ตอนที่ 142 แผนการของไป๋เยี่ย
เมิ่งอวิ๋นซีจ้องไป๋เยี่ย “ว่าไงนะ คุณจะเช่าที่นี่งั้นเหรอ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า เขาจ้องเมิ่งอวิ๋นซีพร้อมกับตอบออกไปอย่างหนักแน่น “ใช่!”
เมิ่งอวิ๋นซีมองไป๋เยี่ยที่มีท่าทีจริงจังอย่างสงสัยเล็กน้อย เธอตกลงให้เขาใช้สถานที่ฟรีๆ แล้ว แต่ทำไมเขาถึงยังอยากเช่ามันล่ะ
“ฉันขายที่นี่ได้เป็นร้อยล้าน ทำไมฉันต้องปล่อยให้คุณเช่าล่ะ”
ไป๋เยี่ยกล่าวอย่างใจเย็น “เพราะคุณไม่พอใจกับราคาขายในปัจจุบันนี่ครับ ถ้าคุณไม่ขายที่นี่ไป คุณจะขาดทุน”
“ถ้าผมรับช่วงต่อ ผมไม่เพียงแต่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของแต่ละเดือน แต่ยังจ่ายค่าเช่ารายเดือนให้คุณเดือนละห้าแสนหยวนด้วยนะ”
“ยิ่งไปกว่านั้น ผมยังรับช่วงต่อบุคลากร อุปกรณ์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพาะพันธุ์หนูได้ ด้วย ทั้งหมดที่ว่ามาช่วยสร้างรายได้ให้คุณได้นะครับ”
“แต่ที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะต่อรองราคากับบริษัทเหล่านั้นได้เรื่อยๆ ถ้ายังตกลงกันไม่ได้ก็มีเวลาเจรจาอีกตั้งหนึ่งเดือน ต่อให้ตอนนี้จะยังตกลงกันไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าคุณจะต้องทำได้แน่นอน พอดูแนวโน้มราคาที่ดินในจิ้นซี แม้ว่าแถวๆ ตงซานจะขายได้ถูกกว่าที่อื่น แต่ก็ยังถือว่ายังเป็นที่ต้องการในตลาดอยู่ พอถึงตอนนั้น ถ้าคุณตั้งใจจะขายที่นี่จริงๆ ก็คงดีกว่าขายตอนนี้ถูกไหมครับ”
“นี่น่าจะเป็นสาเหตุว่าทำไมช่วงนี้คุณถึงมาอยู่ที่จิ้นซี ถูกไหมครับ”
ไป๋เยี่ยวิเคราะห์อย่างรอบคอบและพูดออกมาตามที่เขาคิดไว้ เขาตั้งตารอคำตอบจากเมิ่งอวิ๋นซี
ไป๋เยี่ยสรุปข้อมูลจากการคุยกับหยางกวงตงและการใช้วิจารณญาณของเขาเอง เขามั่นใจแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือการเดาล้วนๆ
แม้ว่าไป๋เยี่ยจะไม่มั่นใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีขาดความมั่นใจใดๆ เขาดูสงบนิ่งและมั่นใจมาก เขาไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาทางธุรกิจแบบนี้สักเท่าไหร่ ทว่าเขาเองก็เริ่มติดตามเถ้าแก่ไป๋ไปเจรจากับคนนั้นคนนี้ตั้งแต่เริ่มรู้เรื่องแล้ว
ในห้องมีเพียงคนสองคนและควันที่ลอยออกมาจากถ้วยชาบนโต๊ะ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
เมิ่งอวิ๋นซีไม่คิดว่าไป๋เยี่ยจะพูดแบบนี้
ในสายตาของเธอ ไป๋เยี่ยเป็นนักศึกษาที่เก่งมาก ถ้าใช้คำพูดของเดซี่ ก็คงต้องบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้านการวิจัย
ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ แม้ว่าเธอจะขอให้เขาเล่าเรื่องต่างๆ อีกทั้งเขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเดซี่ แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ ไม่เกี่ยวกับมิตรภาพ
ในสายตาของเมิ่งอวิ๋นซี เธอมองว่าทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันมาก!
คำพุดของไป๋เยี่ยดังกึกก้องอยู่ในหัวของเธอ เธอไม่พอใจกับราคาปัจจุบันจริงๆ ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่เลื่อนมันออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ปีที่แล้วฐานทดลองนี้สูญเสียมูลค่าของมันไป ปัจจุบันการวิจัยตัวยาชนิดใหม่ๆ โดยสถาบันวิจัยต่างๆ ไม่จำเป็นต้องพึ่งหนูทดลองจากบริษัทอีกต่อไปแล้ว
ทางบริษัทยังคงพยายามปรับปรุงคุณภาพของหนูอย่างหนักในปีที่ผ่านมา แต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าต้องการหนูที่ตรงตามเกณฑ์ ต้นทุนก็จะสูงเกินไป อีกทั้ง…อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีด้วย
แม้ตอนนี้เธอยังจะต้องใช้เงินลงทุนบางส่วนไปกับมันทุกเดือนก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นสถานการณ์ที่น่าลำบากใจอยู่ดี
ถ้าต้องโอนย้ายฐานการทดลองไปยังบริษัทยาอื่นๆ ก็ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเคร่งเครียดอีกเช่นกัน
เนื่องจากบริษัทยาขนาดเล็กซื้อฐานนี้ไปไม่ได้ อีกทั้งพวกเขายังไม่มีเงินทุน บุคลากร และเทคโนโลยีที่เพียงพอ พวกเขาจึงไม่ยอมรับข้อเสนอนี้
ส่วนบริษัทยาขนาดใหญ่ก็ไม่มีทีท่าจะเหลียวแลฐานเพาะพันธุ์นี้เลย เพราะมันก็เหมือนกับบริษัทของพวกเขาอยู่แล้ว การลงทุนซื้อฐานดังกล่าวจึงไม่คุ้มค่าทั้งในแง่ของการลงทุนซื้อและการใช้งาน
เมิ่งอวิ๋นซีกำลังคิดจะผลักดันฐานเพาะพันธุ์นี้ให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมใหม่ใช่หรือไม่ อย่าเพิ่งพูดถึงว่าจะทำอะไรกับที่นี่ต่อไปเลยดีกว่า ที่สำคัญคือตอนนี้เธอยังพอทำอะไรกับที่นี่ได้บ้าง
เมิ่งอวิ๋นซีใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แล้วถ้าระหว่างนั้นฉันตกลงราคาได้ล่ะ”
ไป๋เยี่ยคิด “อย่างแรก ถ้าผมซื้อที่นี่ด้วยราคาเดียวกันกับที่คุณตกลงได้ในตอนนั้น ผมก็จะซื้อมัน! ผมซื้อที่ดินไม่ได้ก็จริง แต่ผมจะซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงและเพาะพันธุ์หนู คุณจัดการกับอย่างอื่นได้ตามที่คุณต้องการ อย่างที่สอง ถ้าผมซื้อมันไม่ได้ ผมก็จ่ายค่าเช่าตามที่คุณกำหนด แต่ผมก็มีเงื่อนไขเหมือนกันนะ”
เมิ่งอวิ๋นซีดูตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงแต่ว่าเธอจะไม่ต้องสูญเสียอะไรเลย แต่ไป๋เยี่ยกลับกลายเป็นคนที่ต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งหมดไว้เอง ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นกันล่ะ
แล้วเงื่อนไขล่ะ เขามีเงื่อนไขอะไรบ้าง
เมิ่งอวิ๋นซีเองก็อยากรู้ว่าไป๋เยี่ยมีเงื่อนไขอะไรบ้าง “คุณลองบอกฉันมาสิ”
ไป๋เยี่ยค่อยๆ พูด “ผมขอเช่าที่นี่อย่างน้อยสองเดือน หลังจากผ่านไปสองเดือนถ้าคุณยังยินดีให้ผมเช่าผมก็จะเช่าที่นี่ต่อไป ถ้าคุณตกลงราคาได้แล้วก็ขายไปได้เลย”
ตามข้อมูลที่เมิ่งอวิ๋นซีมี จะไม่มีการดำเนินการใด ๆ กับที่ดินในตงซานเป็นเวลาครึ่งปี ซึ่งข้อเสนอของไป๋เยี่ยก็ฟังดูน่าสนใจมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โรงงานขนาดใหญ่เช่นนี้ก็มีฐานเพาะพันธุ์และบุคลากรด้วย ต่อให้จะไม่มีการทำงานก็ตาม แต่ค่าใช้จ่ายทั่วๆ ไปก็อยู่ที่ประมาณหลายแสนหยวนต่อเดือน นักศึกษาอย่างไป๋เยี่ยจะรักษาการดำเนินงานของฐานเพาะพันธุ์นี้ได้จริงเหรอ หรือบางทีครอบครัวของเขาก็อาจจะมีฐานะที่ค่อนข้างดี เขาเลยอยากได้ที่นี่
ไป๋เยี่ยเห็นว่าเมิ่งอวิ๋นซีดูกังวล จึงพูดต่ออย่างใจเย็น “แต่อย่ากังวลเลยครับ ทั้งโรงงาน บุคลากร และอุปกรณ์ที่นี่ ผมจะเช่าทั้งหมด ส่วนเรื่องจำนวนหนู ผมต้องการทำการทดลอง เพราะฉะนั้นผมคงจะต้องใช้หนูในจำนวนที่เยอะมากอย่างแน่นอน”
ทันทีที่ไป๋เยี่ยพูดจบ เมิ่งอวิ๋นซีก็ยิ้มออกมา “ถ้าคุณเช่าที่นี่เป็นเวลาสองเดือน ฉันจะให้หนูทั้งหมดกับคุณ ขอพูดแบบไม่ปิดบังคุณเลยแล้วกัน ตอนนี้เราได้ส่งแบบจำลองหนูที่ประสบความสำเร็จตามมาตรฐานบางส่วนไปให้ทางบริษัทของเราแล้ว ตอนนี้ที่นี่มีหนูอยู่ราวๆ หนึ่งแสนตัว ฉันให้คุณหมดเลยแล้วกัน!”
ไป๋เยี่ยตะลึง!
หนูเคเอ็มตั้งหนึ่งแสนตัว แค่หนูธรรมดาก็มีราคาประมาณตัวละสี่หยวนแล้ว บางทีหนูเหล่านี้อาจจะไม่สมบูรณ์และยังไม่ได้รับการทำความสะอาด แต่พวกมันก็น่าจะยังขายได้ราคาอยู่ดี
หนึ่งวันต่อมา ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาเช่า เนื้อหาของสัญญาคือไป๋เยี่ยจะจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าหนึ่งเดือนเป็นเงินจำนวนห้าแสนหยวน หนูทั้งหมดของที่นี่จะอยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของไป๋เยี่ย ในหนึ่งเดือนนี้ ไป๋เยี่ยจะเป็นผู้เช่าฐานเพาะพันธุ์ รวมถึงพนักงานและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
ทุกคนอาจคิดว่าไป๋เยี่ยโง่ ทั้งที่ตอนแรกเขาทำการทดลองที่นี่ได้แบบฟรีๆ แต่เขากลับต้องมาเช่ามันและยังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของพนักงาน
ไป๋เยี่ยโง่จริงเหรอ แน่นอนว่าไม่หรอก เขารู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ตอนนี้เขาก็เป็นเหมือนเจ้านายชั่วคราวของที่นี่
หนูเหล่านี้เป็นของไป๋เยี่ยทั้งหมด อีกทั้งไป๋เยี่ยยังทดลองโดยใช้อุปกรณ์ที่นี่ได้ฟรี แม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์เก่าๆ ธรรมดาๆ ก็ตาม ถ้าไป๋เยี่ยไม่เสนอข้อตกลงนี้ อุปกรณ์เหล่านั้นอาจจะถูกโละไปขายเป็นเศษโลหะก็ได้
ไม่ว่าอย่างไร ไป๋เยี่ยก็กลายเป็นเจ้านายของพนักงานทั้งสิบสองคนแล้ว
หยางกวงตงไม่สนใจว่าใครเป็นเจ้านาย เขาแค่มีความสุขกับการทำงานเกี่ยวกับหนูเท่านั้น มณฑลจิ้นซีไม่ได้เล็กเลย ทว่ากลับมีบริษัทเพาะพันธุ์สัตว์ทดลองอยู่ไม่กี่แห่ง ทำให้หยางกวงตงหวังว่าไป๋เยี่ยจะสร้างความก้าวหน้าให้ที่นี่ได้บ้าง
ลุงหยางยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงความคิดอันไร้เดียงสาของไป๋เยี่ย เขามองไปที่ไป๋เยี่ยพร้อมกับพูดขึ้ยว่า “นี่ เจ้านายตัวน้อย ต่อไปเราจะทำอะไรดี”