คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 96 มือสังหาร

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 96 มือสังหาร

“พวกเขากำลังทำอันใด”

บริเวณทางเลี้ยว ดวงตาขององค์หญิงติ้งเถาพุ่งตรงมายังเยียนอวิ๋นเกอราวกับมีด

เยียนอวิ๋นเกอสนิทกับจ้งซูหาวมากหรือ

ทั้งสองคนพูดคุยและหัวเราะ หมายความว่าอย่างไร

หากไม่ใช่เถาชีบอกนาง เสด็จแม่จะหมั้นหมายนางให้จ้งซูหาว นางจะสนใจจ้งซูหาวพูดคุยกับผู้ใดทำไมกัน

ถึงแม้สุดท้ายนางไม่สมรสกับจ้งซูหาว แต่ทั้งสองพูดคุยอย่างาสนิทสนมเช่นนี้ นางก็ไม่อนุญาต

“บังอาจนัก!”

องค์หญิงติ้งเถาพูดพลันจะตรงปรี่เข้าไป

เถาชีรีบจับนางเอาไว้ “องค์หญิงอย่าได้วู่วามเพคะ! หากท่านเข้าไป ย่อมเป็นการตกเป็นฝ่ายผิด อีกทั้งดูจากสถานการณ์ พวกเขาแค่สนทนากันตามปกติ คงไม่มีเรื่องใด”

ติ้งเถาหันกลัยมา จ้องมองเถาชีเขม็ง “สนทนากันตามปกติ? เจ้าดูใบหน้าของจ้งซูหาว ยิ้มบานราวกับดอกไม้ แต่ก่อนเจาเคยเห็นเขายิ้มแบบนี้ให้ผู้ใด”

เถาชีเงียบ

ติ้งเถาหัวเราะ “ข้าไม่สนใจเรื่องของจ้งซูหาวแม้แต่น้อย เขาอยากคุยกับผู้ใดก็คุยกับผู้ใด ไม่เกี่ยวกับข้า แต่ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเสด็จแม่ของข้ามีเจตนาจะรับเขาเป็นพระราชบุตรเขย แต่เขากลับมาคุยเล่นกับหญิงต่ำทรามอย่างเยียนอวิ๋นเกอ เขาตั่งใจจะหักหน้าข้าอย่างเห็นได้ชัด”

เถาชีร้อนใจอย่างมาก “โทษข้าที่พูดมาก หากข้าไม่พูดสิ่งใดเลย องค์หญิงก็ไม่โกรธเพียงนี้”

“เจ้าไม่ต้องพูดมาก! เจ้าไป ฟังว่าพวกเขาคุยเรื่องใดกัน”

เอ๊ะ?

เถาชีทำหน้าฉงน “องค์หญิงไม่เข้าหรือเพคะ”

องค์หญิงติ้งเถายิ้มเย็น “ข้าจะให้คนดูถูกได้อย่างไร เจ้าไป ข้าจับตาดูเจ้าอยู่ตรงนี้”

เถาชีทำหน้าลำบากใจ

ติ้งเถาสองมือกอกอก สายตาเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง เถาชีตัวสั่นเทา พูดอย่างหวาดกลัว “ข้าจะไปถามเพคะ”

องค์หญิงติ้งเถาพยักหน้า “รีบไป ข้าว่าพวกเขาใกล้คุยจบแล้ว”

เถาชีหมดหนทาง ทำได้เพียงเดินออกมาอย่างจำยอม

“น้องอวิ๋นเกอ นายน้อยจ้ง ไม่คิดว่าจะบังเอิญพบกันเช่นนี้”

บังเอิญเสียจริง

เยียนอวิ๋นเกอมองเถาชีด้วยรอยยิ้มมีนับ สายตาจับจ้องอยู่อย่างนั้นหลายวิแล้วเบี่ยงเบนออก

“นายน้อยจ้ง จบสิ้นตรงนี้ ขอตัว! พวกท่านเชิญ!”

อาศัยจังหวะที่เถาชีเข้ามา นางหลุดพ้นได้พอดี

เถาชีทำหน้าฉงน “ข้าเพิ่งมา เหตุใดน้องอวิ๋นเกอจะไปแล้ว ข้ารบกวนพวกท่านหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยิน หัวเราะขึ้นมา “พี่เถาคิดมากแล้ว ข้าออกมารับลมนานแล้ว ต้องรีบกลับห้องโถงไปดื่มชาอุ่นอบอุ่นร่างกาย พี่เถาโปรดเห็นแก่ที่ร่างกายข้าอ่อนแอ อย่าได้ถือสาข้าเลย”

มุมปากของเถาชีกระตุก

ร่างกายอ่อนแอ?

หลอกผีหรือ!

หนึ่งคนสู้สิบคน พลังมากเหลือล้น อ่อนแอตรงไหน

หากเยียนอวิ๋นเกอร่างกายอ่อนแอ บนแผ่นดินนี้คงไม่มีคนที่ร่างกายแข็งแรง

เพียงแต่เยียนอวิ๋นเกอยืนกรานจะไป ผู้ใดก็รั้งไม่อยู่

ถึงแม้การกระทำเช่นนี้จะดูไม่มีมารยาท แต่นางก็พาสาวรับใช้จากไปอย่างแน่วแน่

เถาชีหมดซึ่งหนทางอย่างมาก ทำได้เพียงมองดูเยียนอวิ๋นเกอจากไป

นางยิ้มเก้อให้จ้งซูหาว “ข้ารบกวนพวกท่านใช่หรือไม่ ขออภัยจริงๆ”

จ้งซูหาวโบกมือ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “คุณหนูเถาไม่ต้องกังวล ข้ายังมีงานต้องทำ ขอตัว!”

เอ๊ะ?

เหตุใดนางออกมาจึงจากไปกันหมด

นางไม่ใช่โรคระบาดเสียหน่อย

คนจากไปหมดแล้ว เนื้อหาการสนทนาสืบไม่ได้ เถาชีกลัดกลุ้มใจ จะบอกองค์หญิงติ้งเถาอย่างไร

ติ้งเถาอารมณ์ร้าย หากไม่ถูกใจ เกรงว่าจะเกิดเรื่อง

ติ้งเถาเดินออกมาจากทางเลี้ยงมาถึงด้านหน้าของเถาชี “ถามสิ่งใดออกมาได้บ้างหรือไม่”

เถาชีส่ายหน้า ถอนหายใจ “พวกเขาสองคนเห็นข้าก็ต่างขอตัวจากไป ข้าพูดรั้งเอาไว้ แต่รั้งไม่อยู่สักคน”

ติ้งเถายิ้มเสียดสี “มีเรื่องที่เจ้าจัดการไม่ได้ด้วย ประหลาด!”

“หรือไม่ข้าไปห้องโถง หาทางหลอกถามอีกครั้ง”

“ไม่ต้องแล้ว!”

ติ้งเถาปฏิเสธเถาชี

“เจ้าบอกจ้งซูอวิ้นแทนข้า ร่างกายข้าไม่สบายนัก ขอตัวก่อน คราหน้าข้าเป็นเจ้ามือ เชิญนางชมดอกไม้ดื่มสุรา”

พูดจบ องค์หญิงติ้งเถานำคนจากไปอย่างยิ่งใหญ่

เถาชีออกเสียงรั้งนาง แต่อีกฝ่ายไม่สนใจนางแม้แต่น้อย

เมื่อคนจากไปไกล สีหน้าของเถาชีดำทะมึน ไม่พอใจติ้งเถาอย่างมาก

อย่างน้อยนางก็เป็นว่าที่พระชายาขององค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ แต่องค์หญิงติ้งเถาไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย

เยียนอวิ๋นเกอกินเลี้ยงเสร็จ จึงขอตัวลา

จ้งซูอวิ้นต้องการรั้งนาง แต่เยียนอวิ๋นเกอพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา: “น่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก ข้ากลับไปก่อนดีกว่า”

จ้งซูอวิ้นรีบพูด “ล้วนเป็นความผิดของข้า ทำให้น้องอวิ๋นเกอไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไม่ ข้าแนะนำเจ้าให้ทุกคนรู้จัก”

“อย่า! เจตนาดีของพี่ซูอวิ้นข้ารับไว้ในใจแล้ว ข้ายังมีงานในจวน ขอตัวก่อน”

ไม่รอจ้งซูอวิ้นเอ่ยปากรั้งอีกครั้ง เยียนอวิ๋นเกอก็นำคนนั่งรถม้าที่ประตูสองจากไป

ออกจากจวนองค์หญิงเฉิงหยาง ท้องฟ้าและแผ่นดินล้วนกว้างขวางขึ้น

เนื่องจากเมื่อวานหิมะตก บนถนนคนน้อยลงเป็นจำนวนมาก

ตลาดไม่คึกคัก การค้าไม่ดี

เยียนอวิ๋นเกอหลับตาพักผ่อน

ฉึบ!

ลูกธนูหนึ่งผ่าทะลุอากาศ

มีมือสังหาร!

เยียนอวิ๋นเกอหมอบลงทันที เพื่อหลีกเลี่ยงถูกลูกธนู

เหล่าองครักษ์ชักดาบ เริ่มโจมตีกลับ

คนขับรถม้ารีบเคลื่อนรถม้าไปพิงที่มุมกำแพง พยายามรับรองความปลอดภัย

ด้านนอกมีเสียงดาบ

เยียนอวิ๋นเกอพูดกับอาเป่ย “เฝ้าไว้! ข้าออกไปดู”

“คุณหนูอย่าออกไปเจ้าค่ะ!”

อาเป่ยต้องรับรองความปลอดภัยของเยียนอวิ๋นเกอ จะปล่อยให้นางออกไปได้อย่างไร

มีดดาบไร้ตา อีกฝ่ายใช้แม้แต่ธนู หากมีเหตุอันใด…

จะมีหรือไม่มี เยียนอวิ๋นเกอก็สะบัดอาเป่ยออก กระโดดลงจากรถม้าไปแล้ว

“ธนูมาให้ข้า!”

หากประลองการยิงธนู เยียนอวิ๋นเกอไม่เคยแพ้ผู้อื่น

มีพลังมากแต่กำเนิด นางเป็นมือยิงธนูโดยกำเนิด

ดึงสายธนูและยิงลูกธนูออกไป…

ฉึบ!

ลูกธนูทะลุผ่านท้องฟ้าที่เย็นยะเยือก ปักลงบนแขนของนักยิงธนูฝ่ายตรงข้ามโดยตรง

เสียงร้องโอดครวญดังขึ้น นักยิงธนูฝ่ายตรงข้ามถูกกำจัด

เมื่อไม่มีนักยิงธนู ทำได้เพียงปะทะระยะประชิด องครักษ์ตำหนักวังบูรพาไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด

“อ๊าก…”

บนถนนฝูงชนต่างร้องและหนีกันจ้าละหวั่น

มีดดาบไร้ตา เลือดกระเซ็นไปทั่ว

เยียนอวิ๋นเกอตะโกนด้วยความโกรธ “จับเป็น!”

นางต้องการรู้ว่าผู้ใดที่เสียสติ ส่งคนมาลอบสังหารนาง

ส่วนนางกระโดดขึ้นหลังคา จับมือยิงธนูที่สูญเสียพลังการต่อสู้แล้ว

มือยิงธนูเห็นนาง ทำท่าจะกัดเม็ดยาพิษในปากปลิดชีพตนเอง

เยียนอวิ๋นเกอไม่มีทางให้อีกฝ่ายสมหวัง มีดสั้นเล่มหนึ่งพุ่งออกไป

“อ๊าก…”

มีดสั้นปักอยู่บนหลังมือของอีกฝ่าย

เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น เพียงเวลาชั่วหนึ่งอึดใจ เพียงพอให้เยียนอวิ๋นเกอเข้าใกล้ตัวของอีกฝ่าย ปลดขากรรไกรล่างของอีกฝ่าย หยิบเม็ดยาพิษออกมา

นางตะโกนบอกเหล่าองครักษ์ “ระวังพวกเขากัดเม็ดยาพิษปลิดชีพตนเอง”

เพียงแค่มือสังหารนับสิบคนก็คิดเอาชีวิตของนางเยียนอวิ๋นเกอ ดูถูกชีวิตของนางมากเกินไป

เยียนอวิ๋นเกอหิ้วมือยิงธนูผู้เป็นเชลยลำดับหนึ่ง กระโดดลงจากหลังคา

“จับเป็นสองสามคน ที่เหลือสังหารทิ้งให้หมด”

การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างว่องไว แต่ก็จบสิ้นอย่างว่องไว

คนในร้านค้าบริเวณใกล้ยังยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น การต่อสู้ก็จบลงอย่างสิ้นเชิง

จับเป็นสามคน มือสังหารที่เหลือล้วนตายหมด

ทั้งคนเป็นทั้งคนตายล้วนถูกนำไปด้วย

ซากศพถูกทิ้งไว้หน้าประตูสำนักจินเจ้าอิ่น คนเป็นถูกเยียนอวิ๋นเกอหิ้วกลับจวนองค์หญิง

ศพแปดเก้าร่างถูกจัดวางไว้หน้าประตูสำนักราชการ ใต้เท้าจินเจ้าอิ่นอยากตายอย่างมาก

เยียนอวิ๋นเกอ เจ้ากำลังทำให้ข้าเดือดร้อน

เรื่องใหญ่เพียงนี้ ไม่ใช่สำนักจินเจ้าอิ่นเล็กๆ จะจัดการได้

หมดหนทาง ทำได้เพียงทูลเข้าไปในพระราชวัง

ส่วนภายในพระราชวังจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เขาควบคุมไม่ได้

เยียนอวิ๋นเกอหิ้วคนเป็นทั้งสามกลับไปถึงจวนองค์หญิง

เซียวฮูหยินตกใจเมื่อรู้ว่าระหว่างทางกลับนางถูกลอบสังหาร

เซียวฮูหยินจับมือของนาง มองบนมองล่าง “ไม่เป็นอันใดจริงหรือ ได้รับบาดเจ็บหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มขึ้นมา “ท่านแม่วางใจ ลูกสบายดี ไม่มีแม้แต่ถลอก ลูกยังจับเป็นได้สามคน มอบให้องครักษ์ พวกเขาจะหาทางซักถามออกมา”

เมื่อมั่นใจว่าบุตรสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ เซียวฮูหยินก็โล่งอก

“ออกไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่ดีๆ เหตุใดจึงมีคนลอบสังหารระหว่างทาง เจ้าเคยคิดหรือไม่ มือสังหารถูกส่งมาจากผู้ใด”

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า “ฤดูหนาวปีนี้ลูกทำเรื่องออกมาไม่น้อย ถูกคนจำนวนมากโกรธแค้น เวลานี้ลูกก็ยังไม่มั่นใจว่าผู้ใดต้องการชีวิตข้า”

เซียวฮูหยินพูดในทันที “ระยะนี้เจ้าอย่าออกจากจวนเลย เรื่องมีครั้งแรกย่อมมีครั้งที่สอง หากคนที่อยู่เบื้องหลังเห็นว่าลอบสังหารไม่สำเร็จ ส่งคนมาลอบสังหารเป็นครั้งที่สองจะทำอย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอตอบ “ข้าฟังท่านแม่ ระยะนี้ไม่ออกจากจวน”

เซียวฮูหยินได้ยินจึงโล่งใจ ก่อนจะพูดถึงเรื่องที่เยียนโส่วจ้านส่งจดหมายมา

“ท่านพ่อเจ้ามีจดหมายมา ลุงสองกับป้าสองของเจ้าจะติดตามตู้ซินแสมาเมืองหลวง นอกจากนี้เยียนอวิ๋นจือก็จะตามมาเปิดหูเปิดตาที่เมืองหลวงด้วย”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยิน ทำหน้าตกตะลึง

นางพึมพำ: “ใกล้จะปีใหม่แล้ว ท่านพ่อส่งคนมาเมืองหลวงในเวลานี้ทำอันใด ท่านลุงสองกับท่านป้าสองมาเมืองหลวงข้าเข้าใจได้ พวกเขาคงเป็นกังวลเยียนอวิ๋นเพ่ย แต่เยียนอวิ๋นจือมาทำอันใด”

เซียวฮูหยินพูด “การกระทำของเจ้าในเมืองหลวงย่อมไม่อาจปิดบังท่านพ่อของเจ้าได้ อย่าลืม เยียนอวิ๋นฉวนรายงานให้ท่านพ่อของเจ้าอยู่เสมอ ลุงสองกับป้าสองของเจ้า รวมทั้งเยียนอวิ๋นจือล้วนไม่สำคัญ คนที่สำคัญคือตู้ซินแส เขาเป็นกุนซือสำคัญข้างกายท่านพ่อของเจ้า เขามาเมืองหลวง ย่อมได้รับคำสั่งมาทำงาน เจ้าเตรียมตัวเอาไว้ คิดดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอกัดฟัน ปวดฟัน

นางพูด “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเยียนอวิ๋นฉวนมาเมืองหลวงย่อมไม่มีเรื่องดี ทั้งวันคิดแต่จะรายงานฟ้อง เรื่องเล็กน้อยของข้า เขาย่อมต้องบอกเล่าท่านพ่ออย่างละเอียดในจดหมาย ท่านพ่อเห็นข้าหาเงิน จะไม่โกรธได้อย่างไร เขาทนเห็นข้ามีเงินคนเดียวไม่ได้ ส่งตู้ซินแสมาเมืองหลวงก็เพื่อแย่งการค้าของข้า แบ่งกำไรของข้า”

ฮึ!

นางมองทะลุธาตุแท้ของบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านจนทะลุปรุโปร่งแล้ว

วางกับดักภรรยา วางกับดักบุตรสาว ไม่มีเรื่องที่เขาทำไม่ได้

เซียวฮูหยินถาม “หากตู้ซินแสรับคำสั่งมาแย่งการค้า เจ้าจะทำอย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด พูดขึ้น “รอคนมาถึง ดูการเคลื่อนไหวก่อนค่อยว่ากัน อย่างไรที่นี่เป็นเมืองหลวง อยู่ไกล มือของท่านพ่อเอื้อมมาไม่ถึง เพียงแค่ตู้ซินแสยังทำอันใดข้าไม่ได้”

เมื่อเห็นบุตรสาวมั่นใจ เซียวฮูหยินก็วางใจ

“ตู้ซินแสถึงเมืองหลวงยังมีอีกระยะหนึ่ง อาศัยเวลาช่วงนี้ เจ้าครุ่นคิดดูดีๆ ส่วนเรื่องมือสังหาร ข้าจะทวงความยุติธรรมให้เจ้าเอง”

เยียนอวิ๋นเกอเผยยิ้มด้วยความดีใจ “ขอบคุณท่านแม่!”

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท