บทที่ 156 ข่าวด่วน (1)
วันนี้หนังสือพิมพ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายวันได้ออกข่าวใหญ่
‘มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีได้สร้างสถิติใหม่ด้วยเงินทุนสนับสนุนโครงการที่ต่ำที่สุด’
หลังจากที่โครงการของไป๋เยี่ยได้รับการอนุมัติก็ถูกยื่นเรื่องไปให้ทางกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำมณฑลจิ้นซีทันที หลังจากสรุปและรายงานผลแล้วก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หัวข้อของงานวิจัยคือ ‘การสำรวจผลกระทบของอาหารบีวาย-วันที่มีต่อพารามิเตอร์ในการทดลอง’ ซึ่งใช้ทุนสนับสนุนเพียงหนึ่งหยวน!
จู่ๆ ผู้คนในแวดวงวิชาการก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินทุนสนับสนุนจำนวนหนึ่งหยวนขึ้นมา
ทว่าเมื่ออ่านข่าวแล้วทุกคนก็ค่อยโล่งใจหน่อย แท้จริงแล้วจำนวนทุนสนับสนุนของโครงการนี้คือสองแสนหยวน แต่ไป๋เยี่ยต้องเป็นผู้รับผิดชอบเงินจำนวนนั้นเอง
แล้วหนึ่งหยวนหมายความว่าอะไร
ทำไมต้องหนึ่งหยวน ถ้าอย่างนั้นสู้ไม่เอาเงินหนึ่งหยวนนั่นแล้วออกเงินทำเองทั้งหมดเลยดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีก็ไม่ได้ออกประกาศอะไรเพิ่มเติม เพราะว่าตอนนี้ทางสถาบันกำลังทำการทดลองอยู่
เนื่องจากการใช้เกณฑ์บีพีเอฟเอชมีดัชนีชี้วัดจำนวนมาก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากผู้อำนวยการ บรรดาอาจารย์ภายในมหาวิทยาลัยจึงเข้าร่วมการทดลองกันเกือบทุกคน
กล่าวได้ว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ใช้ทุนสนับสนุนน้อยที่สุด แต่กลับมีผู้ร่วมทดลองเยอะที่สุด ใช้หนูทดลองจำนวนเยอะที่สุด และยังเป็นการทดลองที่มีความหลากหลายมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมา
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการทดลองนี้ถึงเป็นที่จับตามอง จนมีแขกคนสำคัญมาเยี่ยมเยียนจางฮั่นหลินถึงห้องผู้อำนวยการ
‘หยางหลาน’ นักข่าวจากหนังสือพิมพ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายวันนั่นเอง!
ในปัจจุบัน สื่อหลายเจ้ามีช่องทางประชาสัมพันธ์มากมาย เช่น ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น เพราะหนังสือพิมพ์ดั้งเดิมไม่ตอบสนองความต้องการในการเสพสื่อของผู้คนได้อีกต่อไป
หนังสือพิมพ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายวันเป็นสื่อที่ค่อนข้างมีความเป็นทางการในวงการวิชาการและวิทยาศาสตร์ จึงมีแพลตฟอร์มเป็นของตนเอง
หยางหลานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณผอ.จางที่ให้โอกาสพวกเราได้มาอสัมภาษณ์ในวันนี้นะคะ”
จางฮั่นหลินยิ้มก่อนจะพยักหน้า “เรามาเริ่มกันเลยดีไหม”
หยางหลานตอบรับพร้อมกับจัดเตรียมกล้องให้พร้อมและเริ่มการสัมภาษณ์
“ผอ.จางมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับโครงการของไป๋เยี่ยคะ นี่ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญตั้งแต่ที่ท่านได้เข้ามารับตำแหน่งที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีเลยนะคะ ท่านคิดว่าเรื่องนี้มีความหมายแฝงโดยนัยไหมคะ”
จางฮั่นหลินตอบอย่างสงบเสงี่ยม “หากเราต้องการพัฒนามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนที่อิงตามยุคสมัยใหม่ เราต้องยกระดับงานวิจัยให้มีคุณค่ามากขึ้นสูง เหตุผลที่เราสนับสนุนโครงการของไป๋เยี่ยก็เพราะว่า โครงการนี้สร้างชื่อให้สถาบันได้ อีกทั้งยังสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำวิจัยให้นักศึกษาคนอื่นๆ ด้วยครับ…”
หยางหลานพยักหน้าเห็นด้วย “ผอ.จางเป็นคนมองการณ์ไกลมากเลยค่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านถึงได้รับตำแหน่งนี้ ท่านน่าจะเป็นผอ.ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศแล้วนะคะ”
จางฮั่นหลินยิ้มและกล่าวขอบคุณ
หยางหลานถามต่อ “ดิฉันขอเรียนตามตรงนะคะ ผอ.จาง สาธารณชนไม่ได้มองโครงการนี้ในแง่ดีสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังประเมินโครงการนี้ว่าเป็นโครงการระดับกลางอีกด้วย ในสายตาของสาธรณชนต่างมองว่าโครงการนี้ไม่มีความหมายเลย ท่านคิดว่าโครงการของไป๋เยี่ยยังเป็นโครงการระดับกลางอยู่ไหมคะ”
จางฮั่นหลินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “เด็กคนนี้เป็นคนมีความสามารถและเป็นยอดนักคิด ในฐานะที่เป็นผู้นำสถาบันเก่าของเขา ผมคิดว่าเราควรจะสร้างสภาพแวดล้อมและให้โอกาสนักศึกษาในการฝึกฝน อีกอย่าง ไป๋เยี่ยเป็นคนออกทุนทำโครงการนี้เองด้วยครับ ผมคิดว่าเราควรจะให้ความร่วมมือกันมากกว่ามานั่งเคลือบแคลงใจในความกระตือรือร้นของเขานะครับ”
“แม้ว่าโครงการนี้อาจจะล้มเหลวหรือไม่ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ หรือการทดลองอาจจะไม่สมบูรณ์ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยครับ”
“สิ่งที่สำคัญคือผมได้ทำให้นักศึกษาเห็นว่าทางสถาบันของเรามีการสนับสนุนงานวิจัยจริงๆ เราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มีแนวคิดด้านการทำวิจัยพร้อมทั้งบ่มเพาะศักยภาพในการทำวิจัยให้พวกเขาได้เติบโตขึ้นเป็นบุคลากรการแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ครับ”
“นี่คือจุดประสงค์ของผม ส่วนผลของโครงการจะสำเร็จหรือไม่ก็ไม่สำคัญเลยครับ!”
“เพราะว่าทางเราได้อนุมัติโครงการนี้แล้ว เราได้กำหนดไว้แล้วว่าการทดลองนี้จะไม่มีคำว่าล้มเหลว ถึงจะล้มเหลวแต่นั่นก็อาจจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็ได้นะครับ เพราะฉะนั้นแล้วโครงการนี้จะไม่ไร้ความหมายแน่นอนครับ”
การสัมภาษณ์กินเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง
บทสัมภาษณ์พิเศษของจางฮั่นหลินได้รับการตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายวันในวันรุ่งขึ้น คำตอบของเขาได้รับการตีพิมพ์อย่างครบถ้วนทุกถ้อยคำ
คำพูดของจางฮั่นหลินกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงกันในหมู่สาธารณชน บางคนก็เห็นด้วย บางคนก็ไม่เห็นด้วย และบางคนก็มองว่ามันเป็นเรื่องตลก
แม้คนส่วนใหญ่มองว่าโครงการนี้เป็นเรื่องตลก แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เพราะท้ายที่สุดแล้วโครงการใหญ่ๆ ที่ออกมาทุกๆ ปีก็แปลกประหลาดอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโครงการระดับวิทยาลัยเลย
แต่ไม่ว่าสาธารณชนจะมีความคิดเห็นอย่างไร บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอยู่ดี
เหล่านักศึกษาพากันมุ่งหน้าไปทางอาคารห้องทดลองและห้องสมุดเพื่อตรวจสอบข้อมูล จดบันทึก และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
จางฮั่นหลินยืนมองบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยผ่านหน้าต่างชั้นเก้า ไม่มีใครคาดเดาความคิดของเขาออก
หนึ่งในเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยพูดขึ้น “ผอ.จาง บทสัมภาษณ์เมื่อวานได้ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์แล้วนะครับ ท่านอยากลองอ่านดูไหมครับ”
จางฮั่นหลินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะโบกมือไปมา “ไม่ละ ผมคิดว่าคำพูดของผมมันคงไม่สวยหรูสักเท่าไหร่ คนพวกนั้นมีแต่จะหัวเราะเยาะผมซะเปล่า”
เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบรับ “นั่นสิครับ พวกเราก็รออ่านคำพูดสวยหรูกันอยู่เลย ว่ากันตามตรงพวกเขาก็รออ่านเรื่องตลกของเรานั่นแหละครับ ว่าแต่ทำไมผอ.ถึงตอบรับการสัมภาษณ์เมื่อวานล่ะครับ”
จางฮั่นหลินหันกลับมา “ไป๋เยี่ยยังเด็กอยู่ เขายังต้องเติบโตต่อไป ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้อาวุโส หากเราไม่สนับสนุนนักศึกษา พวกเขาจะมีความกล้าที่จะก้าวต่อไปได้อย่างไรล่ะครับ อีกอย่างไป๋เนี่ยก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว ผมหวังว่าเขาจะปลุกไฟให้นักศึกษาคนอื่นๆ ได้ก่อนที่จะเรียนจบนะ บางทีแรงขับเคลื่อนโดยนักศึกษาด้วยกันเองอาจจะทรงพลังกว่าแรงขับเคลื่อนจากอาจารย์ก็ได้”
เจ้าหน้าที่ได้ฟังดังนั้นก็คิดตามคำพูดของจางฮั่นหลินและพยักหน้ารับ
การทดลองดำเนินการมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว สาธารณชนก็เอาแต่พูดถึงประเด็นนี้กัน ถึงขั้นมีคนคอยแช่งให้ผลการทดลองล้มเหลวด้วยซ้ำ
ทุนสนับสนุนงานวิจัยจำนวนสองแสนหยวน หนูทดลองหกหมื่นตัว โครงการทดลองกว่าสามสิบโครงการ กลุ่มทดลองนับร้อยกลุ่ม และผู้ร่วมทดลองอีกหลายร้อยคน
โครงการนี้เป็นที่จับตามองของสาธารณชนมากจนคนส่วนใหญ่มองว่ามันไม่มีคุณค่า
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการบางคนต่างพยายามชี้ให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีกำลังทำการใหญ่เกินเหตุ ทั้งที่จุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ใช่ผลสำเร็จของการทดลอง แต่เป็นการสร้างแรงผลักดัน!
เพื่อเป็นการป่าวประกาศว่ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีมีการสนับสนุนงานวิจัยเพื่อที่จะดึงดูดผู้มีศักยภาพทั้งหลายเข้ามา
นี่คือกระดานหมากรุกที่จางฮั่นหลินวางหมากไว้อย่างสวยงาม!
แต่ถึงอย่างไร ต่อให้สาธารณชนจะมองจางฮั่นหลินและมาตรการมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีในแง่ดีเท่าใด ก็ไม่มีใครมองการทดลองนี้ในแง่ดีเลย
พวกเขาคิดว่ามันเป็นการทดลองที่น่าเบื่อ
มีนักสัตววิทยาคนหนึ่งได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า “เลือกเปรียบเทียบข้อมูลจำนวนหนึ่งโดยไม่อ้างอิงเกณฑ์ใดๆ คุณอยากได้ผลลัพธ์แบบไหนเหรอ การทดลองต้องเป็นไปตามกฎของธรรมชาติอยู่แล้ว จะไปอาศัยความคิดแปลกๆ ทำไมกัน เอาจริงๆ นะ ผมไม่เห็นว่าเกณฑ์พวกนี้จะมีประโยชน์อะไรเลย”