บทที่ 191 ข่าวชวนเขย่าขวัญคนทั้งโลก (1)
ข่าวบริษัทน่าย่ากระจายไปทั่วประเทศทันที ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือด
ตอนนี้ทุกคนเอาแต่พูดถึงการเคลื่อนไหวของน่าย่าในครั้งนี้
“หา จริงเหรอเนี่ย บริษัทน่าย่าเปิดตัวหนูเอสเอชอาร์รุ่นใหม่แล้วเหรอ ไม่สิ จะเรียกว่าเอสเอชอาร์ไม่ได้ ต้องเรียกว่าหนูความดันเลือดสูงรุ่นใหม่แล้วมั้ง!”
“ฮ่าๆ ไอ้เรื่องจริงไม่จริงน่ะนะ ถ้าเป็นจริงก็ดี จะได้ไม่ต้องไปเสียอารมณ์กับพวกนายทุนหน้าเลือดแล้ว” แม้แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์เองก็รู้สึกปิติยินดีจนเผลอหลุดด่าออกมา
“สนับสนุนน่าย่าก็คือสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของชาติ!”
ไม่ว่าข่าวจะจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ประกาศจากน่าย่าก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย!
ทว่าระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดเรื่องนี้ มาร์คไลท์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารยีนแห่งยุโรปกลับกำลังนั่งจิบกาแฟในออฟฟิศทั้งรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ คุณพอร์เตอร์ ถ้าหนูเอสเอชอาร์รุ่นใหม่ไม่ได้พิเศษอะไรนัก พวกคนจีนก็คงสั่งจองกันไม่เยอะหรอกครับ”
พอร์เตอร์จ้องคอมพิวเตอร์โดยไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าเขากลับสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแปลกไปเล็กน้อย
เขาเข้าใจถังฮั่นดี น่าย่าและลอนก้านั้นเป็นคู่แข่งกัน หาใช่คู่ค้า ‘คนที่รู้จักคุณดีที่สุดก็อาจจะไม่ใช่เพื่อนของคุณ แต่อาจจะเป็นคู่แข่งของคุณแทนก็ได้’ ซึ่งพอร์เตอร์ก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้
เขารู้สึกว่าถังฮั่นไม่ใช่พวกชอบสร้างสถานการณ์ตบตา แต่เป็นคนกล้าคิดกล้าทำ และเขาจะทุ่มสุดตัวเพื่อสิ่งที่ต้องการแน่นอน
ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้ก็ย่อมต้องได้รับอนุญาตจากถังฮั่นเช่นกัน
แต่ถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องได้รับการตรวจสอบอยู่ดี
คิดได้ดังนั้น พอร์เตอร์ก็ต่อสายหาผู้รับผิดชอบภูมิภาคเอเชียทันที “คุณควรให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวของน่าย่าอย่างใกล้ชิด ถ้าได้ข่าวอะไรมาก็รีบมาบอกผม”
มาร์คไลท์สูดกลิ่นกาแฟหอมกรุ่น เขามีท่าทีดูแคลนในตัวพอร์เตอร์อยู่เล็กน้อย
หากแบบจำลองหนูที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมันธรรมดาขนาดนั้น พวกเขาคงไม่ต้องพยายามกันตั้งหลายปี แต่กลับมีความคืบหน้าเพียงนิดเดียว
“คุณพอร์เตอร์ ผมคิดว่าสิ่งที่คุณควรทำตอนนี้ไม่ใช่การมัวระวังน่าย่า แต่คุณต้องเอาชนะคำพูดปลอมเปลือกของพวกนั้นให้ได้! ผมคิดว่านี่คงจะเป็นแผนถ่วงเวลาของทางน่าย่าเฉยๆ ครับ”
พอร์เตอร์ยิ้ม “ผมเชื่อมั่นในศักยภาพด้านพันธุวิศวกรรมของคุณมาร์คไลท์นะครับ ยังไงคุณก็เป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง ตอนนี้ผมจะออกประกาศใหม่ให้ในหนึ่งเดือนหลังจากนี้มีการจำกัดปริมาณการจำหน่ายในเอเชีย”
ทันทีที่จางฮั่นหลินได้อ่านประกาศจากน่าย่า เขาก็รีบโทรหาถังฮั่นทันที ตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะคุยกันบ่อยขึ้นมาก
“คุณถัง บริษัทของคุณพัฒนาแบบจำลองหนูที่มีภาวะความดันโลหิตสูงรุ่นใหม่ขึ้นมาจริงเหรอครับ” จางฮั่นหลินยังคงไม่แน่ใจ
ถังฮั่นยิ้ม “ถ้าไม่เกิดปัญหาอะไร มันก็อาจจะเป็นจริงก็ได้!”
จางฮั่นหลินรู้สึกมีแรงใจมากขึ้นเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของถังฮั่น!
“เยี่ยมไปเลย! คนชาติเราจะได้มีหน้ามีตากับเขาบ้าง!”
ทว่าจู่ๆ ถังฮั่นก็ถามขึ้น “คุณไม่สงสัยหน่อยเหรอครับว่าใครเป็นคนคิดเรื่องนี้”
จางฮั่นหลินผงะ “จะมีใครล่ะครับ ทางน่าย่าเองก็มีบุคลากรคุณภาพมากมาย ผมเชื่อว่ายังไงก็มีอัจฉริยะแน่นอน!”
ถังฮั่นยิ้ม “ไป๋เยี่ยเป็นคนคิดครับ”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น จางฮั่นหลินก็อุทานออกมาเบาๆ ก่อนจะถามต่อ “ไป๋เยี่ยไปทำงานกับคุณเหรอ”
ถังฮั่นดูจะสับสนเล็กน้อย “คุณไม่แปลกใจเลยเหรอครับ”
จางฮั่นหลินพูดต่อ “แปลกใจเหรอ ถ้าเป็นคนอื่นทำ ผมก็อาจจะแปลกใจอยู่บ้าง แต่…สำหรับไป๋เยี่ยน่ะ ผมชินแล้วแหละ ไม่งั้นผมคงจะหัวใจวายไปนานแล้ว ตอนนี้ต่อให้คุณมาบอกผมว่าไป๋เยี่ยได้รางวัลโนเบล ผมก็คงไม่ตื่นเต้นอะไรแล้วละ ว่าแต่เมื่อกี้ผมพูดอะไรไปนะ ให้ตายเถอะ!”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับข่าวเรื่องหนูทดลองรุ่นใหม่อยู่นั้น ในที่สุดไป๋เยี่ยก็เขียนธีสิสเกี่ยวกับยีนที่มีความผันผวนของหนูเคเอ็มออกมาได้สำเร็จ และตั้งชื่อธีสิสนั้นว่า ‘รื้อฟื้นการทดลองในอดีตเหล่านั้น สาเหตุที่แท้จริงของการสูญเสียระหว่างการทดลองทางคลินิก: เบสกวานีนที่ไม่เสถียร’
เขาได้กู้คืนข้อมูลการทดลองทั้งหมดและนำมาเขียนใหม่ ทั้งยังทำสำเนาสำรองของข้อมูลไว้หลายชุดด้วยเพื่อความปลอดภัย
ยีนที่กำจัดเบสกวานีนซึ่งทำให้ดีเอ็นเอของหนูเคเอ็มเสถียรไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก ตอนนี้ไป๋เยี่ยกำลังทดลองนำเบสกวานีนออกมาจากนิวเคลียสของเซลล์เอมบริโอ
ทว่านี่ไม่ใช่ขั้นตอนที่เขาจะลงมือทำได้ เพราะการที่ลำดับเบสในเซลล์เอมบริโอ[1]จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยไม่มีการกระตุ้นปฏิกิริยานั้นเป็นเรื่องยากมาก
เปรียบเสมือนเป็นกลไกการป้องกันอย่างหนึ่ง ลำดับเบสเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้นเท่านั้น
ไป๋เยี่ยจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาต่งฉุนกวง ทว่าอีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วอย่างไร้หนทางเช่นกัน
ทำไงดีนะ
เราเองก็ไม่ค่อยรู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุวิศวกรรมด้วยสิ แต่เดี๋ยวก่อนนะ! จางซูหลานไง
เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยระดับโลก บางทีเธออาจจะทำอะไรกับมันได้บ้าง
ทันทีที่ไป๋เยี่ยโทรหาจางซูหลาน เขาก็เล่าสิ่งที่เขาค้นพบให้เธอฟัง จางซูหลานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “มาหาฉันที่สถาบันวิศวกรรมชีวภาพ สถาบันวิทยาศาสตร์ ฉันจะรอคุณที่ออฟฟิศ”
หลังจากที่จางซูหลานวางสายโทรศัพท์ไป แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะฟังดูสงบ แต่ภายในใจของเธอกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะระเบิดออกมา!
เรื่องที่ไป๋เยี่ยเล่าให้เธอฟังน่าตะลึงมาก หนูเคเอ็มได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความเสถียรทางพันธุกรรมมาก และเป็นพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับการวิจัยและการทดลองของมนุษยชาติมากที่สุด
ไม่น่าเชื่อว่าไป๋เยี่ยจะพิสูจน์ได้ว่ามุมมองนี้ผิด
แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะก็…
ผลที่ตามมาคงเกินกว่าที่คาดไว้แน่นอน นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องหนูทดลองแล้ว หากพิสูจน์ได้แล้วว่าความไม่เสถียรของยีนของหนูเคเอ็มนั้นมีอยู่จริง ก็จะค้นหาสาเหตุของปัญหาต่างๆ ได้ ทั้งบรรดาการทดลองที่ล้มเหลวก่อนหน้านี้…อีกทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ยาในท้องตลาด…
ดังนั้นเมื่อเข้าใจถึงปัญหาแล้ว จางซูหลานจึงนัดไป๋เยี่ยให้มาที่ออฟฟิศของเธอ ซึ่งไป๋เยี่ยก็ดูไม่ร้อนรนเลย ต่างจากเธอที่เอาแต่กระสับกระส่าย
เมื่อไป๋เยี่ยมาถึง ประตูห้องก็ปิดลงทันที ไป๋เยี่ยเปิดโน้ตบุ๊กของเขาขึ้นมา ในนั้นบันทึกข้อมูลและบทวิเคราะห์การทดลองไว้ทั้งหมดแล้ว
จางซูหลานอ่านข้อมูลและบทวิเคราะห์การทดลองอย่างละเอียดพร้อมกับขีดๆ เขียนๆ ลงในกระดาษในมือโดยหวังว่าจะได้เจอจุดที่ผิดพลาดบ้าง พูดตามตรง เธอไม่อยากให้ข้อสรุปของไป๋เยี่ยเป็นจริงสักเท่าไหร่
เพราะถ้าเป็นจริงขึ้นมา ก็มีโอกาสมากที่ตลาดการแพทย์จะต้องเผชิญกับความวุ่นวายครั้งยิ่งใหญ่เป็นระยะยาว ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดี อีกทั้งยังมีเรื่องความตื่นตระหนกจากสาธารณชนที่เป็นหายนะพอกันด้วย
แต่หลังจากอ่านข้อมูลส่วนใหญ่ดูแล้ว จางซูหลานก็ถอนหายใจออกมา ยังดี…ความไม่เสถียรที่ว่านี้เกิดขึ้นในบางกรณีเท่านั้น อีกทั้งยังกระตุ้นได้ยาก
[1] ลำดับเบสในเซลล์เอมบริโอ คือ ลำดับโครงสร้างปฐมภูมิของโมเลกุลหรือสายดีเอ็นเอที่อยู่ในเซลล์เอมบริโอ