ตอนที่ 18 ครอบครัวน้อยของพวกเรา
ตอนที่ 18 ครอบครัวน้อยของพวกเรา
เมื่อเห็นอาหารอันอุดมสมบูรณ์วางอยู่ตรงหน้า เสี่ยวอวี่ก็ปรบมืออย่างดีใจ “ว้าว…หอมจัง หอมจัง”
เซี่ยเจ๋อน่าออกมาจากในห้องทันทีที่ได้กลิ่นหอม เมื่อเห็นอาหารจัดวางอยู่เต็มโต๊ะ ก็อดใจที่จะกลืนน้ำลายตัวเองแทบไม่ไหว แต่เมื่อมองไปยังลูกชิ้นทอดแล้ว เส้นมันเทศผัด ไข่กวน เต้าหู้ทำมือ ซุปผักกาดดองมันฝรั่ง ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “นี่ใช้น้ำมันไปเท่าไหร่เนี่ย อาหารทุกจานถึงมันเยิ้มขนาดนี้”
ไม่รอให้ฉินมู่หลานโต้ตอบอะไร เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ชิงเอ่ยขึ้นก่อน “ถ้าอย่างนั้นเธอก็อย่ามาขอกินทีหลังแล้วกัน”
“ทำไมล่ะ อาหารก็อาหารของที่บ้าน แล้วทำไมหนูจะกินไม่ได้”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนี้จึงเอ่ยขึ้น “วันนี้ฉันเป็นคนต้นคิดอาหารที่ต้องใช้น้ำมันและน้ำตาลเยอะมากเองค่ะ แต่ฉันจะชดใช้ให้เองนะคะ”
เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยกล่าว “มู่หลาน อย่าไปฟังที่น่าน่าพูดเลย วันนี้เธออุตส่าห์ทำอาหารเย็นให้ที่บ้านทั้งที ใช้น้ำมันกับน้ำตาลไปบ้างจะเป็นอะไรกัน”
ฉินมู่หลานจะเอ่ยต่อ แต่เซี่ยเหวินปิงชิงแทรกขึ้นก่อน “เอาเถอะ รีบมานั่งกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดเสียหมด”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น จึงนั่งลงอย่างรวดเร็ว
ฉินมู่หลานทำอาหารไว้มากมายหลากหลาย สิ่งที่น่ากินมากที่สุดคือมันเทศฝอยผัด ซึ่งเธอคีบขึ้นมาสองชิ้น เมื่อยามกลิ่นหอมหวานลอยมาแตะปลายจมูก เธอก็รู้สึกมีความสุข เพียงแต่ช่วงนี้เธอหวังอยากจะลดน้ำหนัก หลังจากกินไปเพียงสองชิ้นก็ไม่ได้กินไปมากมายกว่านี้แล้ว
นอกจากนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็อดใจที่จะคีบลูกชิ้นทอดขึ้นมาแทบไม่ไหว เนื่องจากอาหารจานนี้สามารถกินได้ในเฉพาะช่วงปีใหม่เท่านั้น
“อื้ม…ลูกชิ้นนี่ต่างจากที่ฉันทำมากเลย อร่อยมาก” หลังจากเหยาจิ้งจือกินลูกชิ้นไปหนึ่งลูก ก็ร็สึกว่ามันอร่อยกว่าที่ตนเคยทำยิ่งนัก
“ใช่แล้ว อร่อยมากจริง ๆ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเอ่ยแสดงความเห็น หลังจากนั้นก็คีบขึ้นมาอีกหนึ่งลูกแล้วส่งให้ลูกชายของตนเช่นกัน
คนอื่น ๆ ต่างมุ่งความสนใจไปที่การกินอาหาร จึงไม่มีใครพูดคำใด
ส่วนเซี่ยเจ๋อน่าที่แต่เดิมอยากจะวิพากษ์วิจารณ์ ในขณะนี้ก็ต้องยอมรับว่าอาหารมื้อนี้อร่อยยิ่งนัก มีการเติมข้าวโพดลงใส่ลงในลูกชิ้นเพื่อเพิ่มรสหวาน มันเทศฝอยผัดก็อร่อยมาก เต้าหู้ทำมือทอดก็กรอบนอกนุ่มใน แม้แต่ต้มผักกาดดองมันฝรั่งก็ยังอร่อยมาก ทำให้หล่อนไม่คิดจะเอื้อนเอ่ยอะไรอีกต่อไป
เซี่ยเจ๋อหลี่กินข้าวเสร็จไปหนึ่งชามอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เพิ่มอีกชามแล้ว
หลังจากกินเสร็จไปสองชาม เขาก็ยังรู้สึกไม่หนำใจสักเท่าใด เมื่อได้กินอาหารฝีมือของฉินมู่หลานแล้ว เขาก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่าผัดผักจะอร่อยขนาดนี้
เดิมทีฉินมู่หลานเป็นกังวลว่าจะทำอาหารมากเกินไป คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นไม่พอกิน เมื่อทุกคนกินเสร็จเรียบร้อยก็พากันเอ่ยชื่นชมรสชาติอาหาร
แม้แต่เซี่ยเหวินปิงเองก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ฝีมือทำอาหารของมู่หลานนี่ดีจริง ๆ เลย ดีกว่าพ่อครัวในครัวโรงแรมเสียอีก”
เขามีสิ่งที่อยากจะเอ่ยอยู่ในใจ ว่าจากนี้ไปอยากให้ฉินมู่หลานทำอาหารในบ้านมากขึ้น แต่ในฐานะพ่อสามี การจะเอ่ยเช่นนั้นก็คงเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจ หากให้เหยาจิ้งจือเอ่ยคงเหมาะสมมากกว่า ดังนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะขยิบตาส่งสัญญาณบอกเหยาจิ้งจือที่นั่งอยู่ข้างตน
เหยาจิ้งจือรับรู้ได้ทันที นางมองฉินมู่หลานพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มู่หลาน ฝีมือการทำอาหารของเธอดีมากเลย ต่อไปถ้ามีเวลาก็มาช่วยฉันอีกนะ”
แม้สามีของตนจะไม่เคยเอ่ยดังนี้มาก่อน แต่นางทราบดีว่าเขาเป็นคนเห็นแก่กินเพียงใด อาหารทั้งหมดที่เคยกินล้วนมีรสชาติเหมือนกันหมด จึงไม่มีจุดให้เปรียบเทียบ แต่หลังจากได้ลองกินอาหารฝีมือของมู่หลานแล้ว เมื่อนึกถึงมื้อต่อไป นางเองก็รู้สึกไม่อยากกินอีกต่อไป
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าแล้วเอ่ยอย่างไม่ลังเล “ได้ค่ะ”
หลังจากอาหารมื้อเย็นหมดแล้ว เหยาจิ้งจือจึงเข้ามารับหน้าที่ล้างจาน แล้วให้ฉินมู่หลานและหลี่เสวี่ยเยี่ยนไปพักผ่อน
เมื่อกลับถึงห้อง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็จ้องมองฉินมู่หลานพลางเอ่ยว่า “วันนี้ต้องลำบากคุณแล้วล่ะ แต่ว่า…อาหารที่คุณทำมีรสชาติดีมาก อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมาเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นวันหลังฉันจะทำให้เยอะกว่านี้ ” อันที่จริงแล้วเธอก็รักในการกินเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียนทำอาหาร แล้วตอนนี้ก็ทำได้อร่อยมากจนกินเองยังรู้สึกเอง
แต่เธอก็ไม่ลืมเรื่องที่ใช้น้ำมันไปมากจนเกือบจะหมดขวดเช่นกัน
“ฉันใช้เครื่องปรุงที่บ้านไปเสียเกือบเกลี้ยง อีกสองวันนี้เลยคิดว่าจะเข้าไปในเมือง แล้วซื้อน้ำมันกลับมาเพิ่ม แล้วก็จะซื้อพวกเครื่องปรุงต่าง ๆ มาด้วย เป็นอย่างนั้นก็จะทำอาหารอร่อยๆ ได้มากขึ้น”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปกับคุณด้วย”
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ จึงรีบส่ายศีรษะพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปเองดีกว่า”
หากเซี่ยเจ๋อหลี่ไปกับเธอด้วย เช่นนั้นแล้วเธอจะเข้าอำเภอได้อย่างไร อันที่จริงเธอบอกความจริงกับเขาได้หากเลือกที่จะบอก แต่เธอกับเซี่ยเจ๋อหลี่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ยังไม่เรียกว่าสนิทกันเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งเธอไม่ได้รู้เรื่องราวของเซี่ยเจ๋อหลี่มากมายนัก เช่นนั้นแล้วจะให้เล่าเรื่องของตัวเองกับเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างหมดเปลือกได้อย่างไรกัน
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินดังนั้น จึงจ้องมองฉินมู่หลานครู่หนึ่ง
ฉินมู่หลานจึงเอ่ยขึ้นต่อพร้อมรอยยิ้ม “คุณกลับมาพักผ่อนที่บ้านช่วงวันหยุดทั้งที อยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ไปจะดีกว่า นอกจากนี้ตัวเมืองก็ไม่ได้อยู่ไกลจากหมู่บ้านของเรานัก ฉันจะรีบไปรีบกลับนะคะ”
เห็นฉินมู่หลานยืนกรานเช่นนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่จึงไม่เอ่ยพูดอะไรอีก
“อย่างนั้นก็ได้ คุณระวังตัวด้วยนะ”
เมื่อเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เดินไปยังตู้เสื้อผ้าหลังเก่า หลังจากที่เปิดประตูตู้ ก็หยิบถุงผ้าใบเล็กออกมาจากด้านใน
เขาหยิบถุงผ้าใบเล็กนั้นแล้วเดินไปหาฉินมู่หลาน ก่อนจะยื่นมันไปให้
“ผมให้”
“นี่อะไรเหรอคะ?”
ฉินมู่หลานรับมันมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากที่เปิดมันออก ก็พบว่ามีเงินจำนวนหนึ่งอยู่ข้างใน
“ผมเก็บสะสมเงินพวกนี้เอาไว้เอง จากนี้ผมจะเอาเงินเดือนทั้งหมดเก็บไว้ที่คุณ” เขามอบเงินเดือนทั้งหมดให้กับครอบครัว ส่วนตนเองเก็บเอาไว้แต่เพียงเงินโบนัสเท่านั้น ตอนนี้จึงอยากเก็บไว้ที่ฉินมู่หลานเพื่อให้เธอดูแลมัน
ได้ฟังเช่นนั้น สีหน้าของฉินมู่หลานก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ให้ฉันเหรอคะ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าอย่างหนักแน่น พลางเอ่ยต่อไปว่า “ใช่แล้ว มันเป็นหน้าที่ของคุณ หลังจากนี้ไปคุณจะมีหน้าที่ดูแลครอบครัวน้อยของเรานะ”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคำพูดพวกนี้ช่างสะกิดใจฉินมู่หลานยิ่งนัก
ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งปรารถนาสูงสุดของฉินมู่หลานคือการได้สร้างครอบครัว มีครอบครัวที่รักเป็นของตัวเอง น่าเสียดายที่เธอต้องอาศัยอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด
คิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากมาที่นี่ ความปรารถนาของเธอได้เป็นจริงแล้ว นอกจากครอบครัวของเธอแล้ว ยังได้มีครอบครัวน้อยเป็นของตัวเองอีกด้วย
ด้วยความเผลอตัว ฉินมู่หลานจึงคว้าถุงผ้าใบเล็กนั้นมา ก่อนจะพยักหน้าพลางเอ่ย “ตกลงค่ะ”
หลังจากเห็นฉินมู่หลานตอบตกลงแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่จึงรู้สึกโล่งใจ
เห็นได้ชัดว่าเดิมทีฉินมู่หลานคอยรบกวนและต้องพึ่งพาเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขากลับกลัวว่าฉินมู่หลานจะเอ่ยปฎิเสธ โชคยังดีที่เธอยอมตกลงด้วย
เมื่อฉินมู่หลานรู้สึกตัว ถุงผ้าใบเล็กนั้นก็อยู่ในมือของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ออกไปแล้วเช่นกัน
ฉินมู่หลานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงเริ่มนับเงิน
สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ เจ้าถุงผ้าใบเล็กนี้มีเงินอยู่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบหยวน ช่างเป็นเงินเก็บสะสมก้อนใหญ่เสียจริง
ในเมื่อตอนนี้ตัวเองตอบตกลงแล้ว ฉินมู่หลานจึงหาสถานที่ซ่อนมัน
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยเจ๋อน่าที่กลับเข้าห้องของตนแล้วก็รู้สึกนึกเสียใจ หล่อนมัวแต่จดจ่ออยู่กับอาหารเสียจนลืมเอ่ยว่าหล่อนเองก็อยากตัดชุดใหม่เหมือนกัน
เหตุใดฉินมู่หลานจึงได้ตัดเสื้อผ้าสองชุด ทำแค่ชุดเดียวไม่ได้หรือไง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยเจ๋อน่าจึงเดินออกจากห้องแล้วไปหาเหยาจิ้งจือ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นคำพูดที่อบอุ่นมากเลย ครอบครัวน้อยของเราเนี่ย
โดนอาหารของพี่สะใภ้ตกเสียแล้วสิยัยเจ๋อน่า ๕๕๕
ไหหม่า(海馬)