดขึ้น “ไป๋เยี่ย มานี่หน่อย มีบางอย่างที่คุณต้องอธิบายให้พวกเราฟังอย่างชัดเจน ยิ่งละเอียดยิ่งดี”
หลี่เผยซั่วจ้องไป๋เยี่ยต้าเขม็ง “เกิดอะไรขึ้นกับบทความของคุณ มีปัญหาหรือไม่ แล้วบทความนั้นเป็นบทความจริงหรือปลอม”
ไป๋เยี่ยตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นเรื่องร้ายแรง
หลี่เผยซั่วเป็นถึงเลขานุการคณะบริหาร เขาเป็นผู้ครองอำนาจในมหาวิทยาลัย คำพูดของเขาจึงทำให้ไป๋เยี่ยต้องตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้
ไป๋เยี่ยส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่มีปัญหาอะไรครับ บทความทั้งหมดเป็นของผมเอง มีสองบทความที่มาจากวารสาร ‘เซลล์’ ผมเป็นผู้เขียนต้นฉบับของบทความทั้งสองบทความเองครับ ส่วนบทความจากวารสาร ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ ก็มาจากความคิดของผมเองครับ ส่วนอีกสิบสองบทความที่ผมมีชื่อเป็นผู้เขียนร่วมนั้น ผมก็มีส่วนร่วมทุกบทความ…เพราะฉะนั้น…ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ!”
เหล่าอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญต่างตกตะลึงเมื่อได้ฟังสิ่งที่ไป๋เยี่ยพูด!
‘เซลล์’…นั่นคือวารสารชั้นนำพอๆ กับวารสาร ‘ธรรมชาติ’ และ ‘วิทยาศาสตร์’! มีคะแนนไอเอฟสูงกว่าสามสิบคะแนน ซึ่งไป๋เยี่ยได้ตีพิมพ์ไปสองบทความ ก็จะได้คะแนนรวมเป็นหกสิบคะแนน!
ทุกคนช็อก การตีพิมพ์บทความลงวารสารเซลล์มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
หลี่เผยซั่วขมวดคิ้ว “คุณบอกว่าคุณเขียนเอง มีหลักฐานไหมครับ”
ไป๋เยี่ยชะงัก เขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากหูเฟิงอวิ๋น หูเฟิงอวิ๋นได้แต่พยักหน้าให้เขา ไป๋เยี่ยจึงพูดขึ้นว่า “ผมเขียนมันตอนที่ไปฝึกงานในฐานทดลองโนเบลครับ!”
เช้าวันนั้น เหล่าคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีจึงได้อภิปรายข้อสรุปต่อไปนี้ในที่ประชุม!
ประการแรก: เปิดเผยบทความทั้งสิบห้าฉบับที่เขียนโดยไป๋เยี่ย ทั้งปกวารสาร สารบัญ และเนื้อหาของบทความ ประกาศให้สาธารณชนทราบว่าไป๋เยี่ยคือผู้เขียนและผู้มีส่วนร่วมในบทความจริงๆ ไม่มีการปลอมแปลงแต่อย่างใด นอกจากนี้บทความทั้งหมดยังต้องเข้ารับการพิสูจน์คุณค่าและอิทธิพล!
ประการที่สอง: ขอให้ผู้ที่มีส่วนร่วมในการกล่าวว่าร้ายทำให้ชื่อเสียงของไป๋เยี่ยและมหาวิทยาลัยของเราเสื่อมเสียกล่าวขอโทษต่อสาธารณชน หากยังคงทำพฤติกรรมดังกล่าวต่อไป จะเข้าสู่ขั้นตอนการฟ้องร้อง!
ทันใดนั้น…
หลังจากที่มีข่าวออกมา ช่องคอมเมนต์ก็แทบจะระเบิด!
[เฮ้ย! จริงปะเนี่ย เขามีบทความใน ‘เซลล์’ สองบทความ ใน ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ อีกหนึ่งบทความ…รวมๆ กันแล้วมีสิบห้าบทความแน่ะ! นี่มันบ้าอะไรกัน]
[…ตีพิมพ์บทความง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นจะลองตีพิมพ์บทความลง ‘เซลล์’ บ้างดีไหม]
[ไม่ได้ปลอมแปลงใช่ไหม ล้อกันเล่นใช่ไหม เป็นแค่นักศึกษาจะตีพิมพ์บทความชั้นยอดแบบนั้นได้ไง]
[มันต้องใช้เงินซื้อแน่ๆ! ใครจะไปเชื่อว่าจะมีนักศึกษาคนไหนได้ตีพิมพ์บทความเยอะขนาดนี้!]
[คิดว่า ‘เซลล์’ เป็นหนังสือนิยายหรือไง เลิกไร้สาระได้แล้วหนูๆ จริงจังได้แล้ว! นี่มันงานวิชาการนะ…]
[นี่เป็นเรื่องเศร้า ฉันจบป.เอกไม่ได้เพราะติดปัญหาเรื่องธีสิส…ช่วยบอกวิธีปลอมแปลงแบบเนียนๆ หน่อยสิ…]
[ในฐานะแพทย์ที่กำลังจะจบการศึกษาจากวิทยาลัยแพทย์ฮาร์เวิร์ด กล้าพูดเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนปลอมแปลงบทความทางวิชาการได้เหนือชั้นขนาดนี้! ที่จีนไม่ใส่ใจเรื่องนี้หน่อยเหรอ นี่มันของปลอมชัดๆ ขนาดฉันยังได้ตีพิมพ์วารสารสองฉบับเอง คะแนนไอเอฟก็ได้รวมๆ แค่เจ็ดคะแนน แล้วนี่เป็นแค่เด็กป.ตรี…ตลกจังเลย…]
[ความล้มเหลวของประเทศ ความล่มจมของชาติ! ทางมหาวิทยาลัยไม่เพียงแต่เพิกเฉย แต่ยังปกป้องคนที่ปลอมแปลงบทความด้วย มันช่าง…น่าเจ็บปวดจริงๆ!]
[เอาอีก! แฉอีก! เราต้องแฉการปลอมแปลง!]
[ถูกต้อง คิดจะส่งหมายศาลเหรอ คิดว่าขู่ใครอยู่เหรอ เดี๋ยวเจอฉันส่งจดหมายรายงานซะเลย!]
[ใช่แล้ว! อาจารย์สือฉี พวกเราจะปราบปรามการปลอมแปลงบทความทางวิชาการ จะไม่มีการยินยอมหรือให้อภัยดดยเด็ดขาด!]
[สู้ๆ อาจารย์สือฉี ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน พวกเราก็จะอยู่ข้างคุณ เราจะร่วมใจกันต่อต้านการกระทำอันชั่วร้ายนี้!]
[มาเหอะ แน่จริงก็ส่งหมายศาลมา! ที่อยู่ฉันคือ…]
[ไอ้เมนต์บนน่ะหยุดเลย นั่นที่อยู่บ้านฉันโว้ย!]
ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ก็มีคอมเมนต์ผุดขึ้นได้โพสต์ดังกล่าวอย่างน้อยสามหมื่นรายการ คราวนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะพุ่งเป้าไปที่ไป๋เยี่ยและมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี
บทความที่มีคะแนนไอเอฟสองร้อยห้าสิบแปดคะแนนนั่นช่างน่าขนลุกจริงๆ!
มันน่าขนลุกมากเสียจนคนส่วนใหญ่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างจริงจังว่าบทความเหล่านี้เกี่ยวกับอะไร หรือไม่ก็…เพราะพวกเขาไม่เข้าใจเนื้อหาของบทความเหล่านั้น
แต่ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะเข้าใจหรือไม่ สำคัญแค่ว่า ‘ฉันด่าได้ ฉันได้ด่า ฉันได้รัวคีย์บอร์ดด่า’
อ่านหรือไม่อ่านเนื้อหานั้นไม่สำคัญ ตราบใดถ้าเห็นไป๋เยี่ยโดนรุมประณาม พวกเขาก็จะด่าอีกเรื่อยๆ
แต่ว่า นักวิชาการที่แท้จริงจะใช้เวลาเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไปกับการอ่านข้อความหรือบทความใดๆ อีกแปดสิบเปอร์เซ็นต์ใช้พิจารณา ในขณะที่พวกนักเลงคีย์บอร์ดใช้เวลาแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ในการอ่านพาดหัวข่าว ส่วนอีกเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ใช้ไปกับการรัวคีย์บอร์ด อืม อย่างน้อยก็ดูมีความพยายามอันแรงกล้าดีนะ
สิ่งที่ทุกคนไม่เข้าใจก็คือ ทำไมครั้งนี้มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีถึงจริงจังกับการปกป้องนักศึกษา
ในวันเดียวกันนั้น จางฮั่นหลิน ผู้อำนวยการคนใหม่ของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีก็ได้โพสต์ข้อความลงบนเวยป๋อของเขา
[ผมเป็นผู้เขียนบทความเรื่อง ‘การวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้สารสกัดจากต้นเทียนหมาในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในภาวะสมองขาดเลือดเรื้อรัง’ กว่าจะมาเป็นบทความชิ้นนี้มันไม่ง่ายเลยครับ ผมชื่นชมและเห็นคุณค่ามันมาก บทความนี้มีความหมายกับผมมาก เพราะนี่คือโครงการย่อยของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติที่ผมได้ลงสมัครไว้ ตอนนี้งานวิจัยเสร็จสมบูรณ์แล้ว บุคคลที่มีส่วนช่วยในการทำให้งานวิจัยชิ้นนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีก็คือ ‘ไป๋เยี่ย’
ระหว่างนั้นงานวิจัยของผมเกิดติดขัดปัญหาบางอย่างขึ้นทำให้ดำเนินงานวิจัยต่อไปไม่ได้ ความบังเอิญนั้นทำให้ผมได้รู้จักกับไป๋เยี่ย…ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นคนที่เข้ามาช่วยผมแก้ไขปัญหาระหว่างวิจัย จนงานวิจัยชิ้นนี้ดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นและได้รับการตีพิมพ์ในที่สุด เขาคือนักศึกษายอดอัจฉริยะเพียงคนเดียวที่ผมเคยเจอ! ถ้าพวกคุณคิดจะว่าร้ายเขา ผมขอแนะนำให้พวกคุณลองอ่านส่วนการวิเคราะห์สถิติของงานวิจัยชิ้นนี้ก่อน บางที…พวกคุณอาจจะพอเข้าใจมากขึ้นว่าอัจฉริยะคืออะไร!]
[ผมภูมิใจมากที่สถาบันของเราสามารถบ่มเพาะนักศึกษาที่มีความสามารถเช่นนี้ออกมาได้ ผมรู้สึกโชคดีจริงๆ ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการคนใหม่ ผมจะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนไป๋เยี่ยเอง และจะคอยปกป้องเขา ใครก็ตามที่ทำให้ชื่อเสียงของสถาบันเสื่อมเสีย หรือสร้างผลกระทบในแง่ลบให้แก่ไป๋เยี่ยก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด]
[สุดท้ายนี้ ส่งหมายศาลไปแล้วนะครับ โปรดเก็บมันไว้ให้ดี @สือฉี]