บทที่ 188 เกิดข้อสงสัย
ด้วยพื้นฐานความรู้ ทำให้ไป๋เยี่ยจัดการเรื่องยีนของหนูได้อย่างง่ายดาย
การศึกษาความเสถียรของยีนหนูเคเอ็มต้องมีจุดเริ่มต้นก่อน หลังจากค้นคว้าข้อมูลมานับไม่ถ้วน ในที่สุดไป๋เยี่ยก็เจอการทดลองยาที่ล้มเหลว ซึ่งนั่นอาจจะพอเป็นโอกาสให้เขาได้
เพียงแต่ว่ายาชนิดนั้นเป็นยาที่ค่อนข้างหายาก ไป๋เยี่ยจึงต้องพยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองที่ล้มเหลวเหล่านั้นแทน
ขั้นตอนต่อไปคือการทำการทดลองต่างๆ เพื่อค้นหาลำดับของอาร์เอ็นเอที่มีความแปรผันในการถอดรหัส ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสาเหตุของการกลายพันธุ์ได้
แต่ดูเหมือนว่าการวิจัยครั้งนี้จะแทบไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย เพราะไป๋เยี่ยไม่พบจุดที่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์บนยีนเหล่านี้เลย
หรือว่าเราไม่ควรไปวิจัยเรื่องยีน
ลำพังแค่วิจัยเรื่องลำดับยีนและร่างกายของหนูคงจะไม่ได้อะไรสักเท่าไหร่
ต่งฉุนกวงมาหาไป๋เยี่ยตอนพักเที่ยง
“พรุ่งนี้จะมีงานสัมมนาวิชาการที่โรงแรมไฮแอท ผมว่าคุณควรลองไปดูนะ”
พอไป๋เยี่ยที่เอาแต่นั่งคิดเรื่องหนูทั้งวันทั้งคืนได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาทันที “งานสัมมนาเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ”
ต่งฉุนกวงคลุกข้าวในจาน “เป็นงานสัมมนาที่บริษัทลอนก้าจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมหนูเอสเอชอาร์และหนูทดลองจากบริษัทของพวกเขาน่ะ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้รับเชิญให้ไปเข้าร่วม รวมถึงคนจากธนาคารยีน[1]แห่งยุโรปด้วย ผมว่าคุณควรลองไปฟังนะ”
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องพักงานวิจัยไปก่อน แต่ไป๋เยี่ยก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องไปฟัง เพราะเขาเองก็คาดหวังว่าจะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งคู่มุ่งหน้าไปที่โรงแรมไฮแอท ซึ่งพวกเขาต้องจ่ายค่าบัตรเข้างานสัมมนาเป็นจำนวนสองพันหยวน
งานสัมมนาจัดขึ้นในห้องนิทรรศการขนาดใหญ่ ไป๋เยี่ยจึงเลือกที่นั่งที่ได้ยินเสียงชัด
วิทยากรในการสัมมนาวันแรกคือยอดปรมาจารย์ด้านพันธุวิศวกรรมแห่งชาติ ‘จางซูหลาน’ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมชีวภาพทางการแพทย์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปคินส์ เดิมทีเธอได้โอกาสศึกษาต่อในสถาบัน แต่เธอกลับเลือกเดินทางกลับมาที่ประเทศจีนเพื่อทำงานด้านวิศวกรรมชีวภาพที่สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
จางซูหลานเชี่ยวชาญเทคโนโลยีการตัดแต่งยีน โดยในปัจจุบันจะใช้วิธีการทางอณูพันธุศาสตร์[2]เป็นพื้นฐานหลักและวิธีการสมัยใหม่ของอณูชีววิทยา[3]และจุลชีววิทยาในการตามหายีนจากแหล่งต่างๆ ตามพิมพ์เขียวที่ออกแบบไว้ก่อนหน้า ยีนที่ถูกตัดแต่งนั้นจะถูกฉีดเข้าสู่เซลล์ของสิ่งมีชีวิตเพื่อเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมดั้งเดิมของสิ่งมีชีวิตและสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่
นี่คือการใช้วิธีการสมัยใหม่เพื่อทำลายกลไกการแบ่งแยกของการสืบพันธุ์[4]และพัฒนาองค์ความรู้ด้านพันธุวิศวกรรมต่อไป
จางซูหลานบรรยายอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นไปที่ทฤษฎีพื้นฐานและแนวคิดใหม่ๆ
สิ่งที่จางซูหลานพูดถึงนั้นเรียบง่ายและไม่ต้องอาศัยองค์ความรู้ขั้นสูงหรือล้ำหน้ามากนัก อย่างไรเสีย การสัมมนานี้ก็ไม่ใช่การสัมมนาทางวิชาการระดับมืออาชีพ แต่เป็นเพียงการโปรโมทผลิตภัณฑ์ของตนเองผ่านการสัมมนาเท่านั้น
ทว่าไป๋เยี่ยก็ได้รับประโยชน์มากมายเช่นกัน ระหว่างช่วงสองวันนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์ก็ได้จัดแจงองค์ความรู้ต่างๆ ออกเป็นระบบ ทั้งยังเสริมสร้างพื้นฐานความรู้ด้านพันธุศาสตร์ให้ไป๋เยี่ยอีกด้วย
และในวันที่สามของการสัมมนาซึ่งถือเป็นวันสุดท้ายนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะมีผู้ทรงอิทธิพลระดับนานาชาติหลายคนมาร่วมงานด้วย
“ขอเสียงปรบมือต้อนรับด็อกเตอร์มาร์คไลท์จากธนาคารยีนแห่งยุโรป โดยด็อกเตอร์มาร์คไลท์เป็นผู้มีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ยีนของหนูมาตลอดหลายทศวรรษ และมีข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับการวิจัยเรื่องหนู…”
ต่งฉุนกวงหันไปกระซิบกับไป๋เยี่ย “มาร์คไลท์เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญหลักที่ทำการวิจัยเรื่องหนูเอสเอชอาร์ ทักษะการวิเคราะห์ยีนของเขาดีมาก ถือว่าเขาวิเคราะห์มันออกมาได้อย่างสมบูรณ์เลยทีเดียว…”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า “แล้วเขาไม่ได้คิดที่จะปรับปรุงยีนเอสเอชอาร์บ้างเหรอครับ”
ต่งฉุนกวงแค่นหัวเราะ “เมื่อมีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยว อคติก็เริ่มเข้ามาครอบงำแนวคิด”
“งานวิจัยชิ้นที่ดีที่สุดของมาร์คไลท์คือการพิสูจน์ข้อดีของหนูเอสเอชอาร์ เขาเชื่อว่าหนูเอสเอชอาร์เป็นผลผลิตจากพระเจ้าหลังจากที่ได้เพาะพันธุ์มันมานับหลายร้อยรุ่น แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาได้ทดลองฉีดยีนความดันโลหิตสูงของหนูเอสเอชอาร์เข้าไปในหนูตัวอื่นๆ หลายร้อยครั้ง
ซึ่งกว่าที่หนูพวกนั้นจะมีภาวะความดันโลหิตสูงเหมือนกับหนูเอสเอชอาร์ก็นับเป็นเรื่องยากแน่นอน ผมเองก็ยังคงหวังว่าเขาจะตั้งคำถามกับการทดลองนั้นไว้อยู่เหมือนเดิม”
“แต่…การกลายพันธุ์เป็นเรื่องไม่แน่นอน รวมถึงการปลูกถ่ายยีนด้วย ผลลัพธ์จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหนูแต่ละตัว จึงไม่เหมาะที่จะทำการทดลองเป็นจำนวนมาก”
วันนี้มาร์คไลท์พูดถึงหนูเอสเอชอาร์เป็นหลัก ต้องยอมรับว่าเขามีความเป็นมืออาชีพและมีความพยายามในการพัฒนาและสร้างหนูเอสเอชอาร์ขึ้นมาอย่างมาก
“วิวัฒนาการทางชีววิทยาคือพันธุวิศวกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุด สิ่งมีชีวิตย่อมรับยีนที่เหมาะสมที่สุดเพื่อเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางชีวภาพของตน หลังจากที่ทางเราได้ทำการวิจัยเรื่องหนูเอสเอชอาร์มานานหลายชั่วอายุคน เราก็ได้สรุปข้อผิดพลาดในแต่ละครั้งและหวังว่าจะแก้ไขมันโดยวิธีการทางพันธุวิศวกรรม แน่นอนว่านี่เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น วิศวกรรมชีวภาพก็เหมือนกับการพัฒนาองค์ความรู้อย่างหนึ่ง เราจะเปลี่ยนแปลงองค์ความรู้นั้นได้ก็ต่อเมื่อเราพยายามเข้าใจสิ่งใหม่ๆ เท่านั้น”
สุดท้าย มาร์คไลท์ก็ถามขึ้น “มีคำถามอะไรไหมครับ”
ทุกคนยิ้มและส่ายหัว ทว่าจู่ๆ ไป๋เยี่ยกลับลุกพรวดขึ้นมา “ผมมีคำถามครับ ทำไมถึงใช้หนูรุ่นแรกเป็นหนูวิสตาร์แทนที่จะเป็นหนูเคเอ็ม หรือหนูตะเภาครับ”
ทุกคนหันไปมองไป๋เยี่ยด้วยสีหน้าหลากหลายอารมณ์ บ้างก็ตื่นตระหนก บ้างก็แปลกใจ บ้างก็ไม่สนใจ ทว่าก็มีบางคนที่คิดถึงปัญหานี้เช่นกัน
มาร์คไลท์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองคนถามด้วยความสนใจ เขาจัดงานสัมมนาที่ปักกิ่งมาหลายครั้ง แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่เจอคนถามคำถามนี้艾琳小說
“เป็นคำถามที่น่าสนใจมากครับ อันที่จริงผมก็ใช้หนูพันธุ์อื่นเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่ดีเท่าของหนูวิสตาร์ โดยพื้นฐานแล้ว แหล่งที่มาของยีนของหนูพวกนี้เหมือนกัน ซึ่งยีนของหนูจำนวนมากก็มักจะเป็นยีนไฮบริด แต่นั่นก็นำมาซึ่งปัญหาเรื่องความเสถียรของยีนและการแสดงลักษณะของยีนด้อยเช่นกัน”
แววตาของไป๋เยี่ยเป็นประกายขึ้นมาในทันใด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องปัญหาความเสถียรของยีน
มาร์คไลท์พูดต่อ “เป็นที่ทราบกันดีว่าหนูเคเอ็มเป็นสายพันธุ์ที่มีความเสถียรทางพันธุกรรมมากที่สุด ทำมันไม่เกิดการกลายพันธุ์ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม การจะเพาะพันธุ์หนูที่มีภาวะความดันโลหิตสูงก็ต้องอาศัยแรงและเวลาที่มากขึ้นด้วย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเพาะพันธุ์หนูที่มีภาวะความดันโลหิตสูงออกมาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
“แต่ระหว่างการทดลองนั้น ทางเราพบว่าความเสถียรของยีนหนูวิสตาร์นั้นก็มีความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน อีกทั้งยังมีการแสดงลักษณะของยีนด้อยที่ชัดเจนมากด้วย…ผมว่านี่ก็คงถือเป็นเหตุผลได้แหละนะ”
ไป๋เยี่ยพยายามนำคำพูดของมาร์คไลท์มาเรียบเรียงใหม่ในใจ ทว่าจู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเขา
ทั้งหนูวิสตาร์และหนูเคเอ็มต่างเป็นสายพันธุ์ที่มีความเสถียรทางพันธุกรรมสูง ซึ่งหนูเคเอ็มก็ถือเป็นสายพันธุ์ชิดเหมือนกัน ตามหลักแล้วสายพันธุ์ที่คงอยู่มาได้หลายชั่วอายุคนแบบนี้น่าจะมีการแสดงลักษณะของยีนด้อยออกมาบ้าง แต่ทำไมถึงไม่มีใครหามันเจอล่ะ หรือจะเป็นเพราะความสามารถในการปรับตัวของหนูนะ
ไป๋เยี่ยจึงถามต่อ “ลำดับยีนของหนูวิสตาร์และหนูเคเอ็มนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก คุณบอกว่าการแสดงลักษณะทางพันธุกรรมถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งใช่ไหมครับ ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูด งั้นผมขอถามเกี่ยวกับความสามารถในการปรับตัวของหนูบ้างได้ไหมครับ ความสามารถในการอยู่รอดที่แข็งแกร่งนั้นมีความสัมพันธ์กับการแสดงลักษณะทางพันธุกรรมไหมครับ”
ทันทีที่ไป๋เยี่ยพูดจบ ผู้คนก็พากันส่งเสียงฮือฮากันใหญ่
[1] ธนาคารยีน คือสถานที่รวบรวมและเก็บรักษาสารพันธุกรรมต่างๆ ไว้
[2] อณูพันธุศาสตร์ คือ วิชาที่ศึกษาความแตกต่างในโครงสร้างหรือการแสดงออกของดีเอ็นเอซึ่งก่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตได้อย่างไร
[3] อณูชีววิทยา คือ วิชาทีศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของหน่วยพันธุกรรมในระดับโมเลกุล
[4] กลไกการแยกจากการสืบพันธุ์ คือกลไกที่ก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ใหม่ขึ้นได้