ชาวบ้านกล่าวเสริม “ใช่ๆ ถูกทิ้งร้างมานานหลายปีแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครไปที่นั่นหรอก”
“ไม่ทราบว่าใครสามารถนำทางไปได้บ้าง” หลงต้านยิ้มตาหยีพลางถาม
คนเหล่านั้นอึกอักขึ้นทันใด เจ้าของสวนดอกเหมยเอ่ยเป็นคนแรก “ให้คนของผู้น้อยนำทางก็แล้วกันขอรับ”
ยามที่อยู่ในท้องที่ เจ้าของสวนดอกเหมยถือว่าเป็นคนมีฐานะ ฉะนั้นเขามีคนงานเป็นจำนวนมาก
ไม่นาน ชายหนุ่มวัยกลางคนท่าทางใช้การได้ก็ก้าวออกมาพร้อมทำความเคารพเจียงซื่อ
เจียงซื่อพยักหน้ารับเล็กน้อย “รบกวนด้วย อาเฉี่ยว เจ้าอยู่ที่นี่กับเด็กน้อย รอข้ากลับมา”
สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือต้องไปตรวจสอบที่วัดซานสือ หากไม่พบเบาะแสก็จะต้องกลับมาถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเด็กชาย
เจียงซื่อกำซองจดหมายในมือแน่น ตอนนี้นางมั่นใจได้แล้วว่าสาเหตุที่ป้าซิ่วหายตัวไปมีนางเป็นต้นเหตุ ดังนั้นนางจึงอยากหาป้าซิ่วให้เจอเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
นางให้องครักษ์อีกสองนายอยู่เฝ้ากับอาเฉี่ยว ส่วนคนที่เหลือก็รีบเดินทางไปที่วัดซานสือ
ครั้นเจียงซื่อไปแล้ว มารดาของเด็กชายก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที นางบิดแก้มเด็กน้อย “ไอ้ลูกตัวดี ใครเอาจดหมายให้เจ้า แล้วทำไมถึงไม่รีบบอก รู้รึเปล่าว่าเจ้ากำลังจะทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อน!”
เด็กน้อยตัวจ้ำม่ำร้องจ้าด้วยความเจ็บปวด
อาเฉี่ยวรีบห้าม “อาซ้ออย่าทำเด็กเลย เด็กอุตส่าห์ช่วยนายหญิงของข้า พวกข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณเขา”
อาเฉี่ยวไหวพริบเป็นเลิศ นางหยิบก้อนเงินรูปปลาตัวเล็กออกมาจากเหอเปาและยัดใส่มือเด็กน้อย สาวรับใช้ส่งยิ้มพลางบอก “เอาไปเล่นสิ”
สตรีนางนั้นถลึงตาพร้อมหันไปตะคอก “ไม่ได้ เล่นไม่ได้…”
คุณพระ นั่นเงินจริงๆ หรือ
ก้อนเงินรูปปลานั้นมีค่าเท่ากับสามเหรียญจีน ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ซื้อข้าวปลาอาหารประทังชีวิตทั้งครอบครัวได้หนึ่งเดือนเต็ม
หญิงสาวกล่าวร้องพลางแย่งก้อนเงินรูปปลาจากมือเด็กน้อย และยัดไว้ในทรวงอกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่หันมาเห็นอาเฉี่ยวแปรเปลี่ยนเป็นความยินดี
บิดามารดาของเด็กคนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็อิจฉาตาร้อน ต่างก็ส่งสายตาพิฆาตไปที่บุตรหลานของตัวเอง ในใจพลางคิดว่า เด็กพวกนี้แอบมาขโมยดอกล่าเหมยด้วยกัน แต่เหตุไฉนถึงมีแต่เอ้อร์พั่งที่เกี่ยวพันกับสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้ หนำซ้ำยังได้เงินก้อนรูปปลา แต่เหตุใดบุตรหลานของตัวเองถึงกลับมามือเปล่า
สตรีนางนั้นระแวดระวังสายตาริษยาเหล่านั้น มือของนางกุมก้อนเงินในอกเพื่อให้แน่ใจว่าของยังอยู่ดีก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้อาเฉี่ยวอย่างเป็นมิตร “พี่สาวอยากถามอะไรเอ้อร์พั่งก็เชิญถามได้เลย”
อาเฉี่ยวหัวเราะก่อนจะจูงเด็กน้อยไปข้างๆ และถามรายละเอียดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วัดซานสือตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสวนดอกเหมย เจียงซื่อและคนอื่นๆ เดินไปโดยไม่หยุดพัก และไม่นานก็เดินมาถึงตีนเขา
“นายหญิง บนนั้นคือวัดซานสือขอรับ” คนนำทางชี้นิ้วไปเบื้องหน้า
เจียงซื่อหรี่ตาทอดมองขึ้นไปและเห็นสิ่งปลูกสร้างซ่อนตัวที่อยู่ที่กลางภูเขา หากมิใช่ฤดูหนาวช่วงที่ใบไม้แห้งโกร๋นจนหมดต้น คงไม่มีทางหาเจออย่างแน่นอน
“นายหญิงคอยอยู่ที่นี่ แล้วผู้น้อยพาคนขึ้นไปตรวจสอบดีไหมขอรับ” หลงต้านเสนอ
เจียงซื่อส่ายหน้าปฏิเสธ “ขึ้นไปด้วยกัน”
ในเมื่อป้าซิ่วหายตัวไปเพราะนาง อีกทั้งอีกฝ่ายยังลากนางมาถึงที่นี่ จึงดูเหมือนว่านางจะไม่มีทางเลือกอื่น
สำหรับเจียงซื่อ การปีนเขามิใช่งานยาก อีกทั้งภูเขาลูกนี้ก็มิใช่ภูเขาสูงชัน ฉะนั้นแล้วคนกลุ่มนั้นจึงเดินขึ้นมาถึงวัดร้างกลางเขาในเวลาเพียงไม่นาน
การจะเรียกว่าเป็นวัดร้างมิได้ดูเกินความจริง กำแพงสี่ทิศพังทลายเว้าแหว่งไม่สมบูรณ์ เหลือเพียงก้อนหินทรงสามเหลี่ยมหน้าวัดที่ยังเหลือรอดจากสายลมและพายุฝน
“นายหญิง…” อาหมานชี้นิ้วไปพลางเรียกแผ่วเบา
เมื่อมองใกล้ๆ จะเห็นว่าที่ด้านหลังหินก่อนหนึ่งมีมุมผ้าสีน้ำตาลโผล่ออกมา
หลูฉูฉู่เร่งรี่เข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนจะร้องตะโกน “นี่มันเด็กหนุ่มที่มากับป้าซิ่ว!”
ทั้งหมดล้อมวงกันเข้ามา
เด็กหนุ่มในชุดแขนยาวสีน้ำตาลนั่งพิงก้อนหินขนาดใหญ่ มือและเท้าของเขาไม่ได้ถูกมัด แต่กลับดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะขยับตัวไปไหนไม่ได้
“ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ แล้วป้าซิ่วล่ะ” หลูฉูฉู่ถามด้วยความร้อนใจ
ริมฝีปากแตกระแหงของเด็กหนุ่มพะเยิบพะยาบ น้ำเสียงที่เปล่งครางอยู่ในลำคอ ดวงตาแดงก่ำเพราะความตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้น” หลูฉูฉู่สำรวจทุกซอกทุกมุม แต่ยิ่งดูก็ยิ่งไม่เข้าใจ
เนื้อเรื่องแบบนี้มีอยู่ในบทละครเท่านั้น มีเรื่องแบบนี้ในชีวิตจริงที่ไหนกัน
อาการของเจียงซื่อกลับสงบนิ่ง สายตาของนางค่อยๆ เบนไปทางซากวัดร้าง
ซากวัดร้างถูกอาบด้วยแสงอ่อนๆ ของเหมันตฤดู เงียบเชียบไร้ความเคลื่อนไหว เมื่อคนเหล่านั้นเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่สามารถขยับร่างกายและพูดจาสื่อสารได้ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าซากวัดร้างเงียบสงัดแห่งนี้ดูลึกลับมากขึ้นเป็นเท่าตัว
ดวงตาของเจียงซื่อจดจ้องไปที่ประตูวัดร้าง
ประตูนั้นผุพังไปแล้วครึ่งค่อนบาน ทำให้มองเห็นความว่างเปล่าด้านใน
เจียงซื่อละสายตากลับมาก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่ม
แม้คนอื่นๆ จะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่ม แต่นางพอจะเดาได้
เด็กหนุ่มถูกหนอนพิษกู่!
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็แสดงว่าคนที่ทำให้ป้าซิ่วหายตัวไปไม่ใช่คนธรรมดา
คนๆ นั้นจะยังอยู่ที่วัดร้างแห่งนี้หรือไม่ แล้วป้าซิ่วจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
เจียงซื่อลังเลชั่วอึดใจก่อนจะหยิบยาเม็ดจากเหอเปาป้อนใส่ปากเด็กหนุ่ม
ที่นางลังเลเป็นเพราะนางกำลังเดาว่า ที่อีกฝ่ายจงใจใช้หนอนพิษกู่กับเด็กหนุ่มผู้นี้เพราะต้องการจะพิสูจน์ว่านางสามารถช่วยสกัดหนอนพิษกู่ได้หรือไม่
แม้มีความเป็นไปได้เช่นนั้น แต่นางไม่มีทางเลือกอื่น
เพียงเวลาไม่นาน ในที่สุดเด็กหนุ่มก็สามารถพูดจาสื่อสารได้เป็นปกติ “ป้า…ป้าซิ่วอยู่ข้างใน…”
หลูฉูฉู่ได้ยินแล้วก็เตรียมพุ่งตัวไปในวัดร้างทันที
หลงต้านเอื้อมมือไปรั้งตัวหลูฉูฉู่เอาไว้ “แม่นางฉูฉู่ ช้าก่อน”
หลูฉูฉู่ขมวดคิ้วมองไปทางเจียงซื่อ
“หลงต้าน เจ้านำคนเข้าไปดู”
“ขอรับ”
ขณะที่หลงต้านกำลังจะพาผู้ติดตามอีกสองคนเข้าไปข้างใน เด็กหนุ่มก็ร้องตะโกนขึ้นว่า “ยัง ยังมีอีกคน!”
หลงต้านชะงักฝีเท้าก่อนจะหันมาหาเจียงซื่อ
เจียงซื่อผงกศีรษะเล็กน้อย “เข้าไป”
หากอีกฝ่ายใช้แค่หนอนพิษกู่ นางรับประกันได้ว่า หลงต้านและคนอื่นๆ จะปลอดภัย แต่หากอีกฝ่ายเป็นพวกเชี่ยวชาญวิทยายุทธ์ จากทักษะยอดฝีมือของหลงต้าน นางก็เชื่อว่าเขาจะสามารถเอาตัวรอดได้
เจียงซื่อมองไปที่หลงต้านที่กำลังก้าวเท้าไปใกล้ประตูวัดร้าง ทันทีที่ใกล้จะถึง จู่ๆ ก็มีร่างของใครบางคนถูกผลักออกมา
หลงต้านตอบสนองไวว่อง เขารีบเข้าไปพยุง ใบหน้าหลูฉูฉู่เปลี่ยนไปโดยพลัน “ป้าซิ่ว!”
คนที่ถูกผลักออกมาคือป้าซิ่ว
หลงต้านกวาดตามองประตูวัดถึงสองครั้งสองครา ก่อนจะพยุงป้าซิ่วถอยไปยืนข้างๆ เจียงซื่อ
“ป้าซิ่ว ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” หลูฉูฉู่เอ่ยถามทันควัน
ป้าซิ่วในขณะนี้ดูซีดเซียวเล็กน้อย แต่มิได้บาดเจ็บร้ายแรง นางตอบคำถามของหลูฉูฉู่ “ข้าไม่เป็นอะไร…พระชายาเสด็จมาที่นี่ได้อย่างไร…”
ประโยคท่อนหลังขาดห้วงไปเพราะการกระทำของเจียงซื่อ
เจียงซื่อคว้าข้อมือข้างซ้ายของป้าซิ่วขึ้นมาจ้องดู
ถึงแม้ป้าซิ่วจะมิใช่สาววัยสะพรั่ง อีกทั้งชีวิตยังผ่านความยากลำบากมานับไม่ถ้วน แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะโปรดปรานหญิงงามจึงเมตตาให้มือของนางยังคงเนียนขาวเรียวสวย
แต่ที่นิ้วกลางข้างซ้ายของนางกลับปรากฏรอยเส้นเลือดจางๆ ถึงสามรอย
เจียงซื่อหรี่ตาดูรอยแผลสามรอยนั้นก่อนที่สายตาจะไปหยุดจ้องอยู่ที่ทางเข้าวัดร้างอันเงียบสงัด
หากป้าซิ่วโดนหนอนพิษกู่ธรรมดาก็คงไม่เป็นอะไร แต่หนอนพิษกู่ที่อยู่ในร่างของนางตอนนี้คือกู่กาฝากที่เคยทำร้ายท่านแม่ อีกทั้งยังเป็นหนอนชนิดเดียวกันที่เกือบจะทำร้ายท่านยาย
ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ในวัดร้างจะรู้เรื่องเกี่ยวกับนางไม่น้อย เขาทำถึงขนาดใช้กู่กาฝากกับป้าซิ่วเพื่อดึงดูดความสนใจของนาง
อีกฝ่ายมีเป้าหมายอะไรกันแน่