ตอนที่ 94 เซี่ยเจ๋อหลี่บาดเจ็บ (2)
ตอนที่ 94 เซี่ยเจ๋อหลี่บาดเจ็บ (2)
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูด เหยาจิ้งจือก็ได้แต่เดือดดาล
“เกาหยวนนี่มันเกินไปแล้ว มันกล้าทำร้ายแกได้ยังไง”
“ใช่ พวกแม่ต้องไปช่วยกันสั่งสอนมันนะ” เมื่อเอ่ยจบ สีหน้าของเซี่ยเจ๋อน่าก็มืดมน “ครั้งนี้ต้องสั่งสอนมันให้หลาบจำ จะได้ไม่กล้าทำอะไรหนูอีก”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น จึงอดขำเสียไม่ได้
สุนัขที่ชอบกินอาจมไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ฉันใด ผู้ชายที่ชอบทำร้ายร่างกายคนก็ย่อมไม่เปลี่ยนแปลงฉันนั้น ถึงจะยอมหยุดยั้งเพียงชั่วคราว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะกลับไปทำเหมือนเดิม
หลังจากเหยาจิ้งจือได้ยินลูกสาวเอ่ย ก็อดเงียบปากลงเสียไม่ได้ อยู่ ๆ ก็นึกไปถึงเรื่องตอนที่สามีบอกให้ลูกสาวหย่าขาด ในตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่ามีเพียงแค่ให้ลูกสาวหย่าเท่านั้น ถึงจะสลัดเกาหยวนออกได้ จะได้ไม่เกิดเรื่องแบบนี้ในวันข้างหน้าอีก
“น่าน่า แก…อยากจะหย่ากับเกาหยวนไหม”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยเจ๋อน่าก็หันมองแม่ของตนอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะพูดขึ้น “แม่ ทำไมแม่ถึงคิดแบบนี้กันล่ะ หนูเพิ่งแต่งงานนะ พวกแม่อยากเห็นหนูต้องหย่าร้างอย่างนั้นหรือ”
“ฉัน…”
เหยาจิ้งจือยังไม่ทันพูดจบ ก็โดนเซี่ยเหวินปิงที่เพิ่งเข้ามาแทรกขึ้นก่อน
“เซี่ยเจ๋อน่า แกเสนอหน้ามาทำไมอีก!”
เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อ เซี่ยเจ๋อน่าก็รู้สึกกลัวนิดหน่อย แต่เมื่อนึกถึงเรื่องน่าสมเพชของตัวเองในตอนนี้ หล่อนจึงรีบเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จ้องมองเซี่ยเหวินปิงก่อนจะกล่าวขึ้น “พ่อ เกาหยวนมันทำร้ายร่างกายหนูแบบนี้ พวกพ่อต้องแก้แค้นให้หนูสิ”
อันที่จริงเซี่ยเหวินปิงเห็นเซี่ยเจ๋อน่าตั้งแต่แรกก็พอที่จะคาดเดาได้แล้ว เมื่อได้ยินลูกสาวเอ่ยเช่นนี้อีก สีหน้าของเขาก็ยังคงนิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น “ฉันเคยบอกแล้วว่าครั้งก่อนจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ช่วยแก ถ้าแกไม่หย่ากับเกาหยวน ก็ไม่ต้องกลับมาเหยียบที่บ้านอีก”
เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อดูเย็นชาไร้หัวใจ สีหน้าของเซี่ยเจ๋อน่าก็ฉายความประหลาดใจ
“พ่อ หนูน่าสงสารจะตาย พ่อยังจะไม่ช่วยหนูอีกเหรอ?”
เซี่ยเหวินปิงเห็นลูกสาวของเขาเป็นแบบนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่เขาก็ทราบดีว่าลูกสาวคงยังจะไปอยู่กับเกาหยวนนั่นอีก แล้วเรื่องแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นอีกแน่นอน
“แกโดนทำร้ายร่างกายแล้วมาหาพวกเรา ถ้ามันมีครั้งต่อไปล่ะ? ครั้งหน้าอีก? แล้วครั้งต่อ ๆ ไปอีก? พวกเราต้องคอยเป็นธุระให้แกอยู่ตลอดเลยเหรอ? แกคิดเหรอว่าต่อไปเกาหยวนมันจะไม่ทำร้ายร่างกายแกอีกแล้ว? เซี่ยเจ๋อน่า ตอนยังเด็กแกก็ฉลาดดีอยู่หรอกนะ แต่ทำไมตอนนี้ถึงดูซื่อบื้อนัก ถ้าแกไม่หย่ากับเกาหยวน เรื่องแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนับไม่ถ้วน”
ขณะนั้นเองเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็กลับมาแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นสภาพหน้าตาของน้องสาวเป็นเช่นนั้นจึงคาดเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้นฟังจากสิ่งที่พ่อพูดแล้วก็ไม่ได้มีอะไรที่เข้าใจยาก
ครั้งแรกที่เห็น เขารู้สึกโกรธมากจริง ๆ แต่พอเป็นครั้งนี้ เขากลับรู้สึกว่ามันสมควรเป็นเช่นนั้น เกาหยวนทำร้ายคนอีกแล้ว
เซี่ยเจ๋อน่าหันมองผู้เป็นพ่อที่ไม่แยแสตัวเองแม้แต่น้อย แล้วหันไปมองพี่ชายที่เงียบปากไม่พูดอะไรเลยอีกครั้ง หลังจากนั้นก็หันมองผู้เป็นแม่ของตนก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่ แม่ไม่สงสารหนูบ้างเลยเหรอ ไม่อยากช่วยหนูเลยใช่ไหม?”
แน่นอนว่าเหยาจิ้งจือรู้สึกสงสารลูกสาวตัวเอง แต่สิ่งที่สามีเพิ่งพูดก็สมเหตุสมผล
“น่าน่า แกควรจะฟังพ่อตั้งแต่แรก ถ้ายอมดูตัวกับลูกชายตระกูลเหอ ตอนนี้เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟางเส้นสุดท้ายในใจของเซี่ยเจ๋อน่าก็ขาดผึงทันที รู้สึกอับจนหนทางอีกครั้ง หล่อนไม่ใช่ลูกสาวตัวน้อยที่ทุกคนในครอบครัวเอ็นดูอีกต่อไปแล้ว
เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเริ่มต้นหลังจากที่ฉินมู่หลานแต่งงาน
เซี่ยเจ๋อน่าจ้องมองไปที่ฉินมู่หลานด้วยสีหน้าเดือดแค้น โดยไม่ทันคาดคิด หล่อนก็รีบพุ่งตรงเข้าไปหาเธอทันที
ทุกคนเห็นท่าทางของเซี่ยเจ๋อน่าแล้วก็ตื่นตกใจมาก
เหยาจิ้งจือถึงกับกรีดร้องออกมาเพื่อบอกให้หยุด “เซี่ยเจ๋อน่า พี่สะใภ้รองของแกตั้งท้องอยู่นะ อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นแบบนั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเซี่ยเจ๋อน่าก็ฉายความประหลาดใจขึ้นมา ไม่แปลกใจเลยที่แม่ของหล่อนจะไม่ใส่ใจตนอีกแล้ว เป็นเพราะฉินมู่หลานกำลังตั้งครรภ์ เธอจึงให้ความสำคัญกับลูกสะใภ้มากกว่า จึงไม่สนใจคิดช่วยลูกตัวเองด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่ฉินมู่หลานคลอดลูกแล้ว ตนคงเสียสถานะไปมากกว่านี้เป็นแน่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น แววตาของเซี่ยเจ๋อน่าก็พลันฉายแววอาฆาต
เซี่ยเจ๋อน่ารีบก้าวเท้าของตนเข้าไปโดยเร็วที่สุดเท่า ฉินมู่หลานสังเกตเห็นดังนั้น ก็ไม่รีรอให้คนที่กำลังรีบเร่งมาถึงตัวและเอี้ยวตัวหลบ เป็นผลทำให้เซี่ยเจ๋อน่าเสียการทรงตัว แล้วล้มลงกระแทกเข้ากับเก้าอี้ตรงหน้า
“พลั่ก…”
เซี่ยเจ๋อน่าล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมเก้าอี้ จึงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ในทันทีและปวดระบมไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น หล่อนรู้สึกเหมือนร่างกายอ่อนแอลง ทำอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เหนื่อยมาก ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
กระนั้นหล่อนก็รีบลุกขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาฉินมู่หลานอย่างไม่ลดละ
ฉินมู่หลานเห็นเช่นนั้น ดวงตาก็ฉายแววเฉียบคม หยิบเข็มทองออกมา พร้อมเตรียมสั่งสอนบทเรียนให้กับเซี่ยเจ๋อน่า
แต่ยังไม่ทันที่ฉินมู่หลานจะได้ลงมือ เซี่ยเจ๋อเหว่ยที่สายตาและมือว่องไวกว่าก็ได้เข้ามาหยุดเซี่ยเจ๋อน่า ก่อนจะเอ่ยหน้านิ่วคิ้วขมวด “เซี่ยเจ๋อน่า เธอกำลังจะทำบ้าอะไร ได้ยินที่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามู่หลานท้องอยู่ เธอยังจะวิ่งเข้ามาปะทะอีก ทำไมถึงได้กลายเป็นคนต่ำตมแบบนี้ไปได้”
ตอนนี้เอง เซี่ยเหวินปิงและเหยาจิ้งจือก็ตอบโต้ด้วยเช่นกัน
เหยาจิ้งจือก้าวเดินมาข้างหน้าด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะจ้องมองเซี่ยเจ๋อน่าที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง รู้สึกเพียงว่านี่ไม่ใช่ลูกสาวที่นางเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว “แก…แกในตอนนี้กลายเป็นอะไรไปแล้ว”
เซี่ยเจ๋อน่าเห็นว่าตนไร้ซึ่งโอกาสแล้ว จึงหันมองคนในครอบครัวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ก่อนจะแค่นหัวเราะ แล้วเอ่ยต่อ “พวกแกทุกคนนั่นแหละที่ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ พวกแกไม่ช่วยฉัน เห็นฉันทนทุกข์ทรมาน แต่ก็ยังไม่ช่วยฉัน”
“เพียะ…”
เหยาจิ้งจือหวดมือตบหน้าเซี่ยเจ๋อน่า แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างสุดซึ้ง
“แค่เพราะพวกเราไม่ช่วยแก้แค้นให้แกครั้งนี้ แกถึงขั้นคิดทำร้ายลูกในท้องมู่หลาน แกนี่มันช่างเลวทรามจนน่าขยะแขยง”
“แม่ แม่…ตบหนู”
เซี่ยเจ๋อน่าหันมองเหยาจิ้งจืออย่างไม่อยากเชื่อสายตา ตั้งแต่เล็กจนโต แม่ไม่เคยตีตนเลย แต่วันนี้กลับตบหล่อนไปหนึ่งครั้ง สิ่งนี้ทำให้หล่อนถึงกับรับไม่ได้
เหยาจิ้งจือหันหน้าหนี ไม่มองหน้าเซี่ยเจ๋อน่าอีกต่อไป ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “แกออกไปซะ บ้านนี้ไม่ต้อนรับแก”
“แม่ แม่…”
เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ขับไล่ตนไป เซี่ยเจ๋อน่าก็ไม่อาจดึงสติให้อยู่กับตัวได้
เหยาจิ้งจือนึกถึงแต่สิ่งที่ลูกสาวของตนเพิ่งทำลงไป จึงไม่อยากพูดอะไรอีก ก่อนจะหันไปบอกลูกชายคนโต “พาน้องสาวแกออกไป บ้านเราไม่ต้อนรับคนอย่างมัน”
เซี่ยเจ่อเหว่ยอยากให้เซี่ยเจ๋อน่าออกไปโดยเร็วอยู่แล้ว จึงฉุดกระชากลากหล่อนออกไปดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“เดี๋ยว…หนูไม่ไป”
เซี่ยเจ๋อน่าพยายามดิ้นรนอย่างหนัก ไม่ยอมออกไปไหนทั้งนั้น
ทั้งเหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงต่างไม่พูดอะไร แต่สีหน้าฉายชัดว่าทั้งผิดหวังทั้งเสียใจ
ฉินมู่หลานมองดูจากที่ไกล ๆ เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อเหว่ยกำลังจะผลักเซี่ยเจ๋อน่าออกไปจากประตู ก็ได้มีรถยนต์คันหนึ่งขับตรงมาทางนี้โดยไม่คาดคิด ก่อนจะจอดตรงหน้าบ้าน
ไม่นานนัก ก็มีคนหนึ่งรีบกุลีกุจอลงจากรถ
ฉินมู่หลานติดตามมองอยู่ตลอด ก่อนจะพบว่าเป็นฟู่ซวี่ตง ในขณะนั้น หัวใจของเธอก็เต้นเร็วผิดปกติ รู้สึกได้ว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น เธอจึงรีบเดินตรงเข้าไปทันที ก่อนจะเอ่ยถาม “สหายฟู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะ แล้วอาหลี่ล่ะ?”
ฟู่ซวี่ตงมองสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าของตน ก่อนจะนิ่งไปสักพัก เมื่อมองดูอีกครั้ง ก็พบว่าหญิงสาวตรงหน้าช่างดูคุ้นตาอยู่บ้าง หลังจากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “คุณ…คือน้องสะใภ้เหรอ?”
“ใช่ ฉันเองค่ะ อาหลี่ล่ะ?”
ฟู่ซวี่ตงค่อนข้างตกใจเป็นอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลงของฉินมู่หลาน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ เขาจ้องมองฉินมู่หลานอย่างชั่งใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “น้องสะใภ้ครับ คุณไปกับผมหน่อยได้ไหม”
ถึงแม้ว่าฟู่ซวี่ตงจะไม่ได้เอ่ยอย่างชัดเจน แต่ฉินมู่หลานก็พอเดาได้ เซี่ยเจ๋อหลี่ต้องได้รับบาดเจ็บหรือมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นแน่ มิเช่นนั้น ฟู่ซวี่ตงคงไม่มาที่นี่
“ได้ค่ะ ฉันจะไปกับคุณ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จงกลับไปเผชิญกับชีวิตของเธอซะยัยเจ๋อ คราวนี้ไม่มีใครอยู่ข้างเธอแล้ว
พี่หลี่เป็นอะไรไป อย่าให้เป็นอะไรมากเลยนะ มู่หลานกำลังท้อง
ไหหม่า(海馬)