ตอนที่ 126 บทสัมภาษณ์จากนักข่าว
ช่วงไม่กี่วันมานี้ มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีดูจะมีประเด็นมากมายไปหมด
มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี เป็นสถาบันที่สื่อมวลชนไม่เคยให้ความสนใจมาก่อน ทว่าบัดนี้มันกลับกลายเป็นสถานที่ที่ดึงดูดเหล่านักข่าวและสื่อต่างๆ เข้ามาจำนวนมาก
ผู้คนเหล่านั้นวิ่งวุ่นไปทั่วมหาวิทยาลัยพร้อมกับกล้องและไมโครโฟนในมือ
ทันทีที่พวกเขาเห็นนักศึกษาคนใดก็ตามพวกเขาก็จะถามคำถามหนึ่ง “คุณรู้จักไป๋เยี่ยไหม แล้วรู้จักเขามากแค่ไหน”
ไม่เพียงแต่นักศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหล่าคุณป้าในโรงอาหาร คุณป้าคุณลงภารโรง พี่รปภ.ด้วย… พวกเขาก็ต่างถูกรบกวนอยู่บ่อยครั้ง
ในตอนแรก เจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยก็รู้สึกว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่ดูแปลกใหม่ดี แต่พอคนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็เริ่มคิดว่ามันค่อนข้างส่งผลกระทบต่องานของพวกเขา
ประโยชน์เพียงหนึ่งเดียวก็คงเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับซุปเปอร์มาร์เก็ตของมหาวิทยาลัยเท่านั้น…
ส่วนไป๋เยี่ยก็หวาดกลัวจนไม่กล้าออกไปไหนเลย!
เขาได้วางแผนการใช้ชีวิตโดยไม่ออกจากหอพักไว้แล้ว นอกจากนี้ไป๋เยี่ยยังเพิ่งค้นพบว่าจริงๆ แล้วคุณป้าดูแลหอพักนั้นเป็นคนใจดีมากคนหนึ่ง
ทว่า…เมื่อนานเข้า ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็เริ่มรู้สึกรำคาญใจกับปรากฏการณ์ดังกล่าว จึงตัดสินใจบางอย่าง
จัดงานแถลงข่าว!
ว่าไงนะ
ใช่แล้ว งานแถลงข่าว…
ไป๋เยี่ยถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเขานี่ก็โด่งดังพอจะจัดงานแถลงข่าวได้เลย
เขาไม่คิดเลยว่างานแถลงข่าวครั้งแรกในชีวิตจะถูกจัดตั้งขึ้นโดยมีสาเหตุเช่นนี้
ทางมหาวิทยาลัยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชิญนักข่าวเหล่านี้มาร่วมกันจัดงานแถลงข่าว!
26 เมษายน เวลาบ่ายสามโมงตรง
ไป๋เยี่ย หูเฟิงอวิ๋น จางฮั่นหลิน และบุคลากรท่านอื่นๆ ต่างมาเข้าร่วมงานแถลงข่าว…
หูเฟิงอวิ๋นไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเข้าร่วมงานนี้แต่อย่างใด เพราะเธอกังวลว่าไป๋เยี่ยจะต้องเผชิญหน้ากับคำถามต่างๆ ที่ไม่น่าตอบ เธอจึงคอยคิดหาวิธีช่วยไป๋เยี่ย
ทว่าทุกคนกลับต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็นสายตาอันสงบนิ่งของไป๋เยี่ยที่กำลังจ้องมองนักข่าว
การสัมภาษณ์เริ่มต้นขึ้น หญิงสาวผมสั้นแต่งตัวเป็นทางการคนหนึ่งก็เริ่มถามขึ้นก่อน “สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นนักข่าวจากโซหู่[1] ไม่ทราบว่าคุณเป็นคนตีพิมพ์บทความทั้งสิบห้าฉบับจริงเหรอคะ”
ฟังดูเป็นคำถามง่ายๆ แต่คำถามนี้กลับเป็นสิ่งที่ทุกคนตั้งตารอคำตอบ
ไป๋เยี่ยคลี่ยิ้มบางๆ “ไม่ทั้งหมดครับ แต่ผมมีส่วนร่วมในทุกฉบับ เพราะฉะนั้นคงไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับบทความทั้งสิบห้าฉบับนี้นะครับ”
ชายสวมแว่นคนหนึ่งยืนขึ้นทันทีที่ไป๋เยี่ยพูดจบ “ผมเป็นนักข่าวจากเอ็ดดูเคชั่นเดลี่นะครับ คุณบอกว่าคุณมีส่วนร่วม ถ้าอย่างนั้นพอจะแสดงหลักฐานหน่อยได้ไหมครับ เท่าที่ทางเราทราบมา คุณก็เป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัย ในขณะที่บทความที่คุณตีพิมพ์นั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับเทคโนโลยีระดับสูง แล้วคุณเข้าไปมีส่วนร่วมได้ไงครับ”
ชายสวมแว่นถามตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม นี่แหละคือสิ่งที่ใครๆ ก็อยากถาม! ทุกคนได้ยินดังนั้นจึงตั้งใจฟังกันใหญ่
ไป๋เยี่ยไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องฐานทดลองโนเบลอย่างไรดี
เขาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปก “ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ผมได้เข้าไปฝึกงานในห้องแล็บแห่งหนึ่งครับ ผมได้อะไรจากที่นั่นเยอะมากจริงๆ ส่วนบทความเหล่านี้ก็ถูกตีพิมพ์ขึ้นโดยตัวผมเองในตอนนั้น ส่วนบางบทความที่ระบุชื่อผมเป็นผู้ร่วมเขียน ผมก็มีส่วนร่วมในการทดลองทั้งนั้นครับ”
ชายสวมแว่นเบิกตาโพลงก่อนจะกระตุกมุมปากเล็กน้อย “ผมเข้าใจถูกไหมครับ คือคุณเนี่ยได้เข้าร่วมในการทดลองภายใต้การนำของนักวิจัยในห้องแล็บนั้น จากนั้นพวกเขาก็เพิ่มชื่อคุณลงไปในบทความของพวกเขาถูกไหมครับ”
นักข่าวที่อยู่รอบๆ ต่างพากันหันไปทางชายสวมแว่น เป็นคำถามที่ดีมาก!
ไป๋เยี่ยชะงัก นักข่าวพวกนี้นี่มันจุ้นจ้านซะจริงๆ!
ชายคนนั้นกำลังหมายความว่าไป๋เยี่ยเขียนบทความเหล่านั้นขึ้นมาโดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นอีกที บทความกว่าสิบฉบับนั้นไม่ได้สร้างประโยชน์ใดๆ ให้กับคนที่ช่วยไป๋เยี่ยเลย เพียงแค่ใส่ชื่อไป๋เยี่ยลงไปเท่านั้น!
“ไม่ใช่นะครับ จริงๆ แล้วผมก็มีบทบาทระหว่างการทดลองเยอะนะครับ และผมก็เชื่อว่าคนที่อ่านบทความของผมจะเข้าใจว่าผมมีบทบาทอะไรบ้าง”
นักข่าวที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดเอ่ยขึ้น “ผมไม่ใช่นักข่าว แต่ผมเป็นบรรณาธิการของวารสาร ‘การแพทย์สมัยใหม่’ นอกจากบทความที่คุณเป็นผู้เขียนร่วมแล้ว ผมสงสัยว่าคุณไปตีพิมพ์สองบทความนั้นในวารสาร ‘เซลล์’ ได้อย่างไร ถ้าผมอ่านไม่ผิด ผู้เขียนต้นฉบับก็คือคุณ แต่ที่ปรึกษาของคุณคือศาสตราจารย์ถูโยวเนี่ยนะ! ผมขอถามหน่อย คุณมีความสัมพันธ์อย่างไรกับศาสตราจารย์ถูเหรอครับ”
‘การแพทย์สมัยใหม่’ เป็นวารสารชื่อดังของจีน ซึ่งนักข่าวเหล่านี้ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอกับผู้เชี่ยวชาญ! กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มีประเด็นเด็ดๆ ขึ้นมาเสียได้!
คำพูดของชายคนนั้นทำเอาคนอื่นๆ เบิกตากว้างไปตามๆ กัน!
“ถูโยว ศาสตราจารย์ถูที่ได้รางวัลโนเบลอะนะ”
“มีข่าวแล้ว! นี่แหละข่าวใหญ่! ฉันไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เจออะไรดีๆ แบบนี้เลย!”
ทุกคนดูจะเบิกบานขึ้นมาในทันใด
ไป๋เยี่ยตอบคำถามอย่างไม่ลังเล “ศาสตราจารย์ถูเป็นอาจารย์ของผม และผมก็เป็นศิษย์ของศาสตราจารย์ถู เข้าใจง่ายไหมครับ ซึ่งสถาบันที่ผมไปเข้าร่วมก็คือฐานทดลองของศาสตราจารย์ถูที่สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาตินั่นแหละครับ บนบทความก็มีเขียนอยู่นะครับ”
บรรณาธิการขมวดคิ้ว “แล้วบทความนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์ถูมากแค่ไหนเหรอครับ ผมลองค้นข้อมูลเกี่ยวกับบทความใน ‘เซลล์‘ แล้วก็พบว่าบนหน้าปกของวารสารก็เป็นภาพของศาสตราจารย์ถู เลยอยากทราบว่าคุณเขียนบทความนี้ขึ้นมาโดยได้รับการชี้แนะจากท่านจริงๆ ใช่ไหมครับ”
ไป๋เยี่ยถอนหายใจ คนพวกนี้ก็แค่อยากให้ไป๋เยี่ยพูดอกมาว่าบทความเหล่านั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของไป๋เยี่ยก็ดังขึ้น เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาและพบว่ามีข้อความส่งมาถึงเขา
ข้อความนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าคนส่งมาคือถูโยวนั่นเอง
[ไม่ต้องเก็บความลับเกี่ยวกับการทดลองของเราแล้ว ตอนนี้ผลการทดลองออกมาแล้ว และจะออกอากาศทางทีวีคืนนี้ แล้วก็…]
อะไรวะนั่น
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง…
ความสุขมันถาโถมมาแบบไม่ทันตั้งตัวเลย
จะมีอะไรมาได้ทันเวลาขนาดนี้อีกไหมนะ
อยากได้หลักฐานกันไม่ใช่หรือไง
จะมีอะไรชัดเจนกว่านี้อีกไหม!
จู่ๆ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นทำให้การสัมภาษณ์หยุดลงทันที!
ทุกคนพร้อมใจกันหันไปทางประตู!
หูเฟิงอวิ๋นรวมถึงบุคลากรท่านอื่นๆ ต่างมองไปที่สวี่จงเหล่ยที่วิ่งแจ้นเข้ามาก่อนจะขมวดคิ้วล็กน้อย
สวี่จงเหล่ยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ผอ.ครับ! มีชาวต่างชาติมาพบครับ เขาบอกว่าเขามาจากอเมริกา เป็นบรรณาธิการของ ‘เซลล์’ และเขาต้องการพบไป๋เยี่ยครับ!”
[1] โซหู่ (Sohu) บริษัทอินเทอร์เน็ตของประเทศจีน