ตอนที่ 24 อายุสั้น
องค์หญิงเฉิงหยางส่งเซียวฮูหยินออกจากจวนด้วยตนเอง ท่าทางสนิทสนมจนทำให้ทุกคนตกตะลึง
เยียนอวิ๋นเกออาละวาด องค์หญิงเฉิงหยางไม่เพียงไม่ลงโทษ แต่ยังเปลี่ยนเซียวฮูหยินจากศัตรูเป็นมิตร นี่มันเรื่องอันใดกัน
“ท่านหญิงจู้หยางให้ประโยชน์แก่องค์หญิงเฉิงหยางมากน้อยเพียงใดถึงทำให้องค์หญิงเฉิงหยางยิ้มออกมาได้”
“องค์หญิงเฉิงหยางถูกคนตระกูลเยียนหลอกให้หลงกลเสียแล้วหรือ”
“ไม่อาจดูหมิ่นตระกูลเยียนได้”
“เยียนอวิ๋นเกอกำเริบเสิบสานแต่ไม่ถูกลงโทษ ช่างตลกสิ้นดี”
“เหลวไหล…เหลวไหลเสียจริง! การกระทำอันแปลกประหลาดของเยียนอวิ๋นเกอนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรปล่อยไปอย่างง่ายดาย”
“องค์หญิงเฉิงหยางเหลวไหลเสียจริง!”
“เวลานี้ เรื่องแปลกประหลาดอันใดล้วนเกิดขึ้นได้ ทุกคนต่างไม่แปลกใจแล้ว”
อากาศที่หนาวเย็น แต่ไม่อาจผนึกความอยากรู้ภายในใจของผู้คนเอาไว้ได้
สตรีแต่ละจวนต่างถกเถียงกัน ล้วนไม่อาจเข้าใจว่าองค์หญิงเฉิงหยางอดทนไปได้อย่างไร อีกทั้งยังเปลี่ยนจากสงครามการต่อสู้เป็นสันติภาพ ต้องมีเรื่องผิดปกติเป็นแน่!
ย่อมต้อมมีการสมรู้ร่วมคิดที่ไม่อาจเปิดเผยได้
องค์หญิงเฉิงหยางไม่มีคำอธิบายใด
หากใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางสนิทชิดเชื้อสามารถแลกเปลี่ยนมาได้ซึ่งการรับใช้ของตระกูลเยียน เหตุใดจึงไม่ทำ
การค้าขายที่คุ้มค่าเพียงนี้ หากนางปฏิเสธ นางคงจะเป็นคนโง่ที่สุดบนแผ่นดิน
แม่ลูกตระกูลเยียนทั้งสามคนออกจากจวนองค์หญิงโดยไม่ได้กินเลี้ยง
อาละวาดแล้วอยู่กินเลี้ยงต่อคงไม่เหมาะสมนัก
แม่ลูกทั้งสามนั่งรถม้ากลับจวนของตนเอง
เมื่อถึงจวน เยียนอวิ๋นฉีถามขึ้นอย่างร้อนใจ “เหตุใดท่านแม่ต้องร่วมมือกับองค์หญิงเฉิงหยางต่อกรกับตระกูลเถา ตระกูลเถามีอำนาจมาก เหตุใดจึงไม่ร่วมมือกับตระกูลเถา ลูกคิดว่าการทำเช่นนี้อันตรายเกินไป”
เซียวฮูหยินไม่รีบตอบ หากแต่เรียกเยียนอวิ๋นเกอ “อวิ๋นเกอ เจ้าบอกอวิ๋นฉี เหตุใดข้าจึงต้องร่วมมือกับองค์หญิงเฉิงหยาง”
เยียนอวิ๋นเกอรับคำสั่ง จรดดินสอ “องค์หญิงเฉิงหยางไม่เป็นโล้เป็นพาย[1] ไม่เป็นภัยคุกคามต่อตระกูลเยียน อีกทั้งองค์หญิงเฉิงหยางมีกำลังทรัพย์ ไม่ว่าจะทำเรื่องใดล้วนไม่อาจออกห่างจากกำลังทรัพย์ได้ การคว้าถุงเงินอย่างองค์หญิงเฉิงหยางเอาไว้จึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
สาเหตุที่สอง ตระกูลเถาเป็นญาติฝ่ายนอก ญาติฝ้ายนอกมักไม่มีจุดจบที่ดี นอกเสียจากตระกูลเถาก่อกบฏ หากตระกูลเถาก่อกบฏ ย่อมต้องถูกตระกูลใหญ่ทั่วทั้งแผ่นดิน โจมตี สิ่งสำคัญคือตระกูลเถายโสโอหัง บีบบังคับผู้คน ไร้บารมีแห่งการเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งแผ่นดิน เป็นตระกูลอายุขัยสั้น หากร่วมมือกับตระกูลเถา คงกลายเป็นเถ้าระเบิดในไม่ช้า
สุดท้ายไม่ว่าองค์ชายท่านใดขึ้นครองราชย์ ล้วนไม่มีทางเก็บตระกูลเถาเอาไว้ ราชวงศ์กับตระกูลเถาย่อมต้องเกิดการปะทะกัน นอกจากนี้เถาฮองเฮาย่อมต้องก่อเรื่องใหญ่เพื่อขจัดอุปสรรคให้โอรสคนเล็กของตนเอง เมื่อใดที่เถาฮองเฮาเริ่มก่อเรื่อง เมื่อนั้นย่อมมีเรื่องสนุกเกิดขึ้น!”
เยียนอวิ๋นเกอเขียนตัวอักษรลงไปเต็มบนกระดาาแผ่นใหญ่ ปลายดินสอแหลมคมจนกระดาษทะลุ
เซียวฮูหยินเห็นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “อวิ๋นเกอเขียนหนังสือทุกวัน ตัวอักษรยิ่งเขียนยิ่งดี แต่ยังคงมีข้อบกพร่องเหมือนเคย ขาดขีดขาดเส้นไปบ้าง นับแต่วันนี้ คัดตัวอักษรวันละสองกระดาษใหญ่ ฝึกฝนให้ดี แก้ไขข้อบกพร่องด้านการเขียนให้ขาดเสีย”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มตาหยี
นางเขียนอย่างตรงไปตรงมา “เขียนขาดไปขีดสองขีดเพื่อเขียนให้เขียนได้เร็วขึ้น มิฉะนั้นข้าคงทะเลาะกับผู้อื่นไม่ชนะ”
เซียวฮูหยินตลก แต่จงใจพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าเขียนหนังสือเพื่อทะเลาะกับผู้อื่นหรือ”
“เหตุผลหลักเพื่อเจรจาด้วยเหตุผล”
เยียนอวิ๋นเกอรีบเปลี่ยนคำพูด
เซียวฮูหยินยิ้ม ถามเยียนอวิ๋นฉี “อวิ๋นฉี เวลานี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่”
เยียนอวิ๋นฉีขมวดคิ้วด้วยความกังวล
“ตระกูลเถามีอำนาจมาก เกรงว่าพวกเราเพียงแค่เริ่มเคลื่อนไหว ตระกูลเถาจะเริ่มโต้กลับทันที ไม่ทันรอตระกูลเถาล่มสลาย ตระกูลเยียนของพวกเราจะตกที่นั่งลำบากเสียก่อน เช่นนั้นคงจะสูญเสียมากกว่าได้ผลประโยชน์”
เซียวฮูหยินพูดอย่างหนักแน่น “ดังนั้น หากไม่ปะทะกับตระกูลเถาได้ย่อมดี อดทนกับตระกูลเถาเอาไว้ก่อน ข้าเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าการเคลื่อนไหวใหญ่ของเถาฮองเฮาจะเป็นอย่างไร”
…
พระราชวัง
ภายในตำหนักเว่ยยาง เถาฮองเฮาในชุดสะอาดกำลังปรุงเครื่องหอม
นางมีรูปลักษณ์งดงาม กาลเวลาโปรดปรานนางเป็นพิเศษ
อายุนับวันยิ่งเพิ่มขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันนางก็สุขุมมากขึ้น แต่ความงดงามของนางกลับไม่ลดลง
กิริยาของนางสง่างาม ทุกท่วงท่า ทุกรอยยิ้มล้วนงดงามดุจภาพวาด ทำให้คนเกิดความชื่นชอบขึ้นมาจากใจ อดที่จะถูกนางดึงดูดไม่ได้
ขันทีเข้ามาจากด้านนอกพระตำหนัก เมื่อเห็นนางกำลังยุ่งจึงไม่กล้ารบกวน เพียงแค่ยืนโค้งตัวรอยคอยอยู่ด้านข้าง
เมื่อเถาฮองเฮาผสมเยียนจือเสร็จ นางในก็มาปรนนิบัตินางทำความสะอาดมือ นางมองไปทางขันที
“เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ”
ขันทีโค้งตัวเล็กน้อย “กราบทูลฮองเฮา วันนี้จวนองค์หญิงเฉิงหยางมีงานเลี้ยง ท่านหญิงจู้หยางนำบุตรสาวทั้งสองเข้าร่วม คุณหนูสี่ตระกูลเยียน นามเยียนอวิ๋นเกอใช้กำลังในงานเลี้ยง องครักษ์ของจวนองค์หญิงไม่อาจทำอันใดนางได้”
“อ๋อ หากข้าจำไม่ผิด คุณหนูสี่ตระกูลเยียนพูดไม่ได้”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
“เห็นเจ้ารีบกลับมา เรื่องนี้มีข้อสรุปแล้ว?”
ขันทีพยักหน้า “ถึงแม้เยียนอวิ๋นเกอนั้นไม่อาจพูดได้ แต่ดินสอในมือแหลมคมยิ่งนัก บังอาจเหยียดหยามตำหนิองค์หญิงเฉิงหยางว่าบีบบังคับครอบครัวของแม่ทัพชายแดน อีกทั้งยังบอกว่า…”
“บอกว่าอันใด” เถาฮองเฮาสีหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงแข็งกระด้างอย่างมาก
ขันทีไม่กล้ารอช้า รีบกราบทูลต่อ “เยียนอวิ๋นเกอบอกว่าองค์หญิงเฉิงหยางทรงไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท คาดโทษและลงโทษครอบครัวของแม่ทัพชายประจำแดนด้วยตนเอง มีใจอันไม่จงรักภักดี อยากจะเป็นฮ่องเต้หญิงองค์แรกของแผ่นดิน”
เถาฮองเฮาได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “หญิงสาวที่นามว่าเยียนอวิ๋นเกอนี้ช่างมุทะลุ ปากไม่มีหูรูด องค์หญิงเฉิงหยางจัดการเรื่องนี้อย่างไร”
“เรื่องแปลกอยู่ตรงนี้่พ่ะย่ะค่ะ ท่านหญิงจู้หยางปิดประตูเจรจากับองค์หญิงเฉิงหยางอยู่สักพัก สุดท้ายทั้งสองจับมือยุติความขัดแย้ง นอกจากนี้องค์หญิงเฉิงหยางยังส่งแม่ลูกตระกูลเยียนออกจากจวนไปด้วยตนเอง”
เถาฮองเฮาขมวดคิ้ว “เจ้าไม่รู้ว่าพวกนางคุยเรื่องใดกัน”
“กระหม่อมไร้ความสามารถ ฮองเฮาทรงลงโทษ!” ขันทีคุกเข่ารับโทษในทันที
จากเหงื่อที่ไหลออกมาของเขา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้แสร้งทำ หากแต่หวาดกลัวจริง
เถาฮองเฮาโบกมือ เหล่านางในล้วนถอยออกไป
ภายในตำหนักใหญ่ เหลือเพียงขันทีคนเดียว
นางถาม “องค์หญิงเฉิงหยางเป็นคนที่ไม่ตื่นเช้าหากไม่มีผลประโยชน์ เยียนอวิ๋นเกอทำให้นางเสียหน้า นางกลับไม่ลงโทษ ท่าทางนางจะตกลงร่วมมือกับตระกูลเยียนแล้ว เรื่องนี้ฝ่าบาททรงรู้หรือไม่”
ขันทีพูดอย่างระมัดระวัง “หากไม่มีข้อผิดพลาด ฝ่าบาททรงรู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เถาฮองเฮาหัวเราะ “ผ่านไปครึ่งวัน ทางด้านฝ่าบาทยังไม่มีการเคลื่อนไหว ดูท่าทางฝ่าบาทมีความคิดอย่างมากต่อท่านหญิงจู้หยางและตระกูลเยียน!”
ขันทีไม่กล้าออกเสียง
เถาฮองเฮาไม่ลงโทษเขา “ไปเรียกเหมาเส้าเจี้ยนมา ข้ามีเรื่องรับสั่งเขา”
ขันทีโล่งใจอย่างมาก เขาน้อมรับพร้อมถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นหนึ่งเค่อ เหมาเส้าเจี้ยนเดินทางมาถึงพระตำหนักใหญ่
“ถวายบังคมฮองเฮา!”
เหมาเส้าเจี้ยนมีรูปลักษณ์อวบขาว ดูจากภายนอกเป็นมงคลอย่างมาก เขาเป็นคนสำคัญข้างตัวของเถาฮองเฮา
เถาฮองเฮาไม่พูดพล่ามทำเพลง นางตรัสขึ้นทันที “เรื่องที่รับสั่งเจ้าคราก่อนเป็นอย่างไรบ้าง”
“ยินดีกับฮองเฮา…ปีติกับฮองเฮา ข้าได้เกลี้ยกล่อมอวี้สื่อต้าฟู หลิวจิ้นแล้ว เขายอมเป็นทหารด่านหน้าของฮองเฮา”
เถาฮองเฮาได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา
“ดี!”
อวี้สื่อต้าฟู หลิวจิ้นเป็นขุนนางสำคัญของราชสำนัก
เวลานี้เขายืนอยู่ข้างเถาฮองเฮา เมืองหลวงจะเปลี่ยนแผ่นฟ้าแล้ว!
[1]ไม่เป็นโล้เป็นพาย หมายถึง ไม่ได้เรื่องได้ราว