เส้มผมยาวสลวยปลิวสยายออกไป ใบหน้าที่งามล้ำนั้นโปร่งแสงส่องประกายอยู่ท่ามกลางไอหยินรอบกาย
เขากระอักเลือดออกมาน้อยๆคำหนึ่ง เลือดหยดลงมาโดนข้างแก้มของตู๋กูซิงหลัน เย็นยะเยือก
ปักษายักษ์คือธาตุหยางพิสุทธิ์ คือสัตว์อสูรแต่ครั้งบรรพกาล เป็นดาวข่มเผ่าหมิงโดยเฉพาะ ครั้งนั้นกว่าที่เง็กเซียนฮ่องเต้กำราบมันให้กลายเป็นสัตว์อสูรในพันธะสัญญาได้ต้องสูญเสียพลังในร่างไปกว่าครึ่ง
เดิมทีซื่อมั่วก็ได้รับบาดเจ็บหนัก บาดแผลไม่เคยประสานจนหายขาด
กรงเล็บของมันที่ทะลวงเข้าไปในช่องท้องของซื่อมั่ว แทบจะแผดเผาอวัยวะภายในของเขาจนหมดสิ้น
ตู๋กูซิงหลันถูกซื่อมั่วกอดเอาไว้ในอ้อมแขน จึงได้เห็นกรงเล็บของมันแทงทะลุเข้าไปในร่างของอาจารย์กับตาของตนเอง
ใบหน้าเย็นชาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ชั่วขณะนั้นหัวใจของนางเหมือนกับถูกผนึกแข็งไปด้วย
“อาจารย์!” นางอ้าปากขึ้นมา แต่กลับพบว่าน้ำเสียงของตนเองหายไป
จนผ่านไปอีกพักใหญ่นางถึงได้หาเสียงของตนเองเจอ มือของนางคว้าแขนของเขาเอาไว้ มืออีกข้างหยิบยันต์โลหิตออกมาหลายใบ นางรวบรวมพลังทั้งหมดในชั่วอึดใจซัดยันต์โลหิตสิบกว่าใบนั้นออกไป พุ่งเข้าใส่ปักษายักษ์และเทพสงครามอันดับหนึ่งซือเป่ย
ยันต์โลหิตเหล่านั้นแปลงเป็นตัวนางมากมาย แต่ละคนถือดาบยักษ์เอาไว้ในมือ ไอสังหารท่วมท้น พุ่งเข้าใส่ปักษายักษ์และซือเป่ย
ร่างแปลงที่เกิดจากยันต์โลหิตเหล่านั้นรับพลังทั้งหมดของนางไป แต่ว่าพวกมันสามารถคงอยู่ได้เพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น
“หึ….น่าสนใจไม่น้อย” ซือเป่ยส่งยิ้มเย็นชา เขากระชับง้าวทองคำในมือ ยืนตระหง่านอยู่บนหลังของปักษายักษ์ สายตาที่มองไปยังซื่อมั่วเหมือนกับมองคนที่ได้ตายไปแล้ว
หากจะให้ซื่อมั่วตายลงในทันที เขากลับอยากเห็นคนผู้นี้ทุกข์ทรมานและดิ้นรน จนตายอย่างช้าๆมากกว่า
หมิงอ๋อง ผู้ที่แสนจะทรนง ผู้ที่ผู้คนทั้งหกภพภูมิต้องศิโรราบให้
ยามนี้….กลับตายใต้เงื้อมือของเขา ซือเป่ย
ที่ผ่านมา…..คนผู้คร้านจะเหลือบแลเขาแม้สักครั้ง
ครั้งนี้ถือว่าตระกูลซือของพวกเขาได้กู้หน้าคืนมาบ้างแล้ว
เมื่อมีร่างแปลงจากยันต์โลหิตต่อต้านปักษายักษ์และซือเป่ยเอาไว้ชั่วคราว ตู๋กูซิงหลันค่อยมีเวลาหันมามองดูซื่อมั่ว นางเห็นร่างของเขายิ่งทีก็ยิ่งโปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ
หัวใจของนางเย็นเฉียบ นิ้วมือของนางที่คว้าแขนของเขาเอาไว้ แทบจะจมลึกลงไปในผิวของเขา
เดิมทีร่างกายของเขาเย็นเฉียบอยู่เสมอ ยามนี้เพราะผลจากการโจมตีของปักษายักษ์จึงเปลี่ยนเป็นร้อนระอุขึ้นมา ยามนี้ผิวหนังบนใบหน้าของเขาเริ่มหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆ ราวกับเศษกระเบื้องที่แตกร้าวร่วงหล่นลงไป
ผิวพรรณทุกตารางนิ้วร้อนระอุ ผิวหนังที่หลุดร่วงออกไปกลายเป็นเถ้าถ่านที่ปลิวหายไป
ตู๋กูซิงหลันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า อาจารย์ที่แข็งแกร่งอยู่เสมอ อยู่ๆก็จะ…..
“อาจารย์ ไม่….อย่าได้….” นางยิ่งเพิ่มแรงคว้าเขาเอาไว้อย่างแนบแน่นกว่าเดิม “ท่านเป็นหมิงอ๋องมิใช่หรือ? ต้องคงอยู่นิจนิรันดร์สิ? จะปล่อยให้นกยักษ์ตัวหนึ่งมาเอาชีวิตท่านไปได้อย่างไร?”
ซื่อมั่วมองดูสีหน้าที่ทั้งเคร่งเครียดและตื่นตระหนกของนาง ด้วยความสงบนิ่งเช่นที่เคยเป็นมา
เขายกมือขึ้นมาบดบังดวงตาของนางเอาไว้
“ศิษย์เอ๋ย อย่าดู” เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ “ทุกชีวิตโลกหล้าล้วนมีชะตาต้องตกตาย ไม่มีชีวิตใดจะคงอยู่ได้ชั่วกาล อาจารย์เองก็เช่นกัน”
ความตายมิใช่จุดสิ้นสุด
มือของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เลือดที่รวมตัวกันอยู่บนใจกลางฝ่ามือกลายเป็นศิลาโลหิตชิ้นหนึ่ง
เขากุมมือของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ พอคลายมือก็วางศิลาโลหิตชิ้นนั้นลงไปบนฝ่ามือของนาง” รอให้ศิลาโลหิตนี้ผลิบาน อาจารย์ก็จะกลับมา”
“ไปที่ธารน้ำพุเหลือง รอข้า” ขณะที่เขาพูดนั้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งก็ถูกเพลิงเผาผลาญจนสลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
เขายกมือขึ้นมา คิดจะโอบกอดนาง แต่สุดท้ายก็ดึงมือกลับไป นิสัยที่เก็บงำและสงวนท่าทีของซื่อมั่ว จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยน
ควบคุมตนเองเคร่งครัดในกรอบจารีต ถึงตายก็ยังพึงรักษาไว้
คนที่ศิษย์น้อยรักคือจีเฉวียน คือร่างแบ่งภาคของเขา ….เช่นนั้นเขาก็จะส่งเสริมนาง
……………
อีกด้านหนึ่ง ในป่าทึบ จีเฉวียนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ในมือกุมดาบสีดำทองที่หักครึ่งเอาไว้ ตัวดาบปักลงไปในดินข้างฝ่าเท้า
อากาศรอบด้านมีกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นคละคลุ้ง พื้นดินแดงฉานไปด้วยเลือด รอบกายของเขามีศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่นับสิบ
ทั้งหมดล้วนขาดเป็นชิ้น ไม่มีแม้แต่ร่างเดียวที่สามารถหายใจได้อีก
ปีศาจหมาป่าที่คิดร้ายต่อตู๋กูซิงหลันล้วนถูกเขาฆ่าทิ้งจนหมดสิ้น ไม่เหลือรอดแม้แต่ตัวเดียว
ในฐานะที่เป็นจีเฉวียน นี่ถือเป็นเรื่องสุดท้ายที่พระองค์สามารถทำเพื่อนางได้
เสื้อผ้าบนร่างของจีเฉวียนล้วนขาดวิ่นจนรุ่ยร่าย แผลเก่ามีแผลใหม่เพิ่มเติม
ผิวหนังทั่วทั้งร่างคล้ายถูกกัดขาดจนเหวอะหวะไปทั้งตัว
แม้แต่กระดูกก็ยังมีรอยเขี้ยวขบกัด
ทรวงอกของพระองค์เป็นแผลลึก โลหิตไหลรินไม่หยุด
พระองค์คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น เส้นผมสีดำสยายลงมา พระพักตร์เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต ทั้งๆที่เจ็บปวดเหมือนถูกร้อยพันดาบฟาดฟัน แต่ก็สกัดกั้นเอาไว้ ไม่ยอมเปล่งเสียงออกมาแม้แต่คำเดียว
ยามนี้ แค่พระองค์ขยับเบาๆ ในลำคอก็หวานวูบ กระอักโลหิตคำโตออกมาในนั้นยังมีชิ้นเนื้อปะปน
ปีศาจหมาป่าเหล่านั้น….ทั้งโหดเ**้ยมและคุ้มคลั่ง แต่ละตัวแข็งแกร่งยิ่งว่าเยี่ยเฉิงเสียอีก
พวกมันหลายสิบตัวรุมเร้าเข้ามา โจมตีอย่างไม่คิดชีวิต ทุกครั้งล้วนมุ่งเป้าสังหาร
ยามที่อยู่ใต้ก้นทะเลลึก จีเฉวียนเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน และเหมือนกับซื่อมั่ว บาดแผลไม่ยอมประสาน ผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่เคยหายขาด
วันนี้เมื่อพระองค์ลงมือฆ่าฟันพวกมันทั้งหมดก็ต้องถือว่าเกินขีดจำกัดไปแล้ว
ราวกับแม่ทัพโดดเดี่ยว ที่รั้งอยู่ท้ายสุด ใต้เท้ามีแต่ซากศพเกลื่อนกลาด และพระองค์ประทับอยู่เหนือภูเขาซากศพเหล่านั้น
ในที่สุด….พระองค์ก็ไม่ไหวอีกแล้ว อ่อนล้าแล้ว ดวงเนตรหนักอึ้งลืมไม่ขึ้นเสียแล้ว
ขนพระเนตรกระพริบเบาๆ ทรงคิดจะหันไปมองดูทิศทางที่ตู๋กูซิงหลันอยู่อีกสักครั้ง แต่พระองค์ก็ปราศจากพละกำลังที่เสียแล้ว
ซิงซิง….จากนี้ไป ใต้หล้านี้ก็จะไม่มีจีเฉวียนอีกแล้ว
จากนี้เป็นต้นไป….ซื่อมั่วจะเป็นผู้ปกป้องเจ้าให้ปลอดภัยไปชั่วชีวิต
ข้า จีเฉวียนรักเจ้า ย่อมต้องส่งเสริมเจ้า
เพียงแต่…..มันช่างยากเหลือเกินที่จะทำใจให้ละทิ้ง
ขนพระเนตรขยับน้อยๆ ข้อมือที่กุมดาบสีดำทองไว้แน่นจนซีดขาว ด้ายผูกชะตาที่อยู่บนข้อมือ เปลี่ยนจากสีแดงเข้มเป็นอ่อนจางแล้ว
ขณะที่มันกำลังเลือนลางเช่นนี้…….. แม้พระองค์คิดจะคว้ามันเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจทำได้
วาสนาผูกพันระหว่างพระองค์กับนาง ต้องสิ้นสุดลงที่ตรงนี้แล้ว
สายลมยามค่ำโหมแรงกว่าเดิม สายฟ้าฟาดกระหน่ำลงมา เกิดฝนตกหนักรุนแรง
สายฝนที่ซัดลงมาอย่างหนัก สาดลงมาบนร่างของพระองค์
ร่างของจีเฉวียนตรึงอยู่กับที่เดิม แม้ถึงคราวสวรรคต โอรสสวรรค์แคว้นโจวก็ยังไม่คลายพระหัตถ์ออกจากดาบ
ท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมา ร่างของพระองค์ติดไฟลุกโชน เป็นเช่นเดียวกับซื่อมั่ว ผิวเนื้อแตกออกเป็นชิ้นๆราวแผ่นกระเบื้อง
และเมื่อสายลมโหมมาอีกครั้ง ก็พัดทุกอย่างมลายหายไป
ยามที่พระองค์กำเนิดมาในโลก ฉางซุนฮองเฮาก็ประสบเหตุประสูติยาก พระบิดาไม่ปรารถนาจะพบพระพักตร์
ขาดพระมารดาแต่เยาว์วัย ถูกพระบิดาส่งไปเป็นเชลยที่แคว้นเหยียน ยาวนานถึงแปดปี
ทรงเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด ทรงชิงทุกสิ่งที่สมควรเป็นของพระองค์กลับมาด้วยพระหัตถ์และความตั้งพระทัยของตนเอง
แม้ว่าหลังจากนั้นจะทำให้ใต้หล้าต่างประณามว่าทรงเป็นโอรสสวรรค์แห่งแคว้นโจวที่โหดเ**้ยม เย็นชาและไร้พระทัย
แต่พระองค์ก็ไม่เคยลืมความตั้งพระทัยแต่เดิม ที่มุ่งมั่นจะทำให้ใต้หล้าประสบสุข
เมื่อพระองค์ได้พบกับนางด้วยความบังเอิญ ความเปล่าเปลี่ยวที่มีมานานชั่วชีวิตก็ค้นพบความอบอุ่นที่พิเศษที่สุด จึงทรงทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพียงเพื่อให้ได้อยู่กับนาง
และสุดท้าย เพื่อรักนี้ ก็ทรงยอมสละแม้กระทั่งชีวิตให้กับนางแล้ว
แม้ว่าสุดท้ายแล้ว พระองค์จะไร้ซึ่งแผ่นดิน ไม่มีนาง ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นใดๆเหลืออีกต่อไป
แต่พระองค์….ก็เต็มพระทัย
…………………