บทที่ 176 โอกาสครั้งใหม่
โจวเม่าขับรถแลนด์ครุยเซอร์คันหรูพร้อมหยอกล้อไป๋เยี่ยตลอดทั้งทาง
“เสี่ยวเยี่ย ลุงจะบอกอะไรให้ เมิ่งอวิ๋นซีเนี่ยเป็นถึงลูกสาวของประธานจื่ออวิ๋นเลยนะ แค่ค่าตัวเธอก็หลายพันล้านหยวนแล้ว ดูทรงเธอจะสนใจในตัวเสี่ยวเยี่ยไม่น้อยเลยนะ ทำไมไม่ลองจีบดูล่ะ”
“ผู้หญิงสนใจถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรักนะ ถ้าเธอสนใจขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก!”
ไป๋เยี่ยปล่อยให้คำพูดของโจวเม่าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป เพราะตอนที่เขาออกมาจากบริษัทนั้น พ่างจื่อก็ได้ส่งข้อความมาว่า
[โดนคัดออกว่ะ]
หลังจากที่รู้ข่าว ไป๋เยี่ยก็เอาแต่นั่งเหม่อ เจ้าหมอนั่นไม่น่าจนปัญญาขนาดนั้นนะ
แต่ว่าจะไป โจวเม่าก็ขับรถนิ่มเหมือนกันนะเนี่ย รถแลนด์ครุยเซอร์นี่ก็นั่งสบายจริงๆ ไหนจะเสียงจากสถานีวิทยุจิ้นซีที่ดังคลอมาเบาๆ อีก
“ให้ความสนใจกับการดำรงชีวิตของผู้คน ดำเนินการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คนทั่วทั้งประเทศ ปฏิรูปการแบบแผนการดำเนินชีวิตของผู้คนภายใต้เขตมณฑล สนับสนุนธุรกิจเอกชนอย่างแข็งขัน และให้ความสำคัญกับการบุกเบิกทางการค้าอย่างเต็มที่…โปรดติดตามรายละเอียดจากเครือข่ายส่งเสริมธุรกิจมณฑลจิ้นซี”
ไป๋เยี่ยรู้สึกประหลาดใจกับข่าวเมื่อครู่ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาลงทะเบียนเข้าเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เปิดหน้าแรกของเว็บไซต์ขึ้นมาก็พบกับภาพปกที่มีข้อความเขียนไว้ว่า ‘โครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน‘ ไป๋เยี่ยจึงลองกดเข้าไปอ่านรายละเอียด
ปรากฎว่านั่นคือโครงการที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องเรื่องการส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชน หน่วยงานระดับมณฑลจึงจัดตั้งโครงการนี้ขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจเอกชนให้มีการลงทุนและประยุกต์ให้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน
บริษัทที่เข้าร่วมโครงการนี้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ได้หลังจากที่เข้ารับการสมัครในงานประชุมของกลุ่มรัฐวิสาหกิจ หลังจากทำการตรวจสอบและประมูลโครงการแล้วก็จะมีการสนับสนุนบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติรับสมัครต่อไป
วิธีการสมัครมีดังต่อไปนี้: …
หลังจากที่ไป๋เยี่ยลองอ่านรายละเอียดแล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นแสงสว่างในโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ไป๋เยี่ยมองแอปพลิชั่นเฮลท์ตี้จิ้นซีที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโปร่งแสง สิ่งนี้อาจจะช่วยอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ให้ผู้คนก็ได้
มันคือแอปนัดแพทย์ล่วงหน้า
ทุกวันนี้ประชาชนธรรมดาแทบลงทะเบียนเข้าพบแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลใหญ่ๆ ไม่ได้เลย บ้างก็ถูกพวกเหมาใบนัดโก่งราคา บ้างก็ถูกเหล่าพนักงานกินเงินเดือนทั้งหลายเอารัดเอาเปรียบโดยใช้สิทธิพิเศษต่างๆ ทั้งยังร่วมมือกับพวกเหมาใบนัดอีกด้วย ซึ่งเหตุการณ์เหล่านั้นก็ได้กลายเป็นเรื่องที่พบเห็นกันได้ทั่วไปแล้ว
ผลคือคนที่จำเป็นต้องไปพบแพทย์จริงๆ เพราะไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคอะไร ส่งผลให้การรักษาล่าช้าไปอีก…
ในแอปพลิเคชั่นนี้ แพทย์เฉพาะทางแต่ละคนจะแจ้งเวลานัดหมายเอาไว้ จากนั้นผู้ลงทะเบียนจะต้องทำการนัดเวลาแล้วไปรับคิวที่โรงพยาบาล อีกทั้งยังมีประกันให้มากมาย ซึ่งสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ที่ต้องการเข้าพบแพทย์เป็นอย่างยิ่ง…
คิดได้ดังนั้น เมื่อไป๋เยี่ยกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก็รีบวิ่งแจ้นไปที่หอพักทันที
ทันทีที่กลับมาถึงหอพัก ไป๋เยี่ยก็คาดเดาไว้บ้างแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงจากในห้องดังลั่นออกมา
“ดูฉันนี่ พลิ้วปะล่า”
“เฮ้ย แคร์รี่อะ! ทำไมไม่ตามไปวะ”
ไป๋เยี่ยถึงกับตะลึง ไอ้หมอนี่มันควรจะเศร้าที่โดนคัดออกไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีท่าทีสิ้นหวังบ้างสิ…
แต่เมื่อเห็นเจ้าหมอนั่นเล่นเกมอย่างสนุกสนาน คำคำหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัวของไป๋เยี่ย ไอ้เวรนี่!
ไป๋เยี่ยยิ้ม “นี่พ่างจื่อ นายไม่เจ็บใจเลยเหรอ”
พ่างจื่อหันมามองไป๋เยี่ยด้วยสายตาเย้ยหยัน “นายคิดว่าฉันเป็นพวกชอบเอาความล้มเหลวมาเป็นแรงผลักดันไหมล่ะ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ที่ฉันถูกคัดออกน่ะไม่ใช่ความผิดของฉัน แต่เป็นความผิดของเขาต่างหาก! แต่ก็เอาเถอะ เขาทำให้ฉันมีไฟอยากทำธุรกิจมากขึ้นกว่าเดิมอีก”
ไป๋เยี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง “เดี๋ยวก่อนนะ…นายใจเย็นๆ ก่อน ฉันเริ่มงงละ”
พ่างจื่อหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ไป๋เยี่ย “รู้ไหมว่าใครเป็นคนจัดงานแข่งขันนวัตกรรมครั้งนี้”
“ครั้งนี้คนจัดงานเป็นพวกบริษัทใหญ่ๆ ในจิ้นซี กรรมการที่เชิญมาก็เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง จี้ใจดำชะมัด ฉันต้องมาเจอกับคนที่พ่อเคยไล่ออกจากงานเนี่ยนะ แถมเจ้าหมอนั่นก็รู้จักฉันด้วย นั่นแหละ…เรื่องมันเลยจบแบบนั้น”
“เพราะงั้นนายจะโทษฉันที่แพ้ไม่ได้ ถ้าจะโทษก็ไปโทษพ่อฉันนู่น ชอบหาเรื่องให้ตลอด”
พูดจบพ่างจื่อก็ถอนหายใจพร้อมกับหยิบกระดาษออกมาแล้วชี้ไปที่ชายร่างผอมซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการทั้งห้าคน “เนี่ยแหละเขา ประธานบริษัทอวี่เจ๋อเทค จ้าวอวี่เจ๋อ”
บริษัทอวี่เจ๋อเทคถือเป็นบริษัทชื่อดังในมณฑลจิ้นซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนาแอปพลิเคชั่นและบัญชีสาธารณะ ซึ่งก็พอมีผลงานออกมาให้เห็นบ้าง
จ้าวอวี่เจ๋อถือเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ชีวิตมากมาย เขาเคยทำงานให้กับบริษัทซอฟต์แวร์หลายแห่ง ทั้งไป๋ตู้ อาลีบาบา และโซวหู แต่เขาก็ทำงานในแต่ละบริษัทได้ไม่ถึงสามปี
ต่อมาเขาก็กลับมาทำงานกับบริษัทโฆษณาขนาดใหญ่ในจิ้นซีเพื่อพัฒนาสื่อใหม่ แต่เขาก็ทำงานได้เพียงสองปีแล้วจึงลาออกไป หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจเปิดบริษัทของตนเอง ซึ่งตอนนี้กิจการของเขาก็กำลังไปได้สวย โดยเฉพาะด้านการพัฒนาแอปพลิเคชั่นตลาดมือสองที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลจิ้นซี และกลายเป็นแอปพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมมากในมณฑลจิ้นซี ทำให้เมื่อปีที่ผ่านมาเขาได้รับกำไรมหาศาล จนตอนนี้ถือครองทรัพย์สินอยู่หลายร้อยล้านหยวน
นอกจากนี้เขายังเป็นคนมีทักษะด้านการตลาดที่ดีเป็นพิเศษ และมักจะปรากฏตัวต่อหน้าสื่ออยู่บ่อยครั้ง
ไป๋เยี่ยฟังสิ่งที่พ่างจื่อเล่าก็ยิ่งงง “มันเกี่ยวกับการให้กำลังใจพนักงานของพ่อนายด้วยหรือเปล่า”
พ่างจื่อจึงพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม “พ่อเห็นถึงความพยายามของฉันจะตาย ไม่เห็นเหรอว่าฉันผอมลงตั้งเยอะ อีกอย่างฉันก็ทำเพื่อธุรกิจไปตั้งเยอะ อย่าว่าแต่เรื่องอื่นเลย แค่ทะเบียนข้อมูลหมอนั่นก็น่าทึ่งแล้ว เข้าใจไหม นั่นน่ะเป็นทุนของฉันหมดเลยนะ”
“พ่อให้เงินทุนกับอุปกรณ์หลายอย่างมาให้ฉันเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง แถมยังขอให้พนักงานเก่าที่เคยทำงานในบริษัทมาช่วยฉันพัฒนาซอฟต์แวร์อีกด้วย นายว่านี่เป็นเรื่องที่ดีไหมล่ะ”
“อีกอย่างการที่ฉันถูกคัดออกจากงานแข่งขันนวัตกรรมอะไรนั่นน่ะ ไม่ได้แปลว่าฉันจะล้มเหลวในการเริ่มต้นธุรกิจซะหน่อย มันเป็นคนละเรื่องกัน ไม่เห็นต้องเสียใจเลย ฉันอยากทำให้จ้าวอวี่เจ๋อเห็นชะมัดว่าการคัดค้านของเขาน่ะมันทำให้ฉันฮึดขึ้นเรื่อยๆ!”
พูดจบพ่างจื่อก็จ้องไป๋เยี่ยตาเขม็ง “ช่างเถอะ ฉันจะรอนายที่หอพักแล้วกัน ไว้ตอนบ่ายจะพานายไปดูห้องทำงาน”
ไป๋เยี่ยเห็นดังนั้นก็ตัดสินใจพูดสิ่งที่อัดอั้นมานาน “พ่างจื่อ หยุดเล่นเกมก่อนได้ไหม เข้าเว็บเครือข่ายส่งเสริมธุรกิจเดี๋ยวนี้ ฉันมีอะไรให้นายดู”
พ่างจื่อนิ่งไป “อย่าเพิ่งเด้ นี่มันแมตช์อาถรรพ์เลยนะเว้ย จบตานี้ค่อยคุย!”
ไป๋เยี่ยดุด้วยความโกรธ “ยังอีก 2-30 ยังจะพูดอีก ทีมนายฆ่าไปแค่สอง แต่อีกฝั่งฆ่าไปสามสิบจะเอาอะไรไปชนะ ดูสกอร์นายสิ 0-9-0 ยังมีหน้ามาพูดอีก”
พูดจบไป๋เยี่ยก็เปิดหน้าเว็บเครือข่ายส่งเสริมธุรกิจทันที เมื่อพ่างจื่อลองอ่านข่าวสารบนหน้าเว็บ เขาก็ดูมีความสุขมาก ทั้งยังสร้างแผนการขึ้นมาในใจแล้วด้วย
จู่ๆ พ่างจื่อก็หัวเราะเสียงดังลั่น “ไอ้หมาขี้แพ้เอ้ย ไว้ฉันรวยเมื่อไหร่ เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่!”