บทที่ 172 ห้องแล็บ
ไป๋เยี่ยหยิบธีสิสและรายงานเสนอหัวข้อที่อาจารย์เคยให้ไว้ขึ้นมา
‘การทดลองและสังเกตการณ์ทางคลินิกของยาตันชีหั่วเซวี่ย’
ยาตันชีหั่วเซวี่ยเป็นยาที่หลิวป๋อหลี่มักนำมาใช้รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ เขาได้ทดสอบประสิทธิภาพของยามานานหลายปี ซึ่งยานี้ก็พร้อมนำไปจดสิทธิบัตรแล้ว
ในบทความมีการแนะนำยาตันชีหั่วเซวี่ยอย่างละเอียด ทั้งที่จริงๆ แล้วสูตรยานั้นง่ายมาก ใช้แค่ตังเซียมกับซานชีเท่านั้น
มีการทดลองสรรพคุณของยานี้หลายอย่าง ทั้งการทดสอบสรรพคุณทางคลินิก และการทดลองกับสัตว์อย่างละเอียด
อีกทั้งยังมีการวิจัยทางเภสัชวิทยาและพิษวิทยาด้วย อันที่จริงยาชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นตัวยาที่มีสิทธิบัตรค่อนข้างสมบูรณ์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ยาก็เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกับส่วนผสมทั้งหมดให้ดี จากนั้นก็วิเคาระห์ส่วนผสมเพื่อพิสูจน์สรรพคุณต่อร่างกายของมนุษย์ ต้องศึกษาแม้กระทั่งหลักการทางเภสัชจลนศาสตร์[1] หลังจากนั้นก็ทำการทดสอบทางคลินิกเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนจะเปิดตัวในตลาดต่างประเทศ
แน่นอนว่าสิ่งที่รุ่นพี่ของไป๋เยี่ยกำลังทำอยู่นั้นเป็นเพียงธีสิสปริญญาเอกซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการจดสิทธิบัตรเลย แต่หากต้องการจดทะเบียนเป็นยาที่มีสิทธิบัตร ก็คงจะขายได้แค่ในโรงพยาบาลเท่านั้น
อย่าว่าแต่รุ่นพี่เลย แม้แต่บริษัทยาใหญ่ๆ ก็ไม่ได้จำหน่ายยาจีนในตลาดต่างประเทศ เพราะฉะนั้นภารกิจที่ไป๋เยี่ยได้รับจึงเป็นเพียงการฝึกอบรบจากหลิวป๋อหลี่เท่านั้น
ถึงแม้ว่าหลิวป๋อหลี่จะไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก แต่ไป๋เยี่ยก็ยังคงใส่ใจทุกรายละเอียดอยู่ดี เพราะนี่ถือเป็นบททดสอบบทแรกที่อาจารย์มอบให้เขา เขาจึงอยากทำออกมาให้ดีที่สุด
หลังจากที่ไป๋เยี่ยอ่านข้อมูลต่างๆ อย่างละเอียดแล้ว เขาก็ลองค้นหาสรรพคุณของตังเซียมและซานชี รวมถึงการนำสมุนไพรสองชนิดนี้มาใช้รักษาโรคจากในอินเตอร์เน็ต
ไป๋เยี่ยมีพื้นฐานทางเภสัชวิทยาที่ค่อนข้างดี ตอนนี้เลเวลวิชาเภสัชวิทยาของเขาอยู่ที่เลเวล 4: 12012/30000 แล้ว แต่ถึงกระนั้นทักษะที่ต้องใช้ในการวิเคราะห์ส่วนผสมยาไม่ได้มีแค่เภสัชวิทยาเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยวิชาเคมีด้วย
ไป๋เยี่ยใช้เวลาทั้งวันในหอพักไปกับการค้นหาข้อมูลและดาวน์โหลดเอกสารงานวิจัยสมัยใหม่เกี่ยวกับตังเซียมและซานชี
แต่พอเขาเห็นสูตรเคมีมากเข้าก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวแล้ว การแยกสารเหล่านี้มีขั้นตอนที่เยอะและซับซ้อนมากเพราะคุณสมบัติสารที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ยังมีวิธีการสกัดและแยกสารทางกายภาพ อย่างเช่นการแยกส่วนและการดูดซึมด้วย
ไป๋เยี่ยไม่ค่อยได้ทำงานวิจัยเรื่องยามากนัก แต่เขาก็ปิ๊งไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้ ตอนนี้เป็นเดือนมิถุนายน ยังเป็นช่วงเปิดเทอมอยู่ คิดได้ดังนั้นเขาก็รีบลุกไปโทรหาพ่างจื่อให้ช่วยส่งสำเนาตารางเรียนสาขาเภสัชศาสตร์มาให้เขาหนึ่งชุด
พ่างจื่อจึงรีบส่งตารางเรียนมาให้ทันที
หลักสูตรเภสัชศาสตร์ประกอบไปด้วยวิชาเคมี และวิชาเภสัชวิทยา และวิชาอื่นๆ อย่าง เคมีอินทรีย์ เคมีเภสัชกรรม ชีวเคมี เคมีกายภาพ ฯลฯ
ไป๋เยี่ยไม่จำเป็นต้องเรียนทุกวิชา แต่มีบางวิชาที่เขาจำเป็นต้องเรียนโดยด่วน
คิดได้เช่นนั้นแล้วไป๋เยี่ยก็กดลงทะเบียนเรียนทันที
เดือนนี้เป็นช่วงสอบ ซึ่งเป็นเดือนที่ต้องมีการคิดคะแนนเข้าเรียนด้วย หลังจากไป๋เยี่ยไปเรียนที่มหาวิทยาลัย เขาก็พบว่ามีคนเข้าเรียนเยอะมาก แถวหลังเต็มทุกแถว เหลือเพียงที่นั่งแถวหน้าสุดไม่กี่ที่เท่านั้น
ไป๋เยี่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปนั่งแถวหน้าสุด
คลาสนี้เป็นคลาสเคมีเภสัชกรรม ซึ่งเป็นวิชาที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาหลังปี 2011 เป็นวิชาว่าด้วยการศึกษาตัวยาตั้งแต่ระดับโมเลกุล และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างทางเคมีกับคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีของตัวยา
ไป๋เยี่ยตั้งใจฟังมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีหนังสือเรียน แต่เขาก็ไม่หยุดจดบันทึกลงในสมุดเลย
แต่เมื่อผ่านไปสองสามวัน ไป๋เยี่ยก็พบว่าความรู้จากในห้องเรียนไม่เพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมายของเขา เขาจึงไปที่ห้องสมุดเพื่อศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองอย่างสิ้นหวังนิดๆ
วิธีนี้จะทำให้เขาหาความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงประเด็นมากขึ้น ถ้าหากไม่เข้าใจตรงไหนก็แค่ไปถามอาจารย์
หากลองพิจารณาถึงวิชาที่เหมาะสม ก็คงจะเป็นวิชาเภสัชวิเคราะห์ ซึ่งเป็นวิชาย่อยออกมาจากวิชาเคมีวิเคราะห์อีกที
หลังจากที่ไป๋เยี่ยใช้เวลาสองวันไปกับการอ่านหนังสือ เขาก็ยังงงงวยอยู่ดี
ไป๋เยี่ยจึงลองไปหาจางฮั่นหลิน ด้วยความหวังว่าจางฮั่นหลินจะยอมให้เขาใช้ห้องแล็บได้ บางทีการหาโอกาสทำการทดลองคงจะได้ผลดีกว่า อย่างไรเสียวิชานี้ก็เป็นวิชาที่อาศัยการทดลองเสียเยอะ
ตอนนี้จางฮั่นหลินยอมทำตามคำขอของไป๋เยี่ยทุกอย่าง เพราะเขามองว่าไป๋เยี่ยเป็นดาวนำโชคของมหาวิทยาลัยไปแล้ว เขาตอบตกลงและรีบโทรหาผู้อำนวยการสถาบันยาจีนให้ไป๋เยี่ยไปพบทันที
เมื่อผู้อำนวยการสถาบันยาจันได้ยินว่าไป๋เยี่ยจะมาหา เขาก็อ้าปากค้างด้วยความยินดีและกล่าวว่าจะไปต้อนรับไป๋เยี่ยเป็นการส่วนตัว
ทุกวันนี้ผู้คนในมหาวิทยาลัยต่างรู้จักชื่อของไป๋เยี่ยเป็นอย่างดี เขาเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความรุ่งโรจน์ เมื่อไหร่ที่เขาคิดค้น หรือเผยแพร่บางอย่างออกไป บางที…สิ่งนั้นอาจจะกลายเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่โดยบังเอิญก็ได้!
ยังไงโครงการเราก็เป็นของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติแล้วนี่นา
เมื่อ โจวเหมา ผู้อำนวยการสถาบันยาจีนเห็นไป๋เยี่ยมาถึง ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสนิทสนม “มาๆ ยินดีต้อนรับสู่สถาบันยาจีนนะ เสี่ยวหลิว ไปเตรียมชาให้เสี่ยวเยี่ยหน่อย”
ไป๋เยี่ยเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก นี่เรามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจริงๆ ใช่ไหม ทำไมมันดูเหมือนมาทำอย่างอื่นมากกว่า
ไป๋เยี่ยจึงรีบเอ่ยปากขึ้นทันที “ไม่เป็นไรครับผอ.โจว จริงๆ ผมมาที่นี่เพื่อขออะไรบางอย่างครับ”
โจวเหมามองไป๋เยี่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาน่า นั่งลงแล้วลองพูดมาสิ ผมพอจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง”
“ผอ.ครับ คือว่าอาจารย์ที่ปรึกษาป.โทของผม อาจารย์หลิวป๋อหลี่ มอบหมายงานให้ผมนิดหน่อยน่ะครับ เขาขอให้ผมค้นคว้าส่วนผสมของยาตันชีหั่วเซวี่ย สองสามวันมานี้ผมลองอ่านจากในหนังสือดูแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าไม่ได้ค้นพบอะไรเพิ่มเลยครับ ผมเลยอยากขออนุญาตทำการทดลองโดยใช้ห้องแล็บของสถาบันยาจีนน่ะครับ”
โจวเหมาได้ฟังก็พยักหน้า เขาเดาว่านี่คงเป็นแบบทดสอบหรือการฝึกอบรมของหลิวป๋อหลี่ สุดท้ายแล้วในการทำงานบนวอร์ดก็ไม่ได้พึ่งการทดลองมากนัก ถ้าเขาผ่านบททดสอบนี้ไปได้ ทัศนคติของเขาต่องานวิจัยก็จะพัฒนาต่อไปได้อีกไกลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย โจวเหมาครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เสี่ยวเยี่ย คุณเข้าใจวิชาเภสัชมากแค่ไหนเหรอ”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว “ผมต้องทำงานวิจัยเกี่ยวกับเภสัชศาสตร์เฉยๆ ครับ ไม่ค่อยถนัดเรื่องเภสัชวิเคราะห์เท่าไหร่ สองสามวันมานี้ผมเลยไปเข้าคลาสที่มหาวิทยาลัยแล้วก็อ่านหนังสือเพิ่มเติมนิดหน่อยครับ”
โจวเหมาได้ฟังก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “จริงๆ แล้วเภสัชศาสตร์เป็นวิชาที่ค่อนข้างกว้างนะ เอาแบบนี้แล้วกัน ผมอนุญาตให้คุณใช้ห้องแล็บได้ ส่วนสารเคมีก็ไปขอจากอาจารย์หยางที่ห้องเก็บอุปกรณ์ได้เลยนะ ถ้าทดลองไปแล้วมีปัญหาอะไรก็มาบอกผม”
ไป๋เยี่ยมีความสุขมาก เขารีบลุกพรวดขึ้นมากล่าวขอบคุณทันที “ขอบคุณมากครับอาจารย์โจว!”
โจวเหมาโบกมือไปมาพลางเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าขาดอะไรก็บอกมาเลย ผมจะเตรียมไว้ให้คุณ ทำเสร็จแล้วก็เอามาให้ผมดูด้วยล่ะ ไม่งั้นเกิดไปถึงมือเหล่าหลิวแล้วมีปัญหาอะไรจะมาบอกว่าสถาบันยาจีนแกล้งไม่ได้นะ ฮ่าๆ”
[1] เภสัชจลนศาสตร์ สาขาหนึ่งของเภสัชศาสตร์ซึ่งกล่าวถึงการเป็นไปของยาเมื่อยาเข้าสู่ร่างกาย