“เจ้าบื้อ เจ้าถีบข้าทำไม” ชายผู้ที่กำลังนอนสะลึมสะลือบ่นว่าถูกคนข้างๆ ถีบ
ชายร่างใหญ่ปัดมือที่ยืดเหยียดออกมา พลางตะโกนด่าขึ้น “ใครถีบข้า ข้านอนหลับอยู่ดีๆ เจ้าจะเขย่าตัวข้าทำไม”
แรงสั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งขึ้นอีก
หลี่เจิ้งเป็นคนแรกที่วิ่งออกมาจากกระโจม มองพื้นดินที่กำลังสั่นไหว กระโจมแต่ละหลังราวกกับเรือเล็กที่กระเพื่อมขึ้นลงในแม่น้ำ สีหน้าเปลี่ยนขึ้นมาโดยพลัน พร้อมกับตะโกนลั่น “แผ่นดินไหว แผ่นดินไหวแล้ว…”
ชายแก่ร้องเสียงหลง ทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้น สองมือยันไว้บนพื้นที่เปียกชื้น พร้อมกับร้องไห้พูดขึ้น “แผ่นดินไหวแล้ว แผ่นดินไหวแล้วจริงๆ!”
คนจำนวนนับไม่ถ้วนตกใจตื่น ไม่นานเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของสตรีกับเสียงร้องของเด็กก็ดังขึ้นในกระโจม
พวกผู้ชายต่างดีดตัวลุกขึ้นมา รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดิน สีหน้าซีดเผือด
ที่ท่านอ๋องพูดไว้ไม่มีผิดจริงด้วย!
“แย่แล้ว ในเมือง!” มีคนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็ชักเท้าวิ่งไปทางเมืองจิ๋นหลี่ ทว่ากลับถูกคนข้างๆ ดึงไว้สุดชีวิต
คนที่ถูกดึงร้อนใจเป็นอย่างมาก ตะเบ็งเสียงลั่น “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ พี่น้องข้ากลับไปที่นั่น…”
“เจ้าอยากตายรึ แรงสั่นสะเทือนนี้มาจากในเมืองของพวกเรา ในเมืองไม่ได้กว้างขวางเหมือนกับที่นี่ ล้วนเต็มไปด้วยขอนไม้ กลับไปจะถูกทับตายเอานะ!”
ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชาก เมื่อพื้นดินสั่นสะเทือนแรงยิ่งขึ้นก็ทำให้เซจนล้มลงกับพื้น
เสียงร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวของพวกเด็กๆ ยิ่งดังขึ้น แม้แต่สตรีจำนวนไม่น้อยก็ร้องไห้ออกมา
ถึงแม้ว่าจะเป็นทุ่งกว้าง ทว่าแผ่นดินไหวภัยพิบัติที่ไม่อาจควบคุมได้ก็ทำให้ลึกๆ แล้วพวกเขารู้สึกหวาดกลัวนัก
ภายใต้ภัยธรรมชาติ ผู้คนมักจะเป็นเหมือนมดตัวเล็กๆ ไม่มีค่าพอที่จะเอ่ยถึง
พื้นที่ที่ได้รับแรงสั่นสะเทือนยังมีเมืองอูจีด้วย
อวี้จิ่นลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดีดตัวลุกขึ้น รีบเดินออกไปดูข้างนอก
ดูเหมือนว่าแรงสั่นสะเทือนภายในเรือนจะชัดเจนกว่า สามารถเห็นกิ่งไม้ใบไม้กวัดแกว่งไปมาอย่างรุนแรง
หลงต้านเดินมาอยู่ข้างๆ อวี้จิ่น น้ำเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย “ท่านอ๋อง นี่คือแผ่นดินไหวหรือขอรับ”
อวี้จิ่นพยักหน้าลงเล็กน้อย พลางส่งสายตามองไปทางเมืองจิ๋นหลี่
“เอ้อร์หนิวนี่สุดยอดจริงๆ” หลงต้านพูดจากใจ พอคิดได้ก็วิ่งไปที่โรงครัวหยิบเนื้อติดกระดูกสองสามอันออกมามายื่นตรงหน้าเอ้อร์หนิว
“เอ้อร์หนิว รีบกินสิ นี่เลี้ยงฉลองเจ้านะ”
เอ้อร์หนิวเหลือบมองเนื้อติดกระดูก แยกเขี้ยวออกมาอย่างจองหอง
“สุนัขตัวนี้ เมินแม้แต่เนื้อติดกระดูกหรือ” หลงต้านกลอกตาใส่ แล้วหันมาโอบคอเอ้อร์หนิว ลูบขนอย่างสนิทสนม “เอ้อร์หนิว รีบพูดออกมาสิ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเมืองจิ๋นหลี่จะเกิดแผ่นดินไหว”
เอ้อร์หนิว โฮ่ง!
หลงต้านลูบปลายจมูกพลางลุกขึ้น
ลืมไปเลยว่าเอ้อร์หนิวพูดภาษาคนไม่ได้ น่าเสียดายจริงเลย
ในขณะที่ยังมีการสั่นสะเทือนอยู่เรื่อยๆ พอจ้าวซื่อหลางและคณะรู้สึกตัวได้จึงวิ่งออกมา
เมื่อมาถึงข้างขอก แรงสั่นสะเทือนใต้เท้าก็ยิ่งชัดเจน
จ้าวซื่อหลางหน้าซีด มองไปที่อวี้จิ่นด้วยสายตาที่ซับซ้อน “ท่านอ๋อง แผ่นดินไหวแล้ว!”
“อืม” อวี้จิ่นหยักหน้าสีหน้าเรียบเฉย
สักพักก็มีอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามา สีหน้าซับซ้อน “ท่านอ๋อง แผ่นดินไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“อืม”
มีอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามา “ท่านอ๋อง แผ่นดินไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“อืม”
หลงต้านได้ยินก็เงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่เงียบๆ
คนพวกนี้นัดกันมาหรือ ทุกคนเห็นท่านอ๋องแล้วต้องพูดประโยคเดียวกันออกมา
คนสุดท้ายที่ผลักประตูออกมาก็คือไท่จื่อ
ไท่จื่อขยี้ตาด้วยความสะลึมสะลือ พลางพูดพึมพำออกมา “ข้างโวยวายอะไรกัน เสียงดังจนนอนไม่ได้…”
แรงสั่นสะเทือนใต้เท้าทำเอาเขาได้สติขึ้นมาทันที ปฏิกิริยาแรกคือหมอบลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นกอดศีรษะไว้ “แผ่นดินไหวแล้ว!”
ทุกอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงกิ่งก้านต้นไม้ที่กวัดแกว่งไปมา
ไท่จื่อไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน จึงเงยหน้ามองดู ก็ได้รับสายตาประหลาดใจจากคนนับไม่ถ้วน
เกิดอะไรขึ้น
ไท่จื่อลุกขึ้นมา มองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง
บนพื้นยังคงสั่นสะเทือน แต่ดูเหมือนว่าถ้ายืนให้มั่นก็ไม่มีปัญหา
เช่นนั้นปฏิกิริยาเมื่อครู่ของเขา…
ไท่จื่อหน้าแดงระเรื่อ รีบเดินเข้าไปอยู่ข้างอวี้จิ่น เอ่ยพูดน้ำเสียงน้อยใจ “น้องเจ็ด แผ่นดินไหวแล้วทำไมเจ้าไม่ส่งคนไปเรียกข้า”
อวี้จิ่นเอามือไขว้หลังไว้เอ่ยพูดท่าทางเรียบเฉย “ที่นี่ไม่เป็นไร พี่รองนอนต่อได้”
ไท่จื่อส่ายหน้า “แผ่นดินไหวแล้ว ใครจะหลับลงกัน!”
ถ้าหากเขาหลับไป แล้วทุกคนหนีไปแล้วจะทำอย่างไร
ไท่จื่อคิดอย่างง่ายๆ
“ท่านอ๋อง เมืองจิ๋นหลี่ทางนั้น…”
อวี้จิ่นมองจ้าวซื่อหลางพร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ “เอ้อร์หนิวสามารถรับรู้อันตรายอย่างรุนแรงได้ เดาว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้น่าจะมาจากทางนั้น”
จ้าวซื่อหลางนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
ขนาดเมืองอูจียังรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ชัดเจนเช่นนี้ เกรงว่าที่เมืองจิ๋นหลี่คงเป็นภัยพิบัติที่นำไปสู่หนทางแห่งความตายแน่
ไท่จื่อมองเอ้อร์หนิวตาลุกวาว “น้องเจ็ด เอ้อร์หนิวสุดยอดไปเลย”
สุนัขที่สามารถล่วงรู้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวได้ หากเป็นของเขาน่าจะดี เขาจะได้ไม่กลัวแผ่นดินไหวอีก
เมื่อได้รับสายตาอันแรงกล้าจากไท่จื่อ เอ้อร์หนิวก็แยกเขี้ยวระวังตัวออกมา
สายตาที่คนผู้นี้มองมันแปลกมาก มักจะทำให้มันอยากกัดเขาสักครั้ง…
ไท่จื่อเขยิบมาอยู่ข้างอวี้จิ่น
อะแฮ่มอะแฮ่ม สุนัขตัวนี้กับเขายังไม่สนิทกัน ประเดี๋ยวต้องลองป้อนเนื้อติดกระดูกสักสองสามครั้ง
“ไปดูสถานที่ที่จัดให้ชาวบ้านของเมืองจิ๋นหลี่ก่อนกันเถอะ”
ไท่จื่อกังวลขึ้นมา “น้องเจ็ด ที่นั่นจะอันตรายมากหรือไม่”
อวี้จิ่นยิ้ม “ไม่หรอก ทุ้งกว้างรกร้างไม่มีอะไรที่พังทลายลงมาได้”
ไท่จื่อมองท้องฟ้าที่ดำมืด พร้อมกับส่ายหน้า “คืนนี้ข้าเป็นหวัดเล็กน้อย แถมยังเวียนหัว ข้าไม่ไปกับน้องเจ็ดแล้วกัน”
“เช่นนั้นพี่รองนอนพักผ่อนเถอะ” สำหรับไท่จื่อ อวี้จิ่นไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว เวลานี้เขาไม่ไปสร้างปัญหาก็ดี
ไท่จื่อชำเลืองมองเอ้อร์หนิว เอ่ยถามหยั่งเชิง “น้องเจ็ด ทิ้งเอ้อร์หนิวไว้ที่นี่ได้หรือไม่”
“หืม” อวี้จิ่นเลิกคิ้วขึ้น
ไท่จื่อยิ้มพูดขึ้น “ถ้าหากที่นี่มีอะไรเกิดขึ้น จะได้มีเอ้อร์หนิวไปแจ้งข่าวให้เจ้าทราบได้”
อวี้จิ่นคิดดูก็รู้สึกมีเหตุผล จึงพยักหน้ารับ
แน่นอนว่าจ้าวซื่อหลางและพวกจะตามไปกับอวี้จิ่นด้วย พริบตาเดียวลานเรือนก็โล่งโจ้ง
ขุนนางที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่หากไม่ถูกไท่จื่อเรียกก็ไม่อาจเข้ามาได้ จึงทำได้เพียงรอรับสั่งอยู่ไกลๆ
แน่นอนว่าไท่จื่อไม่คุยกับคนเหล่านั้นอยู่แล้ว จึงมอบหมายงานให้กับข้าหลวง “ไปนำเนื้อติดกระดูกในโรงครัวออกมากะลังมังหนึ่ง”
เมื่อได้เนื้อติดกระดูก ไท่จื่อก็สบตากับเอ้อร์หนิวครู่หนึ่ง เผยรอยยิ้มประจบออกมา “เอ้อร์หนิว กินเนื้อหรือไม่”
เอ้อร์หนิวเมินไท่จื่อ แล้วหันหลังเดินไป
“นี่…” ไท่จื่ออ้าปากต้องการจะห้ามเอ้อร์หนิวไว้
เอ้อร์หนิวหันขวับ แยกเขี้ยวพร้อมกับเห่าออกมาใส่ไท่จื่ออย่างรวดเร็ว และสะบัดหางเดินหนีไป
ในขณะที่ไท่จื่อหวาดกลัว แววตาก็ยิ่งแรงกล้า
หากได้เป็นเจ้านายของเอ้อร์หนิว สุนัขตัวนี้ก็จะฟังแค่เขาคนเดียว และทำหน้าโหดกับคนอื่น
แค่คิดก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
ขณะที่อวี้จิ่นกำลังนำคนมุ่งหน้าไปยังที่พักของชาวบ้านเมืองจิ๋นหลี่ เสียงร้องไห้ก็ดังระงม
หลี่เจิ้งเดินโซเซเข้ามา แล้วคุกเข้าลงต่อหน้าอวี้จิ่น “กระหม่อมมาคารวะท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องช่างมีบุญคุณยิ่งนัก เมืองจิ๋นหลี่จะมิมีวันลืม…”
อวี้จิ่นพยุงหลี่เจิ้งขึ้นมา “ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง มีคนบาดเจ็บหรือไม่”
ถึงแม้ที่นี่จะกว้างขวาง แต่ว่าอยู่ใกล้กับเมืองจิ๋นหลี่มากกว่า ช่วงที่ชุลมุนวุ่นวายอาจมีคนหกล้มหรือเหยียบกัน
“ทุกคนปลอดภัยดี ทุกคนปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เจิ้งพูดไปพลางร้องไห้ไป “หลังจากแผ่นดินไหวสงบลง กระหม่อมก็ก็ส่งคนที่เดินทางว่องไวกลับไปดูที่ในเมือง ทว่าทั่วทั้งเมืองกลายเป็นซากปรักหักพังเสียแล้ว…”