ตอนที่ 15 บีบจมูก อดทนกับนาง
เมื่อจัดการติงฉางซื่อแล้ว เยียนโส่วจ้านก็พึงพอใจอย่างมาก
เขาวิ่งไปโอ้อวดต่อหน้าเซียวฮูหยิน
“ติงฉางซื่อไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป หลังจากนี้อีกสิบวัน เจ้าเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมเขา อย่าลืมพาอวิ๋นฉีและอวิ๋นเกอไปด้วย”
เซียวฮูหยินเหลือบมองเขา “ไม่ต้องให้ท่านโหวเตือน ข้าก็จะพาอวิ๋นฉีและอวิ๋นเกอไปด้วย หากข้าเดินทางไป แล้วทิ้งพวกนางพี่น้องไว้ในจวนโหว ข้าคงไม่วางใจ รอข้ากลับมา พวกนางคงจะไม่เหลือแม้แต่ชีวิต”
เยียนโส่วจ้านส่งเสียงไม่พอใจ “ฮูหยินเห็นว่าจวนโหวป็นถ้ำเสือถ้ำมังกรหรือ! นิสัยของอวิ๋นเกอ ผู้ใดจะกล้าแตะต้องนาง นางไม่หาเรื่องผู้อื่นก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว”
เซียวฮูหยินหัวเราะเสียงเย็น “ท่านโหวพูดเช่นนี้ละอายใจหรือไม่ อวิ๋นเกอนิสัยใจร้อนเพียงใด นางก็เป็นแค่เด็ก นอกจากมีกำลังมากกว่าคนทั่วไปแล้ว ไม่มีกลอุบายอื่นในการป้องกันตัวเอง หากมีคนจงใจทำร้ายนางย่อมมีโอกาสสำเร็จ ท่านโหวลืมไปแล้วหรือว่าคอของอวิ๋นเกอบาดเจ็บได้อย่างไร ลืมไปแล้วหรือว่าเหตุใดนางจึงพูดไม่ได้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สายตาของเยียนโส่วจ้านเลิ่กลั่ก เห็นได้ชัดว่าเขาก็รู้สึกผิด
เขาเถียงข้างๆ คูๆ “คอของอวิ๋นเกอเป็นอุบัติเหตุ อีกอย่างเรื่องตั้งหลายปีก่อน เหตุใดฮูหยินจึงต้องพูดถึงเรื่องเก่าในเวลานี้ สิ่งที่ข้าให้ยังไม่เพียงพอสำหรับเจ้าหรืออย่างไรกัน”
เซียวฮูหยินหัวเราะเยาะ “เงินเพียงเล็กน้อย มอบเป็นของกำนัลไม่กี่ครั้งก็หมดแล้ว ภายในพระราชวังรองจากฝ่าบาท ยังมีฮองเฮา ท่านอ๋องและขุนนางในราชสำนักทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายทั่วไปในเมืองหลวงอีก ท่านโหวลองคำนวณดู เงินที่ท่านให้มานั้นพอใช้หรือไม่”
เยียนโส่วจ้านไม่พอใจ “ฮูหยินอยากให้ข้าทำอย่างไร เอาเงินทั้งหมดในจวนให้เจ้านำไปเมืองหลวงหรือ?”
เซียวฮูหยินเงียบไปครู่หนึ่ง “โจรไม่กี่คนที่อยู่ในมือของท่านโหว…”
เยียนโส่วจ้านเปลี่ยนสีหน้าไปทันที เขาตวาดด้วยความไม่พอใจ “เหลวไหล! ข้าเป็นถึงท่านแม่ทัพแห่งต้าเว่ย จะมีโจรในมือได้อย่างไร”
เซียวฮูหยินเม้มปากยิ้ม สายตาฉายแววประชดประชัน
เยียนโส่วจ้านมีกองกำลังจำนวนมากอยู่ใต้บังคับบัญชา เขาไม่สามารถอาศัยเพียงภาษีท้องถิ่นในการเลี้ยงดูกองกำลังได้
คนอื่นอาจไม่รู้ว่าเงินในมือของเขามาจากไหน แต่เซียวฮูหยินนั้นกระจ่างใจอย่างมาก
คนอื่นอาจคิดว่าเยียนโส่วจ้านค้นพบเหมืองทองบนภูเขาจริงๆ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วเขากำลังขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของผู้อื่น
นางไม่เกรงกลัวเขา พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ท่านโหวไม่ต้องตระหนก! ข้าจะขอคนจากท่านโหวเพราะต้องการขุดเหมือง ผู้อื่นสำรวจแหล่งเหมืองไม่ได้ ต้องอาศัยโจรเท่านั้น”
เยียนโส่วจ้านเลิกคิ้ว “สำรวจแหล่งเหมือง? ฮูหยินหลอกข้าหรือ ฮูหยินมีเหมืองจากที่ใด”
เซียวฮูหยินพูดอย่างจริงจัง “ไปเมืองหลวงครานี้ ค่าใช้จ่ายมากมายนัก อีกทั้งกำหนดกลับยังไม่แน่นอน ข้านึกขึ้นได้ว่าตอนที่เสด็จปู่ยังอยู่ เคยพระราชทานพื้นที่ศักดินาให้ข้าแปลงหนึ่ง ตามคำร่ำลือ พื้นที่ศักดินาแห่งนี้มีเหมือง แต่ก่อนข้ายุ่งเรื่องภายในจวน ไม่มีกำลังเหลือลงไปดูพื้นที่ศักดินา แต่ครานี้กลับไปเมืองหลวง ข้าวางแผนส่งคนไปสำรวจพื้นที่ศักดินาว่ามีเหมืองจริงหรือไม่ หากสามารถขุดเหมืองได้จริง ข้าย่อมมีเงินใช้ในเมืองหลวง แม้จะต้องอยู่เมืองหลวงสักครึ่งปีหรือปีหนึ่งก็ไม่เกรงกลัว”
เยียนโส่วจ้านขมวดคิ้วมุ่น “ฮูหยินคิดจะพักอยู่ในเมืองหลวงเป็นระยะยาว ไม่กลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ”
เซียวฮูหยินหัวเราะเสียงเบา “ท่านโหวเข้าใจผิดแล้ว ข้าห่างจากเมืองหลวงมายี่สิบปี ยากที่จะมีโอกาสกลับเมืองหลวง ย่อมอยากพักผ่อนเป็นเวลานาน ข้ามีจวนหลังหนึ่งอยู่ในเมืองหลวง เสด็จปู่พระราชทานให้ข้าก่อนสวรรคต ข้าไม่เคยอยู่อาศัยมาก่อน”
เยียนโส่วจ้านหัวเราะเสียงเย็น “ฮูหยินมีแผนการอย่างไรกันแน่ พูดมาตามตรงเถิด”
เซียวฮูหยินเม้มปากยิ้ม “เหตุใดท่านโหวจึงคิดว่าข้ามีแผนการ”
“ระหว่างพวกเรา ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม ฮูหยินมีเงื่อนไขใด เพียงแค่พูดออกมา”
เซียวฮูหยินจ้องมองเขา พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้ารองถึงเวลาแก่การนำทัพแล้ว”
นางกำลังหาผลประโยชน์ให้บุตรชายจริงด้วย
เยียนโส่วจ้านยิ้มอย่างกระจ่าง “หากข้าไม่ให้เขานำทัพ ฮูหยินจะทำอย่างไร”
“ไม่ทำอย่างไร! อย่างมากก็แค่อึดอัดใจ เมื่อถึงเมืองหลวงอาจไม่สามารถวิ่งหน้าวิ่งหลัง สานสัมพันธ์แทนท่านโหวได้เพราะปัญหาทางร่างกาย”
เคร้ง!
เยียนโส่วจ้านวางถ้วยชาลงอย่างแรง ฝาครอบแก้วกระทบกันส่งเสียงดัง
สีหน้าของเขาไม่เป็นมิตร “ฮูหยินกำลังข่มขู่ข้าหรือ”
เซียวฮูหยินพูดด้วยความจริงจัง “พวกเราสามีภรรยาเปรียบเสมือนคนเดียวกัน เจ้ารองก็เป็นบุตรชายของท่านโหว อีกทั้งยังเป็นบุตรชายของภรรยาเอก ท่านโหวจะลำเอียงได้อย่างไร ไม่รู้ว่าเจ้ารองเทียบเจ้าใหญ่ไม่ได้ตรงไหน ท่านโหวจึงไม่ยอมให้เจ้ารองนำทัพเสียที”
เยียนโส่วจ้านยิ้มเย้ยหยัน “ฮูหยินช่างพยายามเสียเหลือเกิน ครานี้เสนอข้อแลกเปลี่ยนกับข้า หากข้าไม่ตกลง เจ้าจะทำลายเรื่องใหญ่ของข้า เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะไม่ให้เจ้าไปเมืองหลวงหรือ”
“ได้! ข้าก็ไม่ได้เต็มใจไปเมืองหลวงนัก ท่านโหวให้เฉินฮูหยินไปเมืองหลวงแทนท่านเสียดีกว่า แต่เกรงว่านางไม่รู้แม้แต่ทิศทางการเปิดของประตูพระราชวัง”
เซียวฮูหยินยิ้มเย้ยหยันพร้อมมองเยียนโส่วจ้าน
เยียนโส่วจ้านสีหน้าดำทะมึน ภายในใจเต็มไปด้วยไฟโกรธ
เซียวฮูหยินดื่มชาอย่างสบายใจ นางไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย
คนที่ร้อนรนคือเยียนโส่วจ้าน
คนที่ไปเมืองหลวงได้มีเพียงแค่นาง เป็นได้แค่นางเท่านั้น
นางแซ่เซียว เป็นธิดาขององค์รัชทายาทจางอี้
ถึงแม้ฐานะกระอักกระอ่วน แต่ก็มีข้อได้เปรียบที่ผู้อื่นไม่อาจเทียบได้
นางคุ้นชินกับพื้นที่ในเมืองหลวง อีกทั้งยังคุ้นชินกับผู้คนในเมืองหลวงยิ่งกว่า!
สิบคนภายในราชสำนักหรือพระราชวังอย่างน้อยมีคนเก่าแก่ห้าหกคน
หากให้เฉินฮูหยินไปเมืองหลวงแทน แม้จะใช้ชื่อของเยียนโส่วจ้าน ผู้อื่นบอกไม่พบก็คือไม่พบ
หากเป็นนาง ไม่ต้องใช้ชื่อของเยียนโส่วจ้าน เพียงแค่ใช้ชื่อของนาง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อสายราชวงศ์หรือขุนนางชั้นสูงล้วนต้องเปิดประตูต้อนรับนางเข้าไป
ไม่สนใจว่าจริงใจหรือไม่
ฐานะของนาง ไม่มีผู้ใดกล้าหักหน้านางอย่างเปิดเผย
นอกจากคนผู้นั้นเป็นคนที่ไม่รู้ประสีประสา เป็นศัตรูของนางในตอนนั้นถึงได้เป็นปรปักษ์กับนาง
นี่คือความมั่นใจของนาง
เยียนโส่วจ้านแยกเขี้ยว โกรธจนเจ็บหน้าอก
“ฮูหยินฉลาดยิ่งนัก ข้ายอมแพ้”
“เช่นกัน เช่นกัน! ทนอารมณ์ของท่านโหวมานานหลายปี อย่างน้อยก็ให้ข้าได้ระบายอารมณ์เสียบ้าง”
เซียวฮูหยินไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
เยียนโส่วจ้านโกรธจนหัวเราะออกมา “ข้าคิดว่าฮูหยินจะใช้โอกาสนี้จัดการกับเฉินฮูหยินแม่ลูกเสียอีก”
เซียวฮูหยินยิ้มอย่างมีนัย “ในสายตาของท่านโหว ข้าเป็นคนที่ใจแคบเพียงนี้เชียวหรือ เพียงแค่เฉินฮูหยินคนเดียว ข้าไม่เห็นนางอยู่ในสายตาอยู่แล้ว”
“ฮูหยินใจกว้าง!” เยียนโส่วจ้านหัวเราะร่า
เซียวฮูหยินเคาะโต๊ะเตือนเยียนโส่วจ้าน “ท่านโหวยังไม่รับปากข้า ตกลงจะให้เจ้ารองนำทัพหรือไม่”
“ได้ เพียงแค่เจ้ารองมีความสามารถในการนำทัพ ข้าย่อมปฏิบัติต่อเขาเหมือนเจ้าใหญ่”
“หวังว่าท่านโหวจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมจริง หากข้ารู้ว่าวันที่้ข้าไม่อยู่ในจวนโหว ท่านโหวปฏิบัติไม่ดีต่อเจ้ารอง ข้าจะไม่เกรงใจต่อท่านโหวอย่างแน่นอน”
“ฮูหยินวางใจ ข้าพูดคำไหนคำนั้น เจ้าใหญ่ เจ้ารองล้วนเป็นบุตรชายของข้า ข้ารับรองว่าจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียม”
คำพูดของบุรุษเชื่อถือไม่ได้
แต่ว่าเยียนโส่วจ้านสามารถทำได้ตามคำสัญญาของเขาแค่เจ็ดส่วนก็เพียงพอแล้ว
เซียวฮูหยินไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจมากนัก “เวลานี้ ท่านโหวสามารถรับปากให้ข้ายืมโจรได้หรือไม่”
“ข้างกายข้าไม่มีโจร มีเพียงองครักษ์คนสนิทสามนาย”
“เช่นนั้นข้าขอยืมองครักษ์ข้างกายท่านโหวมาใช้”
“ได้”
สามีภรรยาทั้งสองตกลงร่วมกัน ต่างฝ่ายต่างพึงพอใจอย่างมาก
…
เซียวฮูหยินกำลังจะออกเดินทางไปยังเมืองหลวง คนที่ดีใจที่สุดในจวนย่อมเป็นผู้ใดไม่ได้นอกจากเฉินฮูหยิน
เมื่อเซียวฮูหยินจากไป นางก็เป็นฮูหยินคนเดียวภายในจวน
ในที่สุดวันที่นางรอคอยมายี่สิบปีก็มาถึง
นางแสร้งถือของขวัญสำหรับการเดินทางมาเยือนเซียวฮูหยิน
“ได้ข่าวว่าฮูหยินจะนำคุณหนูรอง และคุณหนูสี่เข้าเมือง ภายในใจของข้าอาวรณ์ยิ่งนัก”
เซียวฮูหยินตอบนาง “ในเมื่อเจ้าอาลัยอาวรณ์ข้าเพียงนี้ ข้าอยู่ต่อดีหรือไม่ พวกเราอยู่ด้วยกันภายใต้ชายคาเดียวกัน”
สีหน้าของเฉินฮูหยินเปลี่ยนไป น่าอับอายยิ่งนัก
นางยิ้มเก้อ “ฮูหยินจะทำให้งานใหญ่ของท่านโหวล่าช้าเพราะข้าได้อย่างไร ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด เดินทางไปเมืองหลวงสำคัญกว่า”
ใบหน้าของเซียวฮูหยินแสดงออกถึงความเสียดสี “เจ้ามีใจแล้ว! ถอยลงไปเถิด ข้าต้องจัดเตรียมสัมภาระ ไม่มีเวลาคุยเล่น”
นี่ นี่ นี่…
ไม่ให้เกียรตินางแม้แต่น้อย
เฉินฮูหยินอดกลั้นความโกรธเอาไว้ “ข้าตั้งใจเลือกสิ่งเหล่านี้มามอบให้ฮูหยินและคุณหนูทั้งสอง หวังว่าฮูหยินจะไม่รังเกียจ”
“ของที่เจ้านำมาล้วนเป็นของดีที่ได้จากท่านโหว ข้าจะรังเกียจได้อย่างไร”
คำพูดนี้บาดหูยิ่งนัก
เฉินฮูหยินอยู่ต่อไม่ได้แม้แต่น้อย นางขอตัวลาโดยไม่ได้ดื่มน้ำชา ก่อนจะพาบ่าวรับใช้ออกจากเรือนใหญ่ไป
เซียวฮูหยินรังเกียจสิ่งของที่เฉินฮูหยินนำมามอบให้ นางกำชับบ่าวรับใช้ “นำสิ่งของที่เฉินฮูหยินส่งมาออกไปด้านนอกเปลี่ยนเป็นเงินทองให้หมด”
บ่าวรับใช้ทำหน้าฉงน “ฮูหยิน ทำเช่นนี้จะเหมาะสมหรือเจ้าคะ”
เซียวฮูหยินพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีอันใดไม่เหมาะสม หากข้าจำไม่ผิด เครื่องหยกเครื่องเงินเหล่านี้ล้วนมาจากท่านโหว บัญชีรู้มูลค่าของสิ่งเหล่านี้ เปลี่ยนเป็นเงินทองจะสะดวกแก่การพกพา หากบัญชีไม่ยอม ใช้ชื่อของข้าไปแลกเปลี่ยนกับท่านโหว
“บ่าวรับคำสั่ง!”
บัญชีไม่ยอมแลกเปลี่ยนให้จริงด้วย!
เรื่องไปถึงเยียนโส่วจ้าน
เยียนโส่วจ้านมองสิ่งของที่มอบให้เฉินฮูหยินกลับมาถึงหน้าตนเองอีกครั้ง เขาพูดไม่ออกเล็กน้อย สุดท้ายทำได้เพียงอดทน
เขาให้บัญชีเปลี่ยนเครื่องหยกเครื่องเงินเป็นเงินทองให้หมด
ภายในใจคิด อดทนกับนางนางอีกไม่กี่วัน
รอนางเดินทางไปเมืองหลวง ทุกสิ่งจะกลับคืนสู่ปกติ