ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 32 ลุยทุ่งข้าวโพด

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 32 ลุยทุ่งข้าวโพด

ตอนที่ 32 ลุยทุ่งข้าวโพด

เมื่อเห็นคุณย่าเริ่มโกรธ เสียงของเสี่ยวอวี่จึงแผ่วลงทีละน้อย

“เมื่อ…เมื่อตอนเช้าครับ ตอนที่อารองเพิ่งออกไปข้างนอก”

เหยาจิ้งจือได้ยินดังนั้น สัญชาตญาณก็บ่งบอกทันทีว่าลูกสาวตนไม่ได้หวังดีพอที่จะให้เสี่ยวอวี่ทำเรื่องเช่นนี้ “ไม่ได้การล่ะ เดี๋ยวย่าจะไปคุยกับอาให้รู้เรื่อง ว่าทำไมถึงให้หลานทำแบบนี้”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ห้ามปรามเหยาจิ้งจือเอาไว้เสียก่อน

“แม่คะ ไม่ต้องไปหรอก เซี่ยเจ๋อน่ากลับมาแล้วค่ะ”

“อะไรนะ…”

ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเหยาจิ้งจือก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ฉันเห็นมันไปทำงานตั้งแต่เช้า แล้วมันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันอยู่ไหน?”

ฉินมู่หลานลุกขึ้นยืน เตรียมพาเหยาจิ้งจือไปที่ห้องนอนของเซี่ยเจ๋อน่า

ในขณะนั้นเอง ข้างนอกก็มีเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย เสียงดังมากจนคนในบ้านต่างได้ยินกันหมด และเงี่ยหูฟังว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าผู้คนจำนวนมากกำลังมุ่งหน้าวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน

แน่นอนว่าฉินมู่หลานได้ยินเช่นกัน เธอจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้

ไม่ต้องรอจนถึงช่วงบ่าย เย่เสี่ยวเหอกับเฝิงจื้อหมิงทั้งสองคนก็ถูกพบตัวแล้วอย่างนั้นหรือ?

ฉินมู่หลานไม่ทันได้คิดอะไรมาก ป้าพานที่อาศัยอยู่ข้างบ้านก็ได้วิ่งเข้ามา

เมื่อหล่อนเห็นเหยาจิ้งจือและฉินมู่หลานอยู่ตรงนั้น จึงรีบเอ่ยกับทั้งสอง “ไอ้หยา…จิ้งจือ มู่หลาน ทำไมถึงยังอยู่ในบ้านอีกเล่า รีบไปที่ทุ่งข้าวโพดเร็ว ไอ้หยา…ได้ยินเขาลือกันว่าลูกสาวผู้ใหญ่บ้านอยู่กับเฝิงจื้อหมิง ไม่รู้ว่าไปลุยดงด้วยกันแบบนั้นได้ยังไง เร็วเข้า พวกเรารีบไปดูกันดีกว่า”

เมื่อสักครู่มีคนมาบอกข่าวกับป้าพาน ทำให้หล่อนเองก็เพิ่งรู้ ตอนนี้จึงเตรียมไปดูเรื่องน่าตื่นเต้น

เหยาจิ้งจือเองก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้

“อะไรนะ…สองคนนั้นพากันลุยทุ่งข้าวโพด นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”

“จริงแท้แน่นอน ทุกคนไปดูกันหมดแล้ว เลิกพูดน่า รีบไปดูกับฉันดีกว่า”

เมื่อเอ่ยจบ ป้าพานก็คว้าตัวเหยาจิ้งจือมุ่งหน้าตรงไปยังทุ่งข้าวโพด ฉินมู่หลานก็พาเสี่ยวอวี่ไปที่นั่นด้วยเช่นกัน

แต่สิ่งที่เธอประหลาดใจคือ เมื่อไปถึงทุ่งข้าวโพดแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นพวกเขาเช่นกัน จึงค่อย ๆ เดินไปหาฉินมู่หลาน

“เซี่ยเจ๋อหลี่ ทำไมถึงกลับมาเร็วจังเลย”

เธอไม่เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ถือเหยื่ออะไรเอาไว้เลย แต่หากจะคิดเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ต่อให้ไปล่าสัตว์มา แต่ก็จะให้ชาวบ้านเห็นเป็นที่ประจักษ์ไม่ได้ บางทีเซี่ยเจ๋อหลี่อาจวางไว้ตรงไหนสักที่ก่อน

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่เอ่ยอะไรมาก ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามฉินมู่หลาน “มู่หลาน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

วันนี้ขณะขึ้นไปบนเขา เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น จึงล้มเลิกการล่าสัตว์ แล้วลงจากเขามาก่อนล่วงหน้า

และเมื่อเขาลงเขามา ก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดในทุ่งข้าวโพด จึงมุ่งหน้ามาที่นี่เป็นคนแรก ๆ ก่อนจะพบว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับเย่เสี่ยวเหอและเฝิงจื้อหมิง

เพียงแต่เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้สนใจสองคนนี้เลยแม้แต่น้อย ในใจของเขากลับเป็นห่วงฉินมู่หลานแทน

เย่เสี่ยวเหอและเฝิงจื้อหมิงเคยก่อกวนฉินมู่หลานมาก่อน ตอนนี้ทั้งสองกลับมาได้กันเอง ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดจะต้องมาทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้

ทันทีที่ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดแสนเป็นห่วงของเซี่ยเจ๋อหลี่ ในใจก็สั่นไหวขึ้นมานิดหน่อย จึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขาอีกครั้ง พลางส่ายศีรษะแล้วเอ่ย “ฉันไม่เป็นไรค่ะ คนที่เป็นคือเย่เสี่ยวเหอกับเฝิงจื้อหมิง”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่เป็นอะไรจริง ๆ เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

และด้วยคำพูดของฉินมู่หลาน เขาก็ล่วงรู้ได้ถึงความผิดปกติ ใจจริงเขานึกอยากจะเอ่ยถามอะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะในการพูดคุย ดังนั้นเขาจึงไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีก

ในตอนนี้ ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านก็รีบแจ้นเข้ามาแล้ว เมื่อเห็นว่าเป็นลูกสาวของตนจริง ๆ ที่หลับนอนอยู่กับเฝิงจื้อหมิงในทุ่งข้าวโพด จึงรู้สึกได้เพียงว่าแววตากำลังมืดหม่นลง

แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังเป็นลูกสาวของตน นางจึงหันมองผู้คนรอบข้างด้วยสายตาเดือดดาลพลางเอ่ยขึ้นว่า “มองอะไรหนักหนา ไม่รีบไปทำงานกันอีก ถ้ามีเวลาว่างมากพอจะสนใจเรื่องชาวบ้านก็ไปคิดหารายได้ให้มันเพิ่มมากขึ้นเสียดีกว่า”

หลังจากเอ่ยจบ นางก็รีบเดินไปปลุกเขย่าตัวลูกสาวของตน

เมื่อคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านได้ยินสิ่งที่ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเอ่ย จึงอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ “ป้าหลี่ พวกเราก็คิดจะตั้งใจทำงานกันอยู่ แต่ปัญหาอยู่ที่ทุ่งข้าวโพดตรงนี้ ก็เห็นอยู่ว่าลูกสาวของคุณกับเสี่ยวเฝิงเพิ่งก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่ไม่ใช่หรือ”

“ใช่ พวกเราก็ไม่ได้อยากจะดู พวกเราเองก็อยากจะทำงานนะ”

คนพวกนี้เอ่ยก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา

ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านรู้สึกโกรธมาก ในขณะเดียวกันก็มีผู้คนมองดูลูกสาวของตนด้วยสายตาเกลียดชัง

ในตอนนั้นเอง เย่เสี่ยวเหอได้ลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้า ๆ หล่อนจำได้เพียงแค่ว่ากำลังจะหนี แต่สุดท้ายฉินมู่หลานก็ตามมาได้ทัน และหลังจากนั้นตนก็หมดสติไปในทันที

“แม่ แม่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

เย่เสี่ยวเหอเอ่ยถามด้วยความงุนงง ไม่นานนักก็สังเกตเห็นความผิดปกติ หลังจากมองสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนแล้ว จึงกรีดร้องเสียงดังขึ้นมา

“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่”

หลังจากสังเกตเห็นว่าผู้คนรอบตัวต่างพากันมองมาที่ตน เย่เสี่ยวเหอก็เริ่มรู้สึกตัวช้า ๆ ว่ามีเสื้อผ้าของใครบางคนปกคลุมอยู่บนเรือนร่างของตน

เมื่อเห็นเช่นนั้น เย่เสี่ยวเหอจึงกรีดร้องขึ้นอีกครั้ง

และเสียงกรีดร้องนี้ก็ได้ปลุกเฝิงจื้อหมิงที่นอนอยู่ด้านข้างให้ตื่นขึ้นด้วย

เฝิงจื้อหมิงไม่ได้ร้องโวยวายแต่อย่างใด แต่หลังจากเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว สีหน้าของเขาก็ซีดลง มองดูสายตาชาวบ้านที่จ้องมองมาที่ตนแล้วทำได้เพียงแค่คิดอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

ผู้คนท่ามกลางฝูงชาวบ้านเอ่ยอย่างขบขัน “เสี่ยวเฝิง ถึงนายจะใจร้อนมากแค่ไหน ก็ไม่ควรพาเย่เสี่ยวเหอลุยทุ่งข้าวโพดแบบนั้นนะ ทำไมถึงไม่ไปทำกันที่บ้านเล่า”

“ใช่ ใช่”

ขณะเอ่ยก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง

แต่ไม่นานนัก ทุกคนก็ต่างพากันสงสัย

“ถ้าจำไม่ผิด เหมือนฉันจะได้ยินมาว่าผู้ใหญ่บ้านกำลังให้ลูกสาวแต่งงานเข้าเมือง ได้ยินว่ากำหนดวันแต่งงานแล้วด้วย แล้วทำไม…หล่อนถึงได้มาอยู่กับเสี่ยวเฝิงได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็เริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมา

ใช่แล้ว ทางครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านกำลังจับคู่ให้ลูกสาวของพวกเขา วุ่นวายอยู่ไม่น้อย หลายคนจึงรู้เรื่องนี้ ถึงแม้วันแต่งงานจะค่อนข้างกระชั้นชิด แต่ของขวัญก็ได้ถูกเตรียมไปมากแล้ว เพียงแค่รอวันที่เย่เสี่ยวเหอออกจากเรือนเท่านั้น

และในเวลานี้ ผู้ใหญ่บ้านก็มาถึงในที่สุด

ตอนนี้เขากับทางฝ่ายทีมผู้ผลิตมีธุระต้องพูดคุยกัน จึงมาที่นี่ได้ไม่เร็วนัก แต่เมื่อได้มาเห็นสถานการณ์ หากเลือกได้เขาก็คงไม่อยากมา

“นังลูกชั่ว ดูสิ่งที่แกทำลงไปสิ”

เย่เสี่ยวเหอไม่อาจเอ่ยโต้แย้งได้ในตอนนี้ จึงไม่เอ่ยสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองหาฉินมู่หลานภายในกลุ่มฝูงชนแทน

เมื่อเห็นฉินมู่หลาน หล่อนก็ไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น ผุดลุกขึ้นยืนทันที หวังจะเข้าไปฉีกร่างฉินมู่หลาน

แต่ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านคว้าตัวลูกสาวของตนเอาไว้ได้ก่อน

“เสี่ยวเหอ แกจะทำบ้าอะไร รีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน”

เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เสี่ยวเหอก็เริ่มดึงสติกลับมาได้อย่างช้า ๆ รู้สึกถึงสายตารอบตัวที่จ้องมองมาว่าไม่ค่อยดีนัก จึงรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกันนั้น เย่เสี่ยวเหอก็ได้เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังยืนอยู่เคียงข้างฉินมู่หลาน

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ในใจหล่อนก็ทั้งรู้สึกเสียใจและไม่พอใจมากยิ่งขึ้น

เพราะอะไร…เพราะอะไรทุกอย่างจึงล้มเหลวอีกแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ลงเขามาตั้งแต่เมื่อใด เป็นไปได้ไหมที่เซี่ยเจ๋อน่าจะเป็นคนวางแผนล่อลวงพวกเขาในครั้งนี้

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

งามหน้าเลยไหมล่ะยัยดอกบัวเน่า บอกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับมู่หลานก็ไม่เชื่อ พ่อแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะทีนี้

มีแววว่าเพื่อนรักเริ่มจะหักหลังกันเองแล้วสิ ยัยเจ๋อน่าเตรียมตัวโดนทุบอีกรอบเลยค่ะ ยัยบัวเน่าแก้แค้นใครแผนต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท