ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 91 อาจารย์ผู้ไม่เห็นแก่ตัว

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 91 อาจารย์ผู้ไม่เห็นแก่ตัว

ตอนที่ 91 อาจารย์ผู้ไม่เห็นแก่ตัว

เมื่อเห็นคนที่มา ซ่งโหย่วเต๋อก็จำเขาได้ในทันที คนที่โดนหามเข้ามาคือคนไข้ที่เพิ่งเอ่ยถึงกันเมื่อสักครู่ เขาจึงรีบเอ่ยบอกคนพวกนั้น “รีบเข้ามา รีบเข้ามา”

หลังจากวางคนไข้ลงแล้ว ซ่งโหย่วเต๋อก็รีบจับชีพจรเขาทันที พลางคิ้วขมวดเป็นปมแน่น

สถานการณ์แบบนี้ควรรีบฝังเข็มให้เขาทันที แต่เขายังไม่ค่อยมั่นใจนัก จึงอดที่จะหันมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “หมอฉิน คุณช่วยผมตรวจเขาหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินมู่หลานเห็นกับตาแล้ว เช่นนั้นก็ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ จึงก้าวเดินตรงไปข้างหน้าแล้วรีบตรวจชีพจรของคนผู้นั้นทันที ไม่นานเธอก็ทราบว่าคนไข้รายนี้เป็นคนเดียวกับที่ซ่งโหย่วเต๋อเอ่ยถึงเมื่อสักครู่

ตอนนี้เป็นกรณีฉุกเฉิน ฉินมู่หลานจึงไม่มีเวลาพูดอะไรมากมาย แล้วให้คนพวกนั้นอุ้มคนไข้ไปที่เตียงทันที

“หมอฉิน ตอนนี้ผมจะทำการฝังเข็มให้เขา คุณคอยช่วยอยู่ข้าง ๆ ผมนะ”

“ค่ะ”

ซ่งโหย่วเต๋อเห็นใบหน้านิ่งสุขุมของฉินมู่หลานก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ตัวเขาเองยังไม่ค่อนมั่นใจนัก แต่เมื่อเห็นฉินมู่หลานดูมีความมั่นใจ จึงรู้สึกมีความสุข

หลังจากฉินมู่หลานหยิบเข็มทองที่นำติดตัวมาด้วยออกมา ก็หันมองแล้วพูดกับซ่งโหย่วเต๋อ “หมอซ่งคะ ถอดเสื้อผ้าคนไข้ออกให้หมดค่ะ”

เดิมทีคนไข้รายนี้มีอาการของโรคหัวใจ ครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการบีบตัวของหัวใจลดลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่เพียงพอ จึงหมดสติไป หากยังคงล่าช้าต่อไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

เมื่อซ่งโหย่วเต๋อได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานพูด จึงรีบพยักหน้าแล้วเอ่ยในทันที “ได้” ขณะที่เขาพูด เขาก็ถอดเสื้อผ้าของคนผู้นั้นออก

ฉินเคอวั่งอยากจะช่วย แต่เขาทำได้เพียงแค่ยืนมองเท่านั้น ก่อนจะพบว่าตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

หลังจากที่ซ่งโหย่วเต๋อถอยออก ฉินมู๋หลานก็ก้าวเข้าไปฝังเข็มให้กับคนผู้นั้นทันที ตรั้งนี้เธอลงมืออย่างรวดเร็วมาก เพื่อที่จะช่วยผู้ป่วยให้ทันเวลา

กระทั่งฝังเข็มเสร็จ ฉินมู่หลานจึงถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ

ฉินเคอวั่งเห็นดังนั้นจึงก้าวเดินเข้ามาพลางเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “พี่ครับ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

เขาเห็นว่าบนหน้าผากของฉินมู่หลานมีเม็ดเหงื่อผุดซึม จึงรีบยกมือขึ้นเช็ดให้เธอ ขณะเดียวกันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยจึงรีบส่ายหัว “พี่ไม่เป็นไร แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”

เมื่อสักครู่ใช้สมาธิค่อนข้างมาก อีกทั้งต้องรวดเร็วด้วย จึงรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย

เมื่อเอ่ยจบ ฉินมู่หลานก็หันไปมองซ่งโหย่วเต๋อแล้วพูดขึ้น “หมอซ่งคะ คุณรอดูอาการสักพักก่อนนะคะ สักประมาณสิบห้านาที ก็ดึงเข็มพวกนี้ออกให้หมดได้เลยค่ะ”

“ครับ”

ซ่งโหย่วเต๋อพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบรับ เมื่อผ่านไปสิบห้านาทีแล้ว เขาก็ตรวจชีพจรของคนไข้อีกครั้ง คิ้วที่ขมวดปมก็ค่อย ๆ คลายออก

“ดีขึ้นแล้ว ดีขึ้นมากเลย”

เพิ่งเอ่ยจบ คนไข้รายนั้นก็ลืมตาฟื้นขึ้นมาทันทีดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

คนในครอบครัวของคนไข้เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยสีหน้าแตกตื่น ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ซวนจื่อ ในที่สุดคุณก็ฟื้นแล้ว”

ซวนจื่อได้ยินเช่นนั้น จึงค่อย ๆ กลับมาได้สติอีกครั้ง เขาอดไม่ได้ที่จะกอบกุมหัวใจของตน ก่อนจะเอ่ยพึมพำ “ตอนแรกฉันคิดว่ากำลังจะตายแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้ตื่นขึ้นมา แล้วยังรู้สึกดีขึ้นมากเลย”

คนในครอบครัวได้ยินเช่นนั้น จึงรีบหันมองแล้วเอ่ยบอกซวนจื่อ “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของหมอหญิงคนนั้น หลังจากเธอฝังเข็มให้คุณ คุณก็ฟื้นขึ้นมาเลย”

ในตอนนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่ต้องพักผ่อนมากแล้ว เธอจึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “การฝังเข็มครั้งนี้เป็นเพียงวิธีบรรเทาอาการเท่านั้น หากอยากรักษาที่ตัวโรค ต้องดื่มยาควบคู่กับการฝังเข็มอีกนานค่ะ”

ซวนจื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาจึงเป็นประกาย

“จริงหรือ? โรคของผมรักษาหายได้จริงหรือ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ “สามารถหายได้ค่ะ แต่ค่อนข้างลำบากนิดหน่อย ต้องกินยาควบคู่กับการฝังเข็ม อาจจะต้องใช้เวลานานถึงหลายปีเลยทีเดียว”

“กี่ปีก็ไม่สำคัญหรอก ขอเพียงแค่หายดีก็พอแล้ว”

ซ่งโหย่วเต๋อที่ยืนอยู่ด้นข้างจ้องมองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจ ตอนแรกเขาอยากจะเอ่ยปากเตือนเธอว่าอย่าพูดมากจนเกินไป เพราะโรคนี้รักษาไม่ง่าย แต่เพียงแค่นึกถึงทักษาะการแพทย์อันยอดเยี่ยมของเธอ เขากลับรู้สึกว่าเธออาจจะพูดจริงก็ได้ ถึงตอนนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่าทักษะการแพทย์ของฉินมู่หลานนั้นดีมากแค่ไหน

ฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้ซวนจื่ออีกครั้ง หลังจากนั้นจึงเขียนใบสั่งยาให้

และในตอนนั้นเอง ซวนจื่อพร้อมทั้งครอบครัวของเขาก็ได้เอ่ยถาม “หมอครับ คุณก็เป็นหมอที่โรงพยาบาลนี้ด้วยหรือ ทำไมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ฉันไม่ใช่หมอที่นี่ค่ะ ฉันแค่แวะมาหาหมอซ่ง”

หลายคนได้ยินดังนั้น สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “ถ้าอย่างนั้น…การฝังเข็มครั้งต่อไป พวกเราจะไปหาคุณได้ยังไง?”

ซ่งโหย่วเต๋อรีบหันมองฉินมู่หลานทันที ถ้าสามารถจดบันทึกได้ ก็จะสามารถรักษาในครั้งต่อไปได้

หลังจากที่ฉินมู่หลานตั้งครรภ์ ก็ไม่สามารถเดินทางบ่อยได้อีกแล้ว เธอจึงหันมองซ่งโหย่วเต๋อแล้วเอ่ยขึ้น “หมอซ่งคะ เดี๋ยวฉันจะบอกวิธีการฝังเข็มให้พวกเขา หลังจากนั้นทุก ๆ สามวัน คุณก็ฝังเข็มให้เขาทีนึงก็เรียบร้อยแล้วค่ะ”

ซ่งโหย่วเต๋อได้ยินเช่นนั้น สายตาจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“หมอฉิน คุณยินดีสอนให้ผมหรือ? แต่…มันจะทำให้คุณลำบากใจไหม?” โดยส่วนมากเทคนิคของแต่ละคนต้องใช้เวลาฝึกฝนเพื่อให้ได้ทักษะ หากคิดจะสอนผู้อื่นเหมือนกับฉินมู่หลาน หากเต็มใจสอนให้โดยตรงนั้น หาสักคนคงไม่มี

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นทันที “ไม่ค่ะ ที่จริงแล้วถ้าสอนให้คนได้รู้กันเป็นวงกว้างมันคงดีกว่า แบบนั้นก็จะสามารถช่วยกันรักษาคนได้มากขึ้น เดี๋ยวฉันจะสอนคุณให้ฝังเข็มผู้ป่วยเคสแบบนี้นะคะ”

“ครับ ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณหมอฉินมากเลยครับ”

ซ่งโหย่วเต๋อแสดงความขอบคุณด้วยท่าทางเคร่งขรึม แต่ซวนจื่อกับครอบครัวยังรู้สึกกังวลนิดหน่อย เพราะซ่งโหย่วเต๋อไม่ทราบวิธีนั้นมาก่อน หากเรียนแล้วจะสามารถทำได้เลยหรือ?

อันที่จริงแล้วซ่งโหย่วเต๋อก็ยังไม่แน่ใจว่าตนจะสามารถเรียนมันได้ไหม ทำได้แค่พยายามเท่านั้น

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าหมอซ่งสงสัยประเด็นไหน ก็ไปหาหนูได้ค่ะ ถึงตอนนั้นเราจะได้พูดคุยหารือกัน”

ซวนจื่อได้ยินเช่นนั้น จึงหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “หมอฉิน ถ้าอย่างนั้นผมจะไปขอคำปรึกษาจากคุณบ้างได้ไหม?”

ฉินมู่หลานหันมองซ่งโหย่วเต๋อสลับกับซวนจื่อก่อนจะเอ่ยขึ้น “หมอซ่งคะ ถ้าอย่างนั้นครั้งต่อไปคุณพาเขาไปหาฉันด้วยกันไหมคะ ลองดูสักช่วงหนึ่งก่อน ได้ฝึกฝนมากขึ้นแล้ว ก็คงจะดีใช่ไหมคะ”

แต่ก็นึกไปถึงว่าซ่งโหย่วเต๋อต้องประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรับคนไข้ จึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “หมอซ่งคะ คุณมีเวลาหรือเปล่าคะ?”

“มีอยู่แล้วครับ”

ซ่งโหย่วเต๋อยอมอย่างไม่ต้องคิดอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเวลาก็จะหาเวลาให้จนได้โนเวลพีดีเอฟ

ครั้งนี้ ฉินมู่หลานบอกเล่าให้ซ่งโหย่วเต๋อฟังเกี่ยวกับวิธีการฝังเข็มให้กับซวนจื่อในครั้งแรกนี้ หลังจากนั้นเธอก็เขียนใบสั่งยาอีกหนึ่งใบให้กับซวนจื่อ หลังจากฝากฝังทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องก็ออกจากโรงพยาบาลไป

“พี่ครับ ตอนนี้พี่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”

ฉินเคอวั่งหันมองพี่สาวของตนด้วยสีหน้าชื่นชม เพียงแค่รู้สึกว่าตอนนี้พี่สาวเปล่งประกายเป็นอย่างมาก

ฉินมู่หลานเห็นดังนั้น จึงอดที่จะหัวเราะเสียไม่ได้ “เรียนรู้เพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ แล้วจะเชี่ยวชาญมากขึ้น ตอนนี้หน้าที่หลักของนายคือตั้งใจเรียนหนังสือ หลังจากนั้นก็จะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองสนใจ”

ฉินเคอวั่งได้ยินเช่นนั้น จึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น หลังจากนั้นทั้งสองก็ไปรับเงินค่าลิขสิทธิ์ และไปที่ทำการไปรษณีย์อีกครั้ง เพื่อส่งบทความต้นฉบับของฉินมู่หลานออกไป

อีกด้านหนึ่ง เซี่ยเจอหลี่กับฟู่ซวี่ตงอดที่จะหันมองแล้วเอ่ยถามเวินโหย่วเหลียงเสียไม่ได้ “ท่านผบ.ครับ ภารกิจในภาคตะวันตกเฉียงเหนือเป็นของเราเหรอ? แต่กองกำลังที่ให้ไปกับพวกเรามันน้อยไปหรือเปล่า?”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ได้ถ่ายทอดวิชาแล้ว ต่อไปคงไม่เดือดร้อนแล้วล่ะ

พี่หลี่มีภารกิจอะไรต่อกันนะ?

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท