ตอนที่ 152 กลยุทธ์การแบ่งส่วน
การพัฒนาความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ อย่างครอบคลุม ตลอดจนมีการสนับสนุนกลุ่มชีวการแพทย์ชั้นนำ ทำให้เอ็มไอโอกลายเป็นองค์กรชั้นนำองค์กรหนึ่ง
ที่สถาบันเอ็มไอโอ เอ็นเดอร์สกำลังนั่งอย่างสงบ
นับตั้งแต่ได้รับบทความ ‘เกณฑ์การประเมินหนูทดลอง บีพีเอฟเอช’ จากไป๋เยี่ย การประชุมครั้งนี้ก็ถือเป็นการประชุมครั้งที่สี่แล้ว การอภิปรายก็เป็นไปอย่างดุเดือดเลยทีเดียว
ผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบไปด้วยทีมทดลองที่เกี่ยวข้องมากกว่ายี่สิบทีมในสถาบันเอ็มไอโอ
ในฐานะองค์กรที่มีอำนาจมากที่สุดในด้านการวิจัยสัตว์ทดลอง เอ็มไอโอจึงได้จัดตั้งกลุ่มวิจัยเฉพาะทางสำหรับเกณฑ์การประเมินสัตว์ทดลองแต่ละประเภท เพื่อให้บุคลากรเฉพาะทางมีส่วนร่วม
ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่จะสามารถพัฒนาหลายๆ ศาสตร์ได้พร้อมกันเท่านั้น แต่ยังบูรณาการและพัฒนาได้รอบด้านอีกด้วย
หัวข้อการประชุมในวันนี้คือเรื่อง ‘เกณฑ์การประเมินหนูทดลอง บีพีเอฟเอช’
ในฐานะหัวหน้าวิศวกรที่เคยรับผิดชอบหน่วยการทดลองกับสัตว์ที่จอห์นสันแอนด์จอห์นสันมาก่อน เอ็นเดอร์สจึงมองเห็นข้อดีของบทความนี้มานานแล้ว โดยเฉพาะเกณฑ์บีพีเอฟเอช ซึ่งเป็นการประเมินที่แปลกใหม่สำหรับวงการสัตว์ทดลอง
เอ็นเดอร์สสูดหายใจเข้าลึกๆ “ทุกคน วันนี้เรามาหารือข้อสรุปกันดีกว่า เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อโต้แย้งแต่อย่างใด ผมคิดว่าแนวคิดในบทความนี้ควรค่าแก่การค้นคว้าจริงๆ”
ตอนนี้เอง สีหน้าของชายผิวขาววัยห้าสิบปีคนหนึ่งก็จริงจังขึ้นมา คิ้วหนาของเขาขมวดเป็นปม “ผอ.เอ็นเดอร์ส ผมว่าคุณพูดเกินจริงไปหน่อย คุณรู้หรือไม่ว่าการจะตรวจสอบเกณฑ์การประเมินใดๆ ต้องผ่านขั้นตอนเยอะมาก”
“ต้องอาศัยการทำงานของทีมทดลองทั้งยี่สิบกลุ่มพร้อมๆ กัน ต้องหยุดการทดลองทุกอย่างที่กำลังดำเนินอยู่ อีกอย่าง การตรวจสอบเกณฑ์การประเมินที่ยังไม่มีความหมายแน่ชัดนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดวัน คุณรู้ไหมว่ามันหมายความว่าอะไร”
“ถ้าพูดตามความจริง ก็คงต้องบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะรับผิดชอบกันได้ง่ายๆ คุณคิดว่าหน่วยงานเภสัชกรรมเหล่านั้นมีเงินมากขนาดนั้นเลยเหรอ พวกเขาจะหาทุนจากไหนมาทำการตรวจสอบเกณฑ์การประเมินนี้ ผมคิดว่ามันไร้สาระสิ้นดี”
เอ็นเดอร์สรู้สึกโกรธเล็กน้อย มาโคต้าเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะเป็นนักวิจัยได้!
อย่างไรก็ตาม แม้เอ็มไอโอก็เป็นสถาบันที่ยึดหลักประชาธิปไตย ไม่อิงเผด็จการ แต่เอ็นเดอร์สก็ยังคงมีอำนาจของประธานอยู่ดี
เขาสนใจเกณฑ์บีพีเอฟเอชของไป๋เยี่ยมาก เกณฑ์การประเมินนี้จะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการวิจัยหนูทดลอง ถ้ามันประสบความสำเร็จ ก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะกลายเป็นก้าวสำคัญในการทดลองและวิจัย
เอ็นเดอร์สเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาเป็นประกายหลังจากที่เงียบไปนาน “ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะระงับโครงการปัจจุบันทั้งหมด และดำเนินการตรวจสอบเกณฑ์บีพีเอฟเอชอย่างเป็นระบบเพื่อทดสอบความน่าเชื่อถือสำหรับเกณฑ์การประเมินนี้”
มาโคต้าถึงกับอึ้ง!
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “เอ็นเดอร์ส คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังูดอะไรอยู่ ระงับโครงการปัจจุบันทั้งหมด คุณรู้ไหมว่าตอนนี้พวกเรากำลังวิจัยอะไรอยู่”
เอ็นเดอร์สพึมพำ “โอ้ ผมรู้ครับ คุณกำลังวิจัยเรื่องการจับคู่ยีนของหนูอยู่ไม่ใช่เหรอครับ ฮ่าๆ นี่ก็ผ่านไปกี่ปีแล้ว ได้ผลลัพธ์อะไรบ้างไหม นี่มันก็ห้าปีแล้วที่คุณทำวิจัยเรื่องการจับคู่ยีนของหนูและมนุษย์ มันนานเกินไปหรือเปล่า ถ้าเรายังติดอยู่จุดนั้นโดยเดินหน้าต่อไปไม่ได้ การระงับโครงการไปหนึ่งสัปดาห์คงไม่น่ามีผลกระทบอะไรหรอก บางทีเราอาจจะพอประหยัดงบประมาณไปได้บ้างนะ”
“คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้วครับ ผมจะใช้สิทธิ์ของประธานเอ็มไอโอให้ระงับโครงการทั้งหมดลงและตรวจสอบเกณฑ์การประเมินบีพีเอฟเอชแทน!”
ไป๋เยี่ยอ่านข้อมูลของคาร์ลพร้อมกับขมวดคิ้ว ทุกอย่างสมบูรณ์แล้ว ทว่าไป๋เยี่ยกลับมีความคิดที่ต่างออกไป
แม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้แล้วว่าทำไมการทดลองของคาร์ลถึงล้มเหลว แต่เขาจะพิสูจน์ได้อย่างไร
จะพิสูจน์ความสามารถในการปรับตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของหนูเคเอ็มและการเปลี่ยนแปลงของลำดับพันธุกรรมที่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์นำไปสู่ความผิดพลาดได้อย่างไร
ในความเป็นจริง ยาตัวนั้นไม่ได้ยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง แต่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของพิวรีนในดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอของหนูในระหว่างการถอดรหัสและการแปล ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบปรับตัวคล้ายกับวิวัฒนาการ และได้รับผลลัพธ์ที่ผิดพลาด
ไป๋เยี่ยคิดว่าเขาควรทำการทดลองหลายครั้งเพื่อพิสูจน์ความเสถียรของลำดับพันธุกรรมของหนูเคเอ็ม
หากพิสูจน์ได้ว่าลำดับยีนบางอย่างของหนูเคเอ็มไม่เสถียร ก็จะนำไปสู่การกลายพันธุ์ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะได้
การกลายพันธุ์นี้ทำให้หนูอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสมสำหรับการทดลอง เนื่องจากกรรมพันธุ์ของพวกมันแตกต่างจากมนุษย์มากเกินไป และข้อสรุปที่ได้จากการทดลองก็ใช้กับมนุษย์ไม่ได้
ดังนั้นหนูเคเอ็มเหล่านี้จึงไม่เหมาะสำหรับการทดลองยาในสัตว์เพื่อนำมาใช้กับมนุษย์!
แต่จะทำการทดลองอย่างไร
นี่ไม่ใช่การทดลองที่ควบคุมได้ง่ายๆ เพราะมันเกี่ยวข้องกับปัญหาด้านพันธุวิศวกรรม ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้ด้วยเงินทุนหลายล้านได้อย่างแน่นอน
เพราะว่าเครื่องมือทางพันธุวิศวกรรมเหล่านั้นมีราคาแพงมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายในการทดลองพุ่งสูงมาก ไม่ต้องพูดถึงไป๋เยี่ย แม้แต่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีก็ยังไม่มีเงื่อนไขการทดลองนั้น
มันจะล่าช้าเกินไปไหม
ไป๋เยี่ยลังเลนิดหน่อย เฮ้อ…คงจะดีถ้าเรามีห้องทดลองของตัวเอง
คิดได้ดังนั้น ไป่เยี่ยก็จินตนาการถึงห้องทดลองขนาดห้าร้อยตารางเมตรของเขา
เงินตั้งห้าล้าน หายากจะตาย!
เราต้องหาเงิน! ยังไงก็ใช้แค่ห้าล้านนี่นา
ไป๋เยี่ยมั่นใจว่าถ้าเขาวิจัยอาหารหนูจนได้สูตรสำเร็จแล้ว เงินห้าล้านก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย!
ช่วงนี้ไป๋เยี่ยค่อนข้างยุ่ง ต่อไปเขาคงจะแบกรับทุกเรื่องต่อไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงหมดแรงแน่ๆ
การวิจัยพันธุกรรมหนูเคเอ็มจึงหยุดลงชั่วคราว
ตอนนี้เขาต้องกลับมาสนใจเรื่องอาหารสัตว์เสียก่อน เมื่อไหร่ที่ ‘เกณฑ์การประเมินหนูทดลอง บีพีเอฟเอช’ ถูกเผยแพร่ออกไป มันจะต้องเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการสัตว์ทดลองอย่างแน่นอน และเขาก็จะผลักดันอาหารหนูบีวาย-วันออกไปสู่ระดับนานาชาติได้!
ให้ชาวต่างชาติได้สัมผัสถึงเทคโนโลยีดั้งเดิมของจีน
เรานี่มันมืออาชีพเรื่องการเลี้ยงหนูจริงๆ
คิดได้ดังนั้น ความคิดของไป๋เยี่ยก็กระจ่างมากขึ้น และแนวทางการทำงานของเขาก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปด้วย
เขายังต้องทำโครงการด้วย ไม่ใช่เรื่องเกณฑ์บีพีเอฟเอช แต่เป็นการเปรียบเทียบขั้นตอนเล็กๆ
ตัวอย่างเช่น การเปรียบเทียบความเสถียรของการวิจัยหนูทดลองในเกณฑ์ประเมินบีพีเอฟเอช!
กล่าวคือต้องแยกเกณฑ์การประเมินออกเป็นแต่ละรายการก่อน!
ต้องมีการเปรียบเทียบอาหารบีวาย-วันกับอาหารหนูทั่วไปในท้องตลาด แล้วนำมาใช้เลี้ยงหนูเพื่อดูว่าอาหารตัวไหนให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
นี่ก็นับเป็นหัวข้อวิจัยได้ด้วย!
ถ้าเกณฑ์การประเมินบีพีเอฟเอชได้รับการยอมรับ เขาก็จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดได้
นอกจากนี้ เพราะเขาเป็นคนคิดค้นเกณฑ์นี้เอง เขาจึงยืนยันได้ว่าอาหารหนูของเขาจะเพิ่มคะแนนในเกณฑ์บีพีเอฟเอชได้อย่างมีประสิทธิภาพ