ตอนที่ 87 หวังจาวตี้กำลังตั้งครรภ์
ตอนที่ 87 หวังจาวตี้กำลังตั้งครรภ์
เวินโหย่วเหลียงได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “พวกนายสองคนผลงานดีเยี่ยมอยู่แล้ว แถมยังหนุ่มยังแน่น ตอนแรกก็ว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นครั้งนี้ก็เลยเลื่อนให้พวกนายทั้งคู่เลย”
แต่มันก็มีวาระซ่อนเร้นอยู่ในนั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เวินโหย่วเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะมองฟู่ซวี่ตงอีกครั้ง
เขาเองก็ไม่เคยทราบจนกระทั่งตอนนี้ว่าอันที่จริงแล้วฟู่ซวี่ตงเป็นคนตระกูลฟู่ที่มาจากปักกิ่ง การเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้จึงมีส่วนมาจากตระกูลฟู่ด้วยเช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการปฏิบัติการถึงได้ราบรื่น แต่เขาเองก็ไม่ทราบว่าฟู่ซวี่ตงมีปัญหาขัดแย้งกับครอบครัวของตนแบบไหน เจ้าเด็กนี่จึงไม่เคยบอกว่าตนมาจากตระกูลฟู่ที่อาศัยอยู่ในปักกิ่ง ส่วนตระกูลฟู่ที่มีส่วนช่วยในเรื่องนี้ก็ขอไม่ให้บอกฟู่ซวี่ตงเช่นกัน จึงไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร
เซี่ยเจ๋อหลี่ยังคงสงสัยนิดหน่อย แต่ฟู่ซวี่ตงก็เอ่ยด้วยความดีใจ “จริงเหรอครับ นี่มันเยี่ยมไปเลย”
เวินโหย่วเหลียงพูดเรื่องนี้จบก็โบกมือให้ทั้งสอง แล้วเอ่ยขึ้น “เอาเถอะ พวกนายก็กลับไปกันได้แล้ว อีกสักสองวันน่าจะมีหมายจากทางการส่งมา”
“ครับ ขอบคุณท่านผบ.ครับ”
เซี่ยเจ๋อหลี่และฟู่ซวี่ตงยืนตรงทำความเคารพเวินโหย่วเหลียง แล้วเดินออกไปด้วยกัน
ระหว่างทางกลับห้องพัก ฟู่ซวี่ตงก็อดที่จะหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ “อาหลี่ ซอสเนื้อที่น้องสะใภ้ทำยังมีอีกไหม ขอฉันสักขวดหนึ่งได้ไหม”
เซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยปฏิเสธทันควันอย่างไม่ต้องคิด “ไม่มีแล้ว”
“ฉันไม่เชื่อหรอก”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเร่งฝีเท้ากลับไปที่ห้องพักอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ได้เขียนจดหมายถึงฉินมู่หลานเพื่อบอกเธอว่าได้รับของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และยังเป็นที่โปรดปรานมากด้วย
ฉินมู๋หลานที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ทราบเลยว่าฝีมือทำอาหารของเธอกลายเป็นที่ยอมรับไปแล้ว ตอนนี้เธอกำลังปรุงยาสมุนไพรอยู่ที่บ้าน ไม่อย่างนั้นคงได้นั่งนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ทุกวันเป็นแน่ ซึ่งเธอเองก็อยู่เฉยไม่ได้เช่นกัน เพียงแต่ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น สมุนไพรที่ปรุงทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวยาที่ไม่มีฤทธิ์ต่อสตรีมีครรภ์ หลังเตรียมเสร็จแล้ว จึงกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
ในวันต่อมา เธอเขียนบทความต้นฉบับ ปรุงยาสมุนไพรอยู่ที่บ้าน สักพักหนึ่งก็ไปที่บ้านตระกูลฉินอีกครั้ง เพื่อตรวจชีพจรดูสภาพร่างกายให้กับหวังจาวตี้อีกไม่กี่รอบ
หวังจาวตี้เห็นฉินมู่หลานมา จึงกล่าวทักทายขึ้นทันที “มู่หลาน เธอมาแล้วสินะ ชุดที่ฉันกับอวี้เฟิ่งตัดให้เธอเสร็จแล้วล่ะ เธอรีบมาลองดูสิว่าใส่ได้ไหม”
ในตอนนั้นเองซ่งอวี้เฟิ่งก็ออกมามาแล้ว หล่อนกำลังถือชุดที่ทำให้ฉินมู่หลานเอาไว้ ก่อนจะดึงเธอมาเพื่อให้ไปลองด้วยความตั้งใจ
ฉินมู่หลานใจดีเกินกว่าจะปฏิเสธ สุดท้ายก็ลองสวมชุดที่ซ่งอวี้เฟิ่งตั้งใจทำให้เธอ
สีของชุดเป็นสีเขียวสด ซึ่งสีนี้ในยุคนี้ไม่ใช่สีธรรมดา ทำให้ฉินมู่หลานจำได้ว่าผ้าผืนนี้เป็นของที่ตระกูลเสิ่นมอบให้ซ่งอวี้เฟิ่ง แขนเสื้อและคอเสื้อได้รับการปักอย่างประณีต มีกระโปรงทรงหลวมอยู่ด้านล่าง ซึ่งตัวกระโปรงเองก็มีลายปักเหมือนกัน ทำให้รู้ได้ว่าเป็นเสื้อผ้าแบบครบชุด
หลังจากที่ฉินมู่หลานลองสวมแล้ว ก็รู้สึกว่าใส่สบายมาก
หวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งได้เห็นฉินมู่หลานสวมชุดใหม่ ก็พากันตกตะลึง
หวังจาวตี้เป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น “มู่หลาน ชุดที่เธอใส่ก่อนหน้านี้มีแต่ฝุ่นจนไม่ค่อยเฉิดฉาย แต่พอเธอสวมชุดนี้แล้วสวยมากจริง ๆ ตอนนี้เธอผอมแล้ว และยังมีผิวขาวด้วย ดูต่างจากเมื่อก่อนมากจริง ๆ สวยที่สุดเลย”
ซ่งอวี้เฟิ่งพยักหน้าและพูดขึ้น “ใช่แล้ว จริง ๆ แล้วเธอก็ดูดีมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะ แค่…อ้วนไปหน่อย จึงทำให้ดูไม่ค่อยดี แตตอนนี้ผอมแล้ว สัดส่วนตอนนี้ต่างจากเมื่อก่อน ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยล่ะ”
ฉินมู่หลานทราบอยู่แล้วว่าตอนนี้เธอดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก และเธอเองก็ชอบชุดนี้มากเช่นกัน “ขอบคุณพี่สะใภ้รองค่ะ ฉันชอบชุดนี้มากเลย”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานชอบ ซ่งอวี้เฟิ่งก็รู้สึกโล่งใจ
“อย่างนั้นก็ดี ถ้าเธอชอบ ครั้งหน้าฉันจะตัดให้อีกนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงส่ายหัวปฎิเสธ แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ตัดให้ตัวเองเถอะ ส่วนเสื้อผ้าชุดนี้ เดี๋ยวฉันจะเอาผ้าผืนอื่นมาแลก แต่ฉันไม่มีผ้าสีเขียว คงให้พี่ได้แค่สีแดงเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งอวี้เฟิ่งก็รีบส่ายหัวปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“มู่หลาน ฉันบอกแล้วไงว่าตั้งใจทำให้เธอเอง จะให้เอาผ้าของเธอมาไม่ได้หรอก เธอเก็บเอาไว้เองดีกว่านะ”
ขณะที่ฉินมู่หลานต้องการจะเอ่ยบางอย่างเพิ่มเติม หวังจาวตี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็กล่าวแทรกขึ้นก่อน “เอาเถอะมู่หลาน อวี้เฟิ่งตั้งใจทำให้เธอ ก็รับเอาไว้เถอะนะ นอกจากนี้ฉันก็เคยให้เธอเหมือนกัน เธอยอมรับชุดของฉันแต่ไม่ยอมรับของอวี้เฟิ่งแบบนี้ คงไม่ใช่ว่าดูถูกหล่อนหรอกนะ”
ฉินมู่หลานยอมรับคำพูดนี้ไม่ได้จริง ๆ สุดท้ายเธอก็ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก แล้วยอมรับมันเอาไว้โนเวลพีดีเอฟ
และในครั้งนี้หวังจาวตี้ก็ได้ทำชุดให้ฉินมู่หลานด้วย เพียงแต่มันเป็นชุดเด็ก ไม่รีรอให้ฉินมู่หลานเอ่ยปฏิเสธ หล่อนก็เอ่ยขึ้นก่อน “มู่หลาน อันนี้ฉํนทำให้หลานชายตัวน้อยของฉันเอง เธอจะปฏิเสธไม่ได้นะ”
ฉินมู่หลานเองก็มองออกว่าพวกหล่อนต้องการให้จริง ๆ จึงยกยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า “ค่ะ ฉันจะรับไว้”
หลังจากนั้นก็ได้อธิบายถึงเรื่องที่มาหาในวันนี้ “ที่ฉันมาวันนี้เพราะจะตรวจชีพจรให้พวกพี่ ว่าช่วงนี้ดูแลตัวเองกันไปถึงไหนแล้วน่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งก็รีบนั่งลงแล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเธอลองตรวจชีพจรให้พวกเราหน่อยเถอะ ลูกพี่ลูกน้องสองคนนั้นของเธอยังไม่กลับมา รอพวกเขากลับมาก่อน แล้วค่อยตรวจพวกเขานะ”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานนั่งลงและตรวจชีพจรให้หวังจาวตี้ แต่ทันทีที่สัมผัสลงบนเส้นชีพจร เธอก็รู้สึกว่าชีพจรของหล่อนเต้นได้อย่างราบรื่นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ประหนึ่งลูกปัดกลิ้งไปมาบนแผ่นหยก
เมื่อหวังจาวตี้เห็นฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วไม่เอ่ยสิ่งใด จึงเอ่ยถามด้วยความประหม่านิดหน่อย “มู่หลาน ชีพจรของฉันไม่ได้มีอะไรผิดปกติใช่ไหม”
ฉินมู่หลานดึงมือกลับ ก่อนจะยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วค่ะ นับตั้งแต่วันนี้ไปพี่ก็ไม่ต้องกินยาแล้วนะคะ”
“อา…ทำไมเหรอ?”
หวังจาวตี้คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
ฉินมู่หลานเห็นดังนั้นจึงเอ่ยทันที “พี่ท้องแล้วค่ะ”
“อา…”
หวังจาวตี้ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทางอึ้งงันไปชั่วขณะ แม้แต่ซ่งอวี้เฟิ่งที่อยู่ด้านข้างก็ยังรู้สึกตกตะลึงไปตามกัน
เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าทั้งสองเงียบไป จึงเอ่ยบอกอีกครั้ง
ในตอนนั้นเอง หวังจาวตี้ก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้นมา พร้อมทั้งตะโกนสุดเสียงด้วยความดีใจ “อา…ดีจังเลย ในที่สุดฉันก็ท้องแล้ว”
“ใช่แล้วค่ะ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ พวกพี่ไม่ต้องกินยากันอีกแล้วล่ะค่ะ”
“อื้มๆ พวกเราได้ยินกันแล้ว”
ในตอนนี้ หวังจาวตี้รู้สึกเพียงว่าสิ่งที่ฉินมู่หลานพูดมานั้นล้วนถูกต้องทุกอย่าง
แต่ซ่งอวี้เฟิ่งกลับมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยขึ้นอย่างประหม่า “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเธอก็ลองตรวจชีพจรให้ฉันด้วยสิ”
เมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้ตั้งครรภ์แล้ว หล่อนก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันทีดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ฉินมู่หลานกำลังจะเอื้อมมือไปแตะชีพจรของหล่อน แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นมือออกมา จึงสัมผัสเข้ากับชีพจรของหล่อนได้ทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ซ่งอวี้เฟิ่งก็อดที่จะถามขึ้นอย่างเสียไม่ได้ “มู่หลาน ร่าง…ร่างกายของฉันเป็นยังไงบ้าง?”
ตอนแรกหล่อนก็อยากจะถามฉินมู่หลานว่าตนตั้งครรภ์เหมือนกันหรือเปล่า แต่เมื่อนึกถึงภาวะมดลูกเย็นของตัวเอง จึงจำได้ว่าพื้นฐานร่างกายของหล่อนแย่กว่าหวังจาวตี้ เป็นไปได้ยากที่จะตั้งครรภ์ได้เร็วขนาดนี้
“พี่สะใภ้รอง ร่างกายของพี่ดีขึ้นมาแล้วค่ะ หากกินยาบำรุงอีกหน่อย หลังจากหายดีแล้วไม่นานก็จะท้องค่ะ”
ครั้นซ่งอวี้เฟิ่งทราบว่าตนยังไม่ตั้งครรภ์ ในใจจึงรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็ดีใจที่ได้ยินว่าสุขภาพของตนดีขึ้นมาก
“ได้เลย ฉันจะกินยาให้ตรงเวลาแน่นอน”
หลังจากนั้น ตระกูลฉินทุกคนก็ได้ทราบข่าวว่าหวังจาวตี้กำลังตั้งครรภ์
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พี่หลี่นี่เสน่ห์แรงใช่ย่อยเลยนะ กระทั่งอยู่ในกองทัพก็ยังมีสาวมาหลง
บ้านฉินครึกครื้นขึ้นแล้ว หลานคนที่สองมาเสียที
ไหหม่า(海馬)