บทที่ 675 คุณชายเก่งกาจปานใด ไฉนเลยจะปล่อยให้เกิดเรื่องกับพวกนาง?
เดิมทีพวกนางไม่น่าจะต้องกังวลเรื่องเวลา ทำอย่างไรก็ได้ตามใจชอบ แต่บัดนี้ไม่ได้แล้ว เอิกเกริกเพียงนี้ สิ่งมีชีวิตอื่นต้องรู้ตัวเป็นแน่ อีกทั้งยังไม่มีทางนิ่งดูดาย อีกเพียงไม่นาน เจ้าพวกนั้นก็คงจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง
ถึงคราวนั้น ต้องยุ่งยากมากเป็นแน่
หนานฉงตระหนักถึงเรื่องนี้ดี พวกเขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว
จ้าวกิเลนดำเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดไม่ถึงว่าพลังเส้นทางโบราณจะทลายได้ยากเช่นนี้ เกินคาดเขาอยู่หน่อย ๆ
มันเข้าใจแล้วว่า เหลือเวลาไม่มากแล้วจริง ๆ ควรต้องรีบจบโดยด่วน!
มิฉะนั้น พวกเขาจะไม่ได้รับส่วนแบ่งแม้สักเสี้ยว
โฮก!
มันแหงนมองฟ้าส่งเสียงคำราม ทะยานสู่นภาพร้อมด้วยเปลวเพลิงสีดำทั่วทั้งตัว พลังในกายปะทุเต็มกำลัง มิได้ยั้งมืออีก
อีกด้าน หนานฉงระเบิดพลังเช่นกัน เขาสำแดงวิชาลับบางอย่างออกมา อักขระแปลกประหลาดมากมายโลดแล่น ดุดันเสียยิ่งกว่าจ้าวกิเลนดำ ข่มเขาเกือบมิด
ยามนี้ จักรพรรดินีสังหรณ์ใจแรงกล้ายิ่งขึ้นว่านี่มิใช่จักรวาลโกลาหลผืนเดียวกัน พลังต่างชั้นกันเกินไป แตกต่างกันถึงแก่น หนานฉงและจ้าวกิเลนดำก็มิได้มาจากจักรวาลโกลาหลเดียวกัน ไม่มีความคล้ายคลึงกันเลยสักนิด
นางเรียกสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรออกมา หยวนอีเรียกกระบี่ประหารเซียนทั้งสี่ออกมาเช่นกัน พลังของเส้นทางโบราณนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด พวกนางไม่มั่นใจว่าพลังของเส้นทางโบราณจะสามารถคุ้มครองพวกนางไว้ได้
ทว่าไม่นาน พวกนางก็เบาใจ เก็บสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษร และสี่กระบี่ประหารเซียนกลับเข้าไป
หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำเปล่งพลังทั้งหมด พลังที่จู่โจมออกมาเกินจะจินตนาการได้ แต่เมื่อเผชิญกับเสนทางโบราณ มันก็ยังไร้น้ำยา หลังจากเสียงระเบิดดังเป็นพรวนเงียบลง หนานฉงและจ้าวกิเลนดำหมอบกับพื้นด้วยแรงกระเทือนกันทั้งคู่ ปากกระอักเลือดคำใหญ่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส!
ความห่างชั้นชัดเจนยิ่งนัก มิได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย เส้นทางโบราณมิเป็นอันใด ไม่แม้แต่จะสั่นไหวสักครา พวกจักรพรรดินีก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
‘ที่จริงลองคิดดูแล้ว ไฉนเลยจะเกิดเรื่องได้ คุณชายเป็นตัวตนระดับไหน ในเมื่อประทานตัวอักษร และสมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรให้ข้าไปช่วยท่านอาจารย์ เขาย่อมเดาได้ว่าจะเกิดเรื่องใดกับเราบ้างระหว่างทาง’
จักรพรรดินีคิดในใจ ความกังวลมลายสิ้น
ปรโลก ซากปริภูมิเวลา ต่างเป็นกองกำลังและสถานที่ซึ่งพวกนางไม่เคยรับรู้ ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
แต่ก็แค่พวกนางเท่านั้น
คุณชายนั้นอยู่ระดับใดแล้ว ไหนเลยจะไม่ล่วงรู้เรื่องเหล่านี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คุณชายรับรู้ถึงการมีอยู่ของปรโลกและซากปริภูมิเวลาแล้วเป็นแน่
อีกทั้งคุณชายยังรู้ว่ามีปรโลกกับซากปริภูมิเวลาอยู่ จึงส่งพวกนางมา สะท้อนให้เห็นว่าคุณชายจัดแจงไว้หมดแล้ว ช่วยให้พวกนางกลับไปอย่างไร้รอยขีดข่วนได้
มิฉะนั้น คุณชายจะส่งพวกนางมาตายหรืออย่างไร
เป็นไปได้ที่ไหน!
ก่อนนี้พวกนางวิตกเกินไป ตราบใดที่พวกนางอยู่ในเส้นทางโบราณ ย่อมไม่มีทางเป็นอันใด
กระทั่งซากปริภูมิเวลาแห่งนี้ก็มิอาจกักขังพวกนางไว้ได้
อีกด้าน หยวนอีตระหนักถึงเรื่องนี้แล้วเช่นกัน รู้ว่าความกังวลของพวกนางก่อนหน้านี้นั้นไร้สาระ
นางเชื่อในตัวคุณชาย!
เชื่อว่าด้วยพลังฝีมือของคุณชาย พวกนางกลับสู่ยุคปัจจุบันอย่างปลอดภัยได้แน่นอน
“นั่นเป็นภาพอักษรเช่นไรกันแน่!”
หนานฉงหน้าซีดเซียว โลหิตหลั่งรินออกจากมุมปากไม่หยุด หัวใจสะท้านเหลือแสน
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
พวกเขาเปล่งพลังทั้งหมดแล้วก็ยังไม่ไหว อีกยังได้รับแรงสะท้อนกลับอย่างรุนแรง พลังของเส้นทางโบราณน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก!
ต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่สยดสยองเกินหยั่งระดับใดถึงร่างอักษรเช่นนี้ออกมาได้
เขาตกตะลึงอย่างแท้จริง!
จ้าวกิเลนดำเองก็ตื่นตกใจเช่นกัน ร่างกายเต็มไปด้วยรอยร้าว พลังป้องกันของกายเนื้อของมันนั้นมิมีผู้ใดเทียบเทียม กระนั้นก็ยังไม่ไหว สภาพอนาถาจนมิอาจทนมอง
ใบหน้าของมันเหยเก ซี่ฟันถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน ด้วยพลังของมันและหนานฉง พวกเขาสามารถลบล้างจักรวาลโกลาหลผืนหนึ่งได้ง่าย ๆ
แต่กับพลังของเส้นทางโบราณ พวกเขากลับไม่ควรค่าแก่การพูดถึงสักนิด!
มิได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!
“รีบฟื้นตัวเถิด! อย่างน้อยภายนอกต้องดูไม่เป็นอันใด!”
หนานฉงตะโกนบอก ตัวเขาเองก็กำลังฟื้นตัวรักษาบาดแผลอย่างรวดเร็ว
เขานั้นมีจิตใจแยบคาย ตรึกตรองหลายอย่างกว่าจ้าวกิเลนดำมากนัก เพียงไม่นานก็ได้สติจากความตกตะลึง
ที่นี่โหดร้ายยิ่งกว่าดินแดนไหน ๆ
พายุปริภูมิเวลาจะถล่มที่นี่เป็นระยะต่อเนื่อง พลังที่แฝงไว้ในนั้นสยดสยองถึงขีดสุด ต้องมีสิ่งมีชีวิตตายเพราะพายุปริภูมิเวลาทุกครั้งไป
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างต้องการยกระดับพลังของพวกเขาโดยไม่มีข้อยกเว้น เผื่อว่าเมื่อถึงยามพายุปริภูมิเวลาจู่โจม จะรอดชีวิตออกมาได้
ทว่าที่นี่เป็นซากปรักหักพัง ไม่มีอันใดอยู่เลย ทางเดียวที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้คือเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตตนอื่น กลืนกินเลือดเนื้อและสูบพลังจากสิ่งมีชีวิตตนอื่น
ทันทีที่สิ่งมีชีวิตตนอื่นมาที่นี่ แล้วเห็นเขากับจ้าวกิเลนดำอยู่ในสภาพสะบักสะบอม พวกเขาต้องพบจุดจบน่าสังเวชเป็นแน่ และจะถูกสิ่งมีชีวิตตนอื่นสังหารในที่สุด
เพราะอย่างนั้น หลังจากเขาตั้งสติได้ ก็นึกถึงการฟื้นพลังทันที ยังไม่ต้องพูดถึงการฟื้นพลังซ่อมแซมตัวเองให้อยู่ในสภาวะดีที่สุด อย่างน้อยก็ต้องไม่ให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นเห็นว่าพวกเขาบาดเจ็บสาหัส
ส่วนเรื่องหนีนั้น เขามิได้คิดเลย
สิ่งมีชีวิตที่นี่ล้วนสยดสยอง โหดเหี้ยมเจ้าอุบายกันทั้งสิ้น หากพวกเขาหนี ย่อมเผยให้เห็นความอ่อนแอ ไม่แคล้วต้องถูกหมายหัวในเวลาอันรวดเร็ว
ถึงครานั้น สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็มีเพียงความตายแล้ว
“เข้าใจแล้ว!”
ด้วยคำเตือนจากหนานฉง จ้าวกิเลนดำก็ได้สติในบัดดล รีดเร้นพลังทั้งหมดในกาย รักษาอาการบาดเจ็บบนร่างอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านไปไม่นาน บาดแผลบนตัวพวกเขาหายไปหมด ภายนอกฟื้นกลับมาเป็นปกติ
ทว่าปัญหาภายในพวกเขายังร้ายแรงนัก
แรงสะท้อนจากเส้นทางโบราณน่ากลัวเกินไป พวกเขาบาดเจ็บถึงรากฐาน มิอาจฟื้นพลังได้ในระยะสั้น ๆ
สิ่งที่พวกเขาพอจะทำได้ในตอนนี้คือให้ภายนอกดูไม่เป็นปัญหานัก
“เอ้า นี่คือหินเวหาอำพราง ช่วยขัดขวางการตรวจจับจากผู้อื่นได้”
หนานฉงยื่นหินผลึกก้อนหนึ่งให้จ้าวกิเลนดำ มีหินผลึกก้อนนี้อยู่ พวกเขาก็ไม่ต้องห่วงกังวลอีกว่าผู้อื่นจะดูออกว่าพวกเขาบาดเจ็บสาหัส
จ้าวกิเลนดำรับหินเวหาอำพรางมา ในที่สุดก็เบาใจลง
“ยังดีที่มีเจ้าอยู่!”
มันเอ่ยด้วยความสะท้อนใจอย่างยิ่งยวด
ต้องยอมรับว่า หนานฉงหัวใสมาก ไหวพริบก็ดี หากมีเพียงตัวมัน ย่อมคิดไม่ได้ขนาดนี้ เช่นนั้นจุดจบใดที่รอมันอยู่คงมิต้องกล่าวถึง
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ผ่านไปไม่นาน ลำแสงเจิดจ้ามากมายเหินเข้ามาจากฟากฟ้า จุติลงมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้
พวกเขาจ้องมองเส้นทางโบราณ มองมายังภาพอักษรบนเส้นทางโบราณด้วยสายตาละโมบ
พายุปริภูมิเวลาที่มาเป็นระยะเสมือนมีดที่แขวนอยู่บนหัวพวกเขา พวกเขาต่างสัมผัสได้ว่าภาพอักษรนั้นวิเศษปานใด หากได้มาในครอบครอง พวกเขาย่อมเพิ่มโอกาสรอดในพายุปริภูมิเวลาได้
“สหายหนานฉง เกิดเรื่องอันใดขึ้นที่นี่หรือ”
แม่เฒ่าผู้หนึ่งยืนค้ำไม้เท้าหัวมังกร มองมาทางหนานฉงพลางถาม ไม่รู้สึกถึงความอ่อนแรงของหนานฉง หินเวหาอำพรางขวางกั้นรอบตัวหนานฉง
พวกเขามิได้บุ่มบ่ามทำอันใด อยากล้วงข้อมูลจากหนานฉงมาก่อน
ก่อนหน้านี้ที่นี่เสียงดังเอิกเกริกยิ่งนัก ยามพวกเขามาถึง หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำก็อยู่ที่นี่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำมาถึงนานแล้ว เสียงดังลั่นนั้นย่อมเป็นฝีมือของสองคนนี้
จากข้อนี้ ก็พอวิเคราะห์ได้ว่าเส้นทางโบราณนั้นตึงมือ เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงมิได้ผลีผลามเลยสักคน เนื่องจากกลัวจะเสียเปรียบ
“พวกเราก็ไม่ค่อยรู้เท่าใด พวกนางเพิ่งมาถึงที่นี่”
หนานฉงตอบเสียงสุขุม “เส้นทางโบราณนี้น่ากลัวยิ่งนัก ต่อกรด้วยยากมาก เราสองพี่น้องทำอันใดมันมิได้เลย ไม่อาจทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณลงได้ จึงบุกเข้าไปไม่ได้”
อย่างที่คิด มันไม่ได้ต่างจากที่พวกเขาคาดการณ์มากนัก
สิ่งมีชีวิตในพื้นที่นี้คิดในใจ ที่นี่เต็มไปด้วยร่องรอยของศึกใหญ่ เห็นได้ชัดว่าหนานฉงกับจ้าวกิเลนดำลงมือกันไปแล้ว แต่คนทั้งสองกลับมิได้อันใดกลับมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเส้นทางโบราณนั้นต่อกรด้วยยากยิ่ง
“ข้าแนะนำให้ทุกคนร่วมมือ ทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณให้ได้แล้วค่อยว่ากัน!”
หนานฉงกล่าว “ไม่ทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณก่อน เรื่องอื่นล้วนมิมีประโยชน์ รอจนทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณลงแล้ว ทุกคนค่อยชิงสมบัติกันตามความสามารถ”
สุดยอด!
จ้าวกิเลนดำเห็นหนานฉงเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้ ทั้งยังเอ่ยข้อเสนอเช่นนั้นออกมาได้ มันนึกนับถือในใจอยู่เหลือคณา
หนานฉงสงบมาก ไม่มีพิรุธแต่อย่างใด หากเป็นมัน ต้องหาโอกาสที่สิ่งมีชีวิตในที่นี้ยังไม่ทันล่วงรู้สภาพที่แท้จริงของพวกเขาแล้วรีบไปจากที่นี่ จะได้ไม่ถูกเปิดโปง
ทว่าหนานฉงมิได้ทำเช่นนั้น
เขาไม่เพียงไม่เอ่ยว่าจะไป ทว่ายังเอ่ยขอความร่วมมือขึ้นก่อน ยิ่งไม่เป็นที่สงสัยของสิ่งมีชีวิตตนอื่นเข้าไปใหญ่
‘หนานฉงคงมิได้คิดจะลวงเจ้าพวกนี้กระมัง!’
จ้าวกิเลนดำคิดในใจ
มันประจักษ์มาแล้วว่าเส้นทางโบราณสยดสยองน่ากลัวปานใด มิใช่ระดับเดียวกันเลยแม้แต่น้อย พลังของสิ่งมีชีวิตตนอื่นในที่นี้มิได้ต่างจากพวกเขานัก ต่อให้แข็งแกร่งกว่าก็มีขีดจำกัด ไม่มีทางทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณได้แน่
จุดจบของการผนึกกำลังอาจเป็นเฉกเช่นพวกเขา ถูกแรงสะท้อนมหาศาลจู่โจม บาดเจ็บสาหัส
‘เป็นไปได้ ข้าต้องระวังหน่อยแล้ว!’ มันลอบคิดในใจ
“ร่วมมือหรือ ได้สิ ข้าเห็นด้วย!”
“ข้าก็เห็นด้วย!”
สิ่งมีชีวิตตนอื่นพากันพยักหน้า ตกลงร่วมมือ
“ทุกคนเห็นด้วยก็ดีแล้ว แต่ข้าต้องแถลงไขเรื่องหนึ่งก่อน”
หนานฉงกล่าว “การที่ทุกคนร่วมมือกันนั้น จำต้องไม่ยั้งมือกักเก็บพลังของตน ต้องทุ่มเทสุดกำลัง มิฉะนั้น การร่วมมือของเราจะไร้ความหมาย หากทุกคนล้วนต้องการกักเก็บพลัง พวกเราไม่มีทางทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณได้แน่”
“เรื่องนั้นแน่นอน!”
“ตอนนี้เป้าหมายหลักคือทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณให้ได้ก่อน!”
สิ่งมีชีวิตตนอื่นเห็นด้วยกับคำกล่าวของหนานฉงเช่นกัน จริงดังที่ว่า หากทุกคนล้วนกักเก็บกำลัง การร่วมมือย่อมไร้ความหมาย
“ข้าแนะนำให้ทุกคนจับตาดูกันและกัน หากพบว่าผู้ใดมิได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี ยังกั๊กไว้อยู่ เช่นนั้นทุกคนจักรุมโจมตีคนเช่นนี้!”
หนานฉงเอ่ย ร่างกฎการร่วมมือเพิ่ม
“ได้!”
“ควรต้องเป็นเช่นนั้น!”
สิ่งมีชีวิตตนอื่นมิได้สงสัยอันใด เพราะไม่มีตรงไหนน่าสงสัย ทุกอย่างที่หนานฉงกล่าวมาล้วนเป็นประเด็นสำคัญ หากเป็นพวกเขา ก็ต้องเสนออย่างนี้เช่นกัน
กับดัก!
นี่คือจะขุดกับดักให้พวกเขามาติด!
จ้าวกิเลนดำแน่ใจได้ในทันใด
สิ่งมีชีวิตตนอื่นไม่รู้ว่า การโจมตีเส้นทางโบราณจะได้รับแรงสะท้อนอย่างรุนแรงกลับมา ยิ่งการโจมตีนั้นรุนแรงมากเท่าใด แรงสะท้อนก็จะยิ่งรุนแรงเท่านั้น หนานฉงตั้งใจหลอกล่อให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ลงมือด้วยพลังทั้งหมดที่มี!
นี่คือกับดัก!