ตอนที่ 20 รายชื่อ
ร่างที่ไร้ศีรษะยังนอนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปที่อื่น
ทันทีที่ติงฉางซื่อเข้าประตูมาเห็นฉากนี้ เขาก็รู้สึกสะอิดสะเอียน
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
เยียนอวิ๋นเกอฆ่าคนก็ฆ่าคน เหตุใดจึงต้องทำให้น่ากลัวเพียงนี้
“เชิญติงกงกงมากะทันหัน ต้องขออภัยด้วย ติงกงกงเชิญนั่ง!”
เซียวฮูหยินนั่งอยู่ที่โต๊ะเตี้ย มองไปที่ติงฉางซื่อด้วยรอยยิ้ม
ติงฉางซื่อกระแอมไอแผ่วเบาสองครั้ง สีหน้าลำบากใจ
“ภายในห้องสกปรก ท่านหญิงจะนั่งได้อย่างไร ข้าให้คนเปลี่ยนห้องให้ท่านหญิงบัดนี้”
“ไม่รีบ! อยากเชิญติงกงกงดื่มชาสักแก้ว ไม่รู้ว่าท่านจะให้เกียรติหรือไม่” เซียวฮูหยินถามด้วยรอยยิ้ม
“ท่านหญิงมีเรื่องใดรับสั่ง เพียงแค่บอกมา” ติงฉางซื่อนั่งลงบนพื้น เผชิญหน้ากับนาง
เซียวฮูหยินโบกมือ ทันใดนั้นมีองครักษ์เข้ามายกศพออกไป
สาวรับใช้ถือน้ำสะอาด ชำระล้างคราบเลือดทั่วพื้น
ติงฉางซื่อแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาเป็นกังวลว่าเซียวฮูหยินจะยืนกรานปล่อยให้ศพไร้ศีรษะอยู่ในห้องเสียจริง
ดื่มชาท่ามกลางศพและกลิ่นคาวเลือด เพียงแค่คิดถึงรสชาตินั้นก็ทำให้คนอดที่จะขยะแขยงไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเขาเห็นเลือดไม่ได้!
แต่ในเมื่อสามารถเปลี่ยนสภาพแวดล้อมได้ เหตุใดจึงไม่ทำ
ไม่จำเป็นต้องลำบากตัวเองมาดื่มชาในสภาพแวดล้อมที่สกปรกเช่นนี้
อีกอย่างขณะนี้เขากำลังรู้สึกผิด การปล่อยให้ศพไร้ศีรษะไว้ย่อมเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้แก่เขาอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อแรงกดดันมาก เขาย่อมเสียเปรียบในการสนทนาต่อไปนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อศพถูกเคลื่อนย้ายออกไป ติงฉางซื่อก็ใจเย็นลง
เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ
“สามารถดื่มน้ำชาของท่านหญิงได้ ถือเป็นเกียรติของข้ายิ่งนัก เรื่องในวันนี้ ท่านหญิงไม่ต้องกังวล ข้าจะสืบให้กระจ่างเพื่อคืนความเป็นธรรมให้ท่านหญิง”
เซียวฮูหยินยิ้ม “ติงกงกงไม่ต้องกังวล ข้ารู้ว่ามือสังหารไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านถูกคนวางแผนลอบทำร้ายเช่นเดียวกัน”
ติงฉางซื่อรู้สึกตื้นตันใจมาก เขาพูดขึ้นอย่างจริงใจ
“ท่านหญิงมีสายตาหลากแหลม ให้ความบริสุทธิ์แก่ข้า ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก”
“ถึงแม้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน แต่อย่างไรมือสังหารก็เป็นคนในขบวนของท่าน ท่านยังไม่พ้นความผิด!”
เซียวฮูหยินเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว
หัวใจของติงฉางซื่อถูกยกขึ้นมา “ท่านหญิงหมายความว่าอย่างไร”
เซียวฮูหยินยกถ้วยชาขึ้น ไม่รีบร้อนที่จะยกดื่ม
“ติงกงกงไม่เคยคิดหรือว่าผู้ใดกันที่พยายามจะฆ่าข้า”
ติงฉางซื่อขมวดคิ้ว “ข้าบังอาจถาม เป็นการวางยาหรือการลอบสังหาร?”
เซียวฮูหยินเลิกคิ้ว “แตกต่างหรือ”
ติงฉางซื่อยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
“ข้าอาจพูดไม่ถูกใจ ท่านหญิงบอกว่าเสี่ยวอันจื่อเป็นมือสังหาร แต่เขาตายไปแล้ว เรื่องมือสังหารเป็นแค่คำพูดของท่านหญิง”
เซียวฮูหยินยิ้มอย่างมีนัย “ติงกงกงสงสัยว่าข้ากำลังหลอกลวงท่าน หากท่านไม่เชื่อ สามารถส่งคนสนิทไปตรวจสอบเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจสอบคนที่มีเจตนาไม่ดี! ตลอดทางแต่แคว้นซ่างกู่ถึงเมืองหลวงนี้ ข้าไม่เคยใช้คนรอบตัวท่าน เรื่องนี้ท่านย่อมรู้ดี ในเมื่อไม่ใช่ข้าที่ใช้เสี่ยวอันจื่อ แต่เสี่ยวอันจื่อกลับปรากฎตัวต่อหน้าข้า เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะอธิบายทุกสิ่งอีกหรือ”
สีหน้าของติงฉางซื่อกระอักกระอ่วนมากขึ้น “ท่านหญิงวางใจ เรื่องนี้ข้าจะตรวจสอบให้กระจ่าง”
เซียวฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ “ห่างจากเมืองหลวงเหลือเพียงสามวัน ติงกงกงจะให้คำอธิบายแก่ข้าเมื่อใด หรือต้องรอจนถึงเมืองหลวง ตอนที่ข้าเข้าเฝ้าฝ่าบาทหรือ”
สีหน้าติงฉางซื่อเปลี่ยนไปทันที “ท่านหญิงจะทูลต่อฝ่าบาทหรือ”
เซียวฮูหยินเย้ยหยัน “ข้าถูกลอบสังหาร ติงกงกงไม่สามารถให้คำอธิบายได้ ข้าไม่ทูลต่อฝ่าบาท หรือข้าจะต้องปกปิดความผิดให้ท่าน”
ติงฉางซื่อร้อนใจ “ท่านหญิงอย่าโกรธ! ท่านอย่าได้กังวล ก่อนถึงเมืองหลวง ข้าจะให้คำอธิบายแก่ท่าน”
เซียวฮูหยินยิ้มโดยไม่พูดอะไร
หน้าผากของติงฉางซื่อเต็มไปด้วนเหงื่อ
เขากัดฟัน “ท่านหญิงต้องการให้ข้าทำอย่างไรจึงจะสยบความโกรธ”
เซียวฮูหยินวางแก้วชาลง “เหตุใดติงกงกงจึงต้องถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว”
ติงฉางซื่อยิ้มขมขื่น
“ข้ายากเสียเหลือเกิน! ท่านโหวบีบเค้นข้า เวลานี้ท่านหญิงก็บีบเค้นข้า เอาเถิด เอาเถิด ข้าก็เป็นแค่บ่าวรับใช้ปรนนิบัติคน ต่อจากนี้หากท่านหญิงมีรับสั่ง บอกข้ามาได้ทั้งสิ้น เรื่องใดที่ข้าช่วยได้ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ”
“ดีมาก! ติงกงกงกระจ่างในสถานการณ์อย่างดี ท่านวางใจ เรื่องในวันนี้สิ้นสุดลงเท่านี้ ข้าไม่ถือสา อีกทั้งจะไม่เปิดเผยต่อฝ่าบาทแม้แต่น้อย แต่ว่าคนเบื้องหลังของเสี่ยวอันจื่อ คงต้องรบกวนติงกงกงสืบให้ข้า ตกลงข้าไปขัดตาผู้ใดเข้ากันแน่ถึงได้รีบร้อนในการปลิดชีพข้าเพียงนี้”
ติงฉางซื่อลำบากใจ
เบื้องหลังของเสี่ยวอันจื่อมีความเป็นได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับบุคคลไม่ธรรมดา เขาเป็นแค่ขันที ไม่กล้ายื่นมืออกไปแทรกแซง
แต่เรื่องนี้ไม่สืบก็ไม่ได้
อีกฝ่ายยื่นแทรกแซงไส้ศึกไว้ข้างตัวตนเองแล้ว หากเขาจะไม่สนใจจนปล่อยให้อีกฝ่ายบงการจะทำอย่างไร
“ท่านหญิงวางใจ แม้ว่าท่านไม่ได้รับสั่ง ข้าย่อมต้องตรวจสอบเรื่องนี้ แต่…ท่านหญิงไม่มีสงสัยผู้ใดเลยหรือ”
“ติงกงกงอยากถามว่าข้ายังมีศัตรูที่ใดบ้างใช่หรือไม่”
ติงฉางซื่อยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
เซียวฮูหยินกระจ่าง เอ่ยขึ้น “ตอนนั้นตำหนักบูรพามีศัตรูมากมาย พวกเขาพยามยามวางแผนใส่ร้าย คนทั้งตำหนักบูรพา เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เหล่าพี่น้องไม่มีผู้ใดเล็ดรอด ทุกคนล้วนตายไปในคดี ‘กบฏ’ มีเพียงข้าเหลือรอดคนเดียว ท่านถามว่าข้ามีศัตรูที่ใดบ้าง ศัตรูของข้ามีมากมาย นับไม่หวาดไม่ไหว
แต่ข้าเป็นสตรีที่ไร้อำนาจ ไม่มีภัยคุกคามต่อพวกเขาแม้แต่น้อย ท่านถามว่าผู้ใดต้องการฆ่าข้า เหอะๆ ข้าก็อยากรู้เช่นเดียวกัน ข้ามีภัยคุกคามที่ต้องต้องลงมือฆ่าเชียวหรือ!”
ติงฉางซื่อไม่ยอมแพ้ “ไม่มีคนที่สงสัยแม้แต่คนเดียวเชียวหรือ”
เซียวฮูหยินนถอนหายใจเบาๆ “จากเมืองหลวงมายี่สิบปี สิ่งของผู้คนแตกต่างจากแต่ก่อนแล้ว หากจะบอกว่าสงสัย ทุกคนล้วนต้องสงสัย หรือว่าต้องสืบทุกคนที่ทุกสงสัย”
ติงฉางซื่อขมวดคิ้วด้วยความลำบากใจ
เซียวฮูหยินพูดต่อ “ติงกงกงไม่ต้องลำบากใจ ท่านสืบได้มากแค่ไหนก็แค่นั้น สืบไม่ได้เลยก็ไม่เป็นอะไร ข้าไม่ตายในการลอบสังหารคราวนี้ เมื่ออีกฝ่ายรู้ย่อมต้องมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อถึงเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสจับหางจิ้งจอกของอีกฝ่ายได้ เมื่อถึงเวลานั้นจริง ข้ายังต้องการให้ติงกงกงทูลต่อฝ่าบาทแทนข้า”
“ท่านหญิงวางใจ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร!”
ก่อนที่ติงฉางซื่อจะอำลาจากไป พวกเขายังได้สนทนาเรื่องในเมืองหลวงอีกเล็กน้อย
…
ติงฉางซื่อกลับห้อง ในขณะที่เขาเพิ่งนั่งลงยังไม่ทันได้พักหายใจ เขาก็ตกใจจนเกือบหยุดหายใจเพราะเยียนอวิ๋นเกอที่หย่อนตัวลงมาจากบนฟ้า
เขาเบิกตากว้างด้วยสีหน้าผงะ
เขามองเยียนอวิ๋นเกอตรงหน้า ก่อนตะมองดูหลังคา
คนกระโดดลงมาจากหลังคา
ดี!
เยียนอวิ๋นเกอแอบหลบซ่อนตัวรอโอกาสอยู่ในห้องของเขาแต่แรก
“คุณหนูสี่ ท่านต้องการสิ่งใด ข้าบอกท่าน ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ท่านจะกำเริบเสิบสานได้! ท่านออกไปบัดนี้ เรื่องนี้ข้าถือสา หากมิเช่นนั้น ข้าจะไม่เกรงใจท่าน”
เยียนอวิ๋นเกอองเขาด้วยรอยยิ้ม นั่งลงบนเก้าอี้ หยิบกระดาษออกมา จรดดินสอเขียนลงไป
“ติงกงกงกังวลเรื่องใด ข้าจะไม่กินท่านเสียหน่อย”
ติงฉางซื่อสีหน้าบึ้งตึงอย่างมาก รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก
“เยียนอวิ๋นเกอ ข้าเตือนเจ้า ยังมีอีกสามวันจะถึงเมืองหลวง หากเจ้ากระทำสิ่งใดในเวลานี้ ไม่มีผลดีต่อเจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอไม่พูดไร้สาระ นางเขียนทันที “กงกงวางใจ ข้าไม่ทำอันใด ท่านนำรายชื่อมาให้ข้า ข้าออกไปทันที”
ติงฉางซื่อฉงน “รายชื่อใด”
เยียนอวิ๋นเกอเขียน “ในเมืองหลวงผู้ใดบ้างที่ตีได้ ผู้ใดบ้างที่ตีไม่ได้ ขอให้ติงกงกงนำรายชื่อมาให้ข้า”
ติงฉางซื่อมองไปที่เนื้อหาบนกระดาษด้วยมุมปากกระตุก
“เยียนอวิ๋นเกอ เจ้าจะบ้าหรือ เมืองหลวงไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะอวดดีได้ ข้าบอกเจ้าให้ ทุกคนในเมืองหลวงล้วนไม่ใช่ผู้ที่เจ้าหาเรื่องได้ เจ้าควรยับยั้งตัวเองไว้ดีกว่า มิฉะนั้นหากเจ้าหาเรื่องผู้ที่ไม่ควรมีเรื่องด้วย แม้แต่ท่านหญิงก็ปกป้องเจ้าไม่ได้”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างมีนัย ยกมือ…
ปัง!
นางตบโต๊ะ ทิ้งรอยมือหนึ่งไว้ด้านบน
“ติงกงกงพูดมากเกินไปแล้ว เอารายชื่อมาให้ข้า”
เยียนอวิ๋นเกอดันกระดาษมาไว้ตรงหน้าเขา ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายปฏิเสธ
ติงฉางซื่อปฏิเสธอยู่ในใจ
เขาถาม “คุณหนูสี่ ท่านแอบวิ่งมาเอารายชื่อจากข้า ท่านหญิงรู้หรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอควงดินสอเล่นด้วยยิ้มเย้ยหยัน
นางเขียน “ท่านแม่ไม่เอาผิดต่อเจ้า ไม่เท่ากับข้าจะปล่อยเจ้าไป ไม่ให้รายชื่อก็ให้ข้าตีสักครั้ง”
ตีสักครั้ง?
ติงฉางซื่อมีอารมณ์ฉุนเฉียว คำพูดกร่นด่ามากมายเกิดขึ้นภายในใจ แต่เขากลับด่าไม่ออก
เยียนอวิ๋นเกอบอกว่าตีคนย่อมลงมือจริง ไม่ใช่แค่คำพูดเล่นๆ
เขาก้มมองร่างกายที่อ้วนท้วมของตนเอง คำนวณว่าจะสามารถทนรับเยียนอวิ๋นเกอได้กี่รอบ
เขาเป็นถึงขุนนางฝ่ายใน หากเรื่องทะเลาะกับสาวใบ้ผู้หนึ่งถูกแพร่กระจายออกไป เขาจะมีหน้าเป็นคนอีกหรือ
ให้ตายเถิด รังแกกันเกินไปแล้ว
เยียนอวิ๋นเกออาศัยที่ตัวเองอายุน้อย อีกทั้งเป็นใบ้ จึงไร้ความเกรงกลัวอย่างนั้นหรือ
เขาชี้อีกฝ่าย “เยียนอวิ๋นเกอ เจ้าช่างเหมือนกับพ่อของเจ้า อันธพาล ไร้ยางอาย!”
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วยิ้ม พลันตบโต๊ะ…
“เขียน!”
ติงฉางซื่อศีรษะเราะสองที “ข้าบอกเจ้า เมื่อถึงเมืองหลวง ผู้ใดเจ้าก็ตีไม่ได้”
ความอดทนของเยียนอวิ๋นเกอมีจำกัด นางบีบถ้วยชาในมือจนแหลกละเอียด
มันคือการข่มขู่อย่างเปิดเผย!
ติงฉางซื่อตากระตุก กัดฟัน “ข้าพูดกับเจ้าเช่นนี้ คนอื่นเจ้าตีก็แล้วไป อย่างน้อยให้ท่านหญิงจัดการให้ได้ แต่เจ้าไม่สามารถลงมือกับคนตระกูลเถาได้ เจ้ารู้จักคนตระกูลเถาหรือไม่ พวกเขาเป็นคนในตระกูลของฮองเฮา! เจ้ากล้าแตะต้องคนตระกูลเถาแม้แต่นิ้วเดียว เจ้าก็เตรียมถูกฮองเฮาประหารได้เลย!”
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้ว
ติงฉางซื่อตักเตือนอีกครั้ง “เจ้าอย่าทำเป็นไม่เชื่อ หลายปีนี้ผู้ที่เป็นปรปักษ์ต่อตระกูลเถา ไม่ตายก็ถูกเนรเทศ ไม่มีผู้ใดรอด! อีกทั้งสามารถพูดได้ว่าราชสำนักเป็นของตระกูลเถา”
เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา นางเขียน “หากพูดเช่นนี้ การออกพระราชโองการเรียกท่านแม่ข้าเข้าวังก็เป็นความคิดของคนตระกูลเถา”
ติงฉางซื่อส่ายหน้าระรัวราวกับกลอง
“คุณหนูสี่ ท่านอย่าทำให้ข้าเดือดร้อน! ข้าไม่ได้พูดสิ่งใดทั้งสิ้น”
เมื่อเห็นท่าทางขี้ขลาดของอีกฝ่าย เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างรู้ทัน
นางไม่ทำให้เขาลำบากใจ เพียงหยิบกระดาษเดินออกจากประตูใหญ่ไป
…
บ่าวรับใช้เห็นเยียนอวิ๋นเกอออกมาจากห้องของติงฉางซื่อ จึงเบิกตาโต
เมื่อนางจากไป เขาจึงรีบเข้าไปดูในห้อง
“กงกง คุณหนูสี่มาได้อย่างไร”
อันที่จริงบ่าวรับใช้อยากถามว่า คุณหนูสี่เข้ามาเมื่อใด
ติงฉางซื่อทำหน้าบึ้ง
“จำคำของข้า ต่อจากนี้อยู่ให้ห่างจากตัวซวยเยียนอวิ๋นเกอเอาไว้”