ตอนที่ 132 อัปเลเวลวิชาสถิติ
คาร์ลขอตัวกลับมาที่โรงแรมก่อน เพราะเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำมากกว่าเรื่องกิน
จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่คือต้องการขอให้ไป๋เยี่ยช่วยวิเคราะห์ข้อมูล เขาจึงรีบกลับไปที่โรงแรมหลังจากการบรรยายจบลงทันที
เขาเคาะประตูก่อนจะเข้าไปพบว่าไป๋เยี่ยกำลังนั่งจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กอยู่ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม คิ้วหนาของเขาขมวดเป็นปม สายตาของเขาก็จ้องไปที่ปากกาและกระดาษในมือ
คาร์ลลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “เป็นไงบ้าง ได้ผลลัพธ์ไหม”
ไป๋เยี่ยขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับถอนหายใจ “ผลลัพธ์ก็เหมือนกับของอีกฝ่าย ไม่มีความแตกต่างเลยครับ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของไป๋เยี่ย คาร์ลก็รู้สึกเสียศูนย์จนแทบล้มลงไปกองกับพื้น เขาจับผนังข้างๆ ก่อนจะหันหลังเอนตัวพิงกำแพงแล้วค่อยๆ นั่งลง
เขายกมือขึ้นมาปิดหน้าของตนเองและเงียบไป…
ไป๋เยี่ยเห็นท่าทีของคาร์ลก็รู้สึกงุนงง เกิดอะไรขึ้นกับคาร์ล
เขาจำได้ว่าเดซี่เคยบอกว่าคาร์ลออกจากหน่วยทดลองและไปทำงานกับ ‘เซลล์‘ หลายปีแล้ว คงไม่ใช่เพราะเรื่องโปรเจ็กต์ใช่ไหม
สรุปแล้วเป็นเพราะอะไรกันแน่
ไป๋เยี่ยสับสนเล็กน้อย เขายืนขึ้นและเดินไปหาคาร์ลก่อนจะเอ่ยปากถาม “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ข้อมูลนี้มีอะไรผิดปกติเหรอ…”
จู่ๆ คาร์ลก็ถอนหายใจออกมาแล้วจึงพูดค้อ “ไม่มีอะไรหรอก ไว้ผมกลับมาแล้วจะบอกคุณเอง ไปกันเถอะ ทุกคนกำลังรออาหารเย็นอยู่”
“คุณเก็บของเถอะ ผมว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ เดี๋ยวเราจะไปกันแล้ว”
ยี่สิบนาทีต่อมา ทั้งคู่ก็ออกจากห้องไป
โรงแรมตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อทั้งคู่มาถึงห้องอาหารแล้ว คนอื่นๆ ก็พากันลุกขึ้นและปรบมือต้อนรับ
สิ่งสำคัญคือพวกเขาต้องการกล่าวต้อนรับและขอบคุณคาร์ลที่มาบรรยายอย่างตรงไปตรงมา ไม่คุยโวโอ้อวด
ส่วนคาร์ลเองก็อธิบายถึงมาตรฐานการตรวจสอบของวารสารอย่าง ‘เซลล์‘ ‘ธรรมชาติ‘ ‘วิทยาศาสตร์‘ ฯลฯ รวมถึงสิ่งที่บรรณาธิการให้ความสำคัญระหว่างกระบวนการตรวจสอบอย่างการบวกคะแนนหรือหักคะแนน
บทความหลายฉบับบนเว็บไซต์ได้รับการตรวจสอบและแก้ไขอย่างเปิดเผย มีการใช้กรณีเฉพาะเพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงวิธีการเขียนบทความอย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ คาร์ลยังเน้นไปที่การวิเคราะห์และอธิบายทิศทางการพัฒนาของสถาบันวิจัยหลายแห่งในปัจจุบัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือแสงสว่างซึ่งคอยนำทางผู้คนจำนวนมากที่กำลังทำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
คาร์ลเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมารยาทมาก ระหว่างมื้ออาหาร เขาเป็นสุภาพบุรุษมาก ทำให้ไป๋เยี่ยแปลกใจเล็กน้อย
หลังจากที่งานเลี้ยงจบลง จู่ๆ คาร์ลก็ถามขึ้น “เหล้าประจำมณฑลจิ้นซีคือเหล้าอะไรเหรอ”
ไป๋เยี่ยผงะเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบไป “เฝินจิ่ว!”
คาร์ลตาเป็นประกาย “กลับไปดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”
ไป๋เยี่ยจึงกลับมาที่โรงแรมพร้อมเหล้าเฝินจิ่วที่บ่มนานกว่ายี่สิบปี พร้อมกับซื้อกับแกล้มอย่างถั่วลิสงและล่าเถียวกลับมาด้วย
คาร์ลค่อนข้างจะเป็นคนคอแข็ง ทั้งคู่ดื่มไปราวๆ สองจิน ล่าเถียวและถั่วลิสงนั้นก็พอจะทำให้คาร์ลรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
ดื่มไปสักพัก คาร์ลก็พูดขึ้น “รู้ไหมว่าทำไมผมถึงมาที่นี่เพื่อขอให้คุณช่วย”
ไป๋เยี่ยกำลังจะปริปากตอบ ทว่าคาร์ลกลับพูดต่อทันที “อันที่จริง…ก่อนจะมาที่นี่ผมก็ได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว อะไรมันจะง่ายขนาดนั้น!”
“ผมทำงานกับ ‘เซลล์‘ มาหลายปีแล้ว ผมได้พบกับนักสถิติหลายคน แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นแบบนี้!”
“เพียงแต่ว่า…ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยอยากยอมรับมันสักเท่าไหร่ ยังไงซะ ผมก็ทุ่มเทเพื่อมันมาหลายปีแล้ว มันจะสูญเปล่าหรือเปล่านะ”
ไป๋เยี่ยพอจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้ ต้องมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับข้อมูลหรือการทดลองแน่ๆ ทั้งที่มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าทุกการทดลองจะได้ผลซะหน่อย
คาร์ลถอนหายใจ “ตอนนั้นที่ผมกำลังเข้าสู่ขั้นตอนที่สามของการทดลอง ซึ่งเป็นการทดลองในคลินิก ผู้ป่วยเหล่านั้นเสียชีวิตอย่างรวดเร็วหลังจากรับประทานยานั่นไป ยาชนิดนั้นไม่เพียงแต่ยับยั้งและควบคุมการพัฒาของเนื้องอกในร่างกายมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเร่ง…”
ไป๋เยี่ยช็อก!
เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย ทว่าในการทดลองกับสัตว์ก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร แล้วเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้
ไป๋เยี่ยไม่เข้าใจ!
คาร์ลฝืนยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะชนแก้วกับไป๋เยี่ย “เอาเถอะ เฝินจิ่วของคุณดีมากเลย ผมชอบมัน”
“การทดลองนี้เป็นการพัฒนายาตัวใหม่โดยทีมที่นำโดยที่ปรึกษาของผมตอนที่ผมอยู่ที่หน่วยทดลอง พวกเราทำงานได้ดีมากทั้งกระบวนการคิด การสันนิษฐาน และการสังเกต…การทดลองกับสัตว์ในระยะแรกก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่พอเป็นการทดลองในคลินิกกลับไม่มีใครคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้เลย”
“พวกเราวิจัยมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ รวมถึงข้อผิดพลาดด้วย…”
“พวกเราใช้เวลากว่าห้าถึงหกปี…พวกเราใช้เวลาหลายปีขนาดนี้…แต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันจะ!”
ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจ ในฐานะนักวิจัยคงไม่มีอะไรน่าอึดอัดใจไปมากกว่านี้แล้ว
ล้มเหลวโดยที่ไม่รู้มูลเหตุ
“เฮ้อ…ต่อมาหน่วยทดลองก็ถูกยุบ แล้วผมก็ได้ไปทำงานกับ ‘เซลล์‘ ผมได้พบผู้คนมากมายที่คอยช่วยผมหาสาเหตุ แต่สุดท้ายผมก็ยังหาไม่เจอ…”
ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่นานมาก จนกระทั่งเป็นเวลาตีสามแล้ว จึงแยกกันไปพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนจากระบบ
[ติ๊ง! ภารกิจเป็นครูที่ดีสำเร็จลุล่วง จากผลการสอน คุณจะได้รับค่าประสบการ์จำนวน 19012 แต้ม]
ไป๋เยี่ยถึงกับตะลึง!
ค่าประสบการณ์แบบสุ่ม 19012 แต้มงั้นเหรอ
แถมยังมีค่าประสบการณ์แบบสุ่มสามหมื่นแต้มจากครั้งที่แล้วด้วย!
เยอะขนาดนี้เลยเหรอ
ค่าประสบการณ์เยอะขนาดนี้จะเอาไปอัปอะไรได้บ้างน้า
ค่าประสบการณ์เกือบห้าหมื่นแต้มนั้นมากพอที่จะอัปเลเวลจากห้าเป็นหกได้
แต่จะอัปอะไรดีล่ะ
สถิติเหรอ
ไป๋เยี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง…
อัปดีไหมนะ
ไป๋เยี่ยใช้วิชาเวชสถิติเป็นทักษะเสริมมาโดยตลอด แต่ถ้าเขาลองคิดดูดีๆ ทักษะนี้ก็สร้างปาฏิหาริย์ให้กับเขามาหลายครั้งแล้ว
ถ้าไม่มีวิชาเวชสถิติ เขาก็คงไม่ได้รู้จักกับจางฮั่นหลิน คงจะไม่ได้ค้นพบอาร์เทแอนนิวอินที่ฐานทดลองโนเบล ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ‘เซลล์‘ เลย…
หลายๆ เรื่องคงจะไม่เกิดขึ้น!
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เยี่ยยังรู้สึกผิดเล็กๆ ที่เขาช่วยเหลืองานของคาร์ลไม่ได้
คาร์ลช่วยเขาไว้มาก ไม่เพียงแต่เรื่องตีพิมพ์บทความเท่านั้น แต่ยังรวมทั้งการบรรยายต่อหน้าสาธารณะด้วย ในขณะที่ไป๋เยี่ยยังไม่ได้ช่วยอะไรคาร์ลเลย
ไป๋เยี่ยมองดูเลเวลวิชาเวชสถิติซึ่งอยู่ที่ เลเวล 5 2000/50000 ก่อนจะกัดฟันแน่น!
เพิ่มค่าประสบการณ์แบบสุ่มทั้งหมด
[ติ๊ง! เลเวลวิชาเวชสถิติเพิ่มขึ้นเป็นเลเวลหก ยินดีด้วย!]
อัปเลเวล!
ทันใดนั้น ไป๋เยี่ยก็สัมผัสได้ว่าความรู้ต่างๆ ได้รับการบูรณาการ ช่องโหว่ของข้อมูลการทดลองเหล่านั้นที่เขาหาไม่เจอก็ได้รับการเติมเต็มให้สมบูรณ์มากขึ้น
สำคัญที่สุดคือไป๋เยี่ยรู้สึกได้ว่าเขามีความเข้าใจในข้อมูลการทดลองและวิธีทดลองมากขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว
สถิติไม่ใช่แค่การคาดเดาหรือการอนุมานเท่านั้น แต่ยังค้นหาปัญหามากมายจากข้อมูลชุดใหญ่ได้ด้วย
คุณจะได้รับข้อมูลมากมายยิ่งขึ้นจากการเก็บรวบรวมตัวอย่างข้อมูล!
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกได้ถึงข้อมูลที่เพิ่งวิเคราะห์ไปเมื่อวาน ดูเหมือนว่าเขาจะเจอช่องโหว่แล้วจริงๆ…