ตอนที่ 118 เสบียง
หวังหยวนเหนียงแปลงค่าจ้างทั้งหมดที่เก็บออมไว้ในระยะเวลานี้เป็นเสบียง ก่อนจะมอบให้ตาหวังคนซื่อผู้เป็นบิดา
“ข้ากักตุนเสบียงได้เท่านี้ ท่านพ่อ ท่านำกลับไปปรับปรุงอาหารของครอบครัว อย่างน้อยก็อิ่มได้ อีกครึ่งเดือนท่านมาใหม่ เมื่อถึงเวลานั้นข้าคงจะกักตุนเสบียงได้อีก”
“ได้ๆ…”
ตาหวังคนซื่อทำหน้าภูมิใจ บุตรสาวโตแล้ว เลี้ยงดูครอบครัวได้แล้ว มีความสามารถเสียจริง
เมื่อมองดูเสบียงครึ่งกระสอบ ตาหวังคนซื่อก็อถามด้วยความสงสัย “สวัสดิการในเรือนพักดีเพียงนี้เชียวหรือ”
หวังหยวนเหนียงรีบอธิบาย “เราใช้ระบบการทำงานแบบนับชิ้น ซึ่งหมายความว่าทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย”
ตาหวังคนซื่อหัวเราะ “บุตรสาวของข้ามีความสามารถเสียจริง ในเวลาเพียงสั้นๆ เจ้าสามารถหาเสบียงได้ถึงครึ่งกระสอบ เพียงพอสำหรับกินในระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็อย่าทำงานหนักเกินไป เก็บเงินไว้ใช้เองบ้างอย่างไรแล้วเจ้าก็จ้องออกเรือน ในเรือนไม่มีเงินเก็บเป็นสินสอดให้เจ้า เจ้าต้องพึ่งพาตัวเอง”
ดวงตาของหวังหยวนเหนียงแดงก่ำ “ข้ากินอยู่ในเรือนพัก ไม่กังวลหรอก หากแต่ในเรือนคงต้องอดข้าวแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทางการกินของน้องสอง นางก็รู้ว่าอย่างน้อยต้องอดกินมาแล้วสองสามมื้อ
ตาหวังคนซื่อถอนหายใจ “ข้าไม่มีความสามารถที่จะเลี้ยงดูพวกเจ้า”
“ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดเรื่องใดกัน! เราทุกคนเข้าใจสภาพในเรือนดี”
ตาหวังคนซื่อเผยรอยยิ้มออกมา
บุตรสาวโตแล้ว รู้เรื่องแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่ดี!
“ดูน้องชายของเจ้าหน่อย อย่าให้เขาอวดเก่งนัก งานเก็บมูลสัตว์เหนื่อยเกินไป เขายังกำลังเติบโต อย่าทำลายร่างกายของเขาเอง”
“ข้ารู้!”
พ่อและลูกทั้งสองอำลากัน
ในเวลานี้ หวังต้าจ้วงกำลังติดตามขบวนมุ่งหน้าไปยังแคว้นชีที่อยู่ใกล้ที่สุด
…
จี้เสี่ยวซื่อแห่งร้านผ้าสี่ฤดูเหมือนจะยุ่งมากขึ้นตั้งแต่เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นจั่งกุ้ย
ฤดูหนาวปีที่แล้ว ร้านผ้าสี่ฤดูขยายสาขาที่สองในเมืองหลวง
จี้เสี่ยวซื่อมีความทะเยอทะยานมาก เขาต้องการแข่งขันยอดขายกับสาขาสองในเมืองหลวง
ถึงจะเทียบไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจทิ้งห่างมากเกินไป
เขาหมดหวังอย่างมากในชั่วขณะหนึ่ง
กลุ่มผู้ลี้ภัยไม่มีเงิน!
แต่ตามการเปิดของตลาด ความปรารถนาในการจับจ่ายของผู้ลี้ภัยถูกกระตุ้น ธุรกิจของร้านผ้าสี่ฤดูก็ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
มีสตรีน้อยใหญ่มาเยี่ยมเยือนกิจการร้านผ้าสี่ฤดูในทุกวัน
ดี!
จี้เสี่ยวซื่ออารมณ์ดีอย่างมาก!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบรรดาพ่อบ้านและบ่างรับใช้ในเรือนพักมาเยี่ยมเยือนกิจการ อารมณ์ของเขายิ่งดีขึ้น
หากซินแสทั้งหลายต่างมาเยี่ยมเยือนกิจการของเขา อาทิหานฉีจง หานซินแสมายังร้านผ้าสี่ฤดู จี้เสี่ยวซื่อก็มักจะต้อนรับด้วยตนเอง อีกทั้งยังสามารถอารมณ์ดีไปได้หลายวัน
บรรดาซินแสทั้งหลายได้รับสวัสดิการที่ดี กล้าที่จะจ่ายเงินซื้อเสื้อผ้า พวกเขาคือลูกค้ารายใหญ่ของร้านผ้าสี่ฤดูอย่างแท้จริง
สำหรับลูกค้ารายใหญ่แล้ว จี้เสี่ยวซื่อมักจะทักทายอย่างอบอุ่น พยายามหลอกลูกค้ารายใหญ่จนหาทางกลับไม่ถูก
…
ตู้ซินแสเพียงแค่เดินเข้าไปดูในร้านผ้าสี่ฤดูเท่านั้น ไม่ได้วางแผนที่จะซื้อสิ่งใด
จี้เสี่ยวซื่อมีดวงตาที่เฉียบคม แม้ว่าเขาจะไม่รู้ภูมิหลังและตัวตนของตู้ซินแส แต่เพียงแค่มอง เขาก็สามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายคือลูกค้ารายใหญ่
ในเมื่อเป็นลูกค้ารายใหญ่ เขาย่อมต้องจับให้มั่น
เขาไม่สูญเสียความกระตือรือร้น แต่ก็ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกถูกเยินยอ “ลูกค้าอยากซื้อสิ่งใดขอรับ พวกเรามี…”
“แค่มาดู!” ตู้ซินแสขัดเขา
เขาตอบด้วยรอยยิ้ม “ลูกค้าสามารถดูได้ตามต้องการ หากท่านมีความต้องการใด เพียงแค่เรียกเท่านั้น”
จี้เสี่ยวซื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่มีความคิดของตนเองอย่างมาก จึงไม่ติดตามอยู่ข้างกายอีกฝ่ายให้รำคาญใจ หากแต่เฝ้ารออยู่ที่ระยะไกล เตรียมพร้อมเดินขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายมีความต้องการ
สินค้าของร้านผ้าสี่ฤดูจัดวางอย่างเปิดเผย สามารถสัมผัสได้ด้วยมือ ชุดสำเร็จรูปก็สามารถลองสวมใส่ได้
เมื่อไม่มีคนส่งเสียงดังอยู่ข้างตัว
ตู้ซินแสก็รู้สึกว่าประสบการณ์การซื้อของในคราวนี้ดีไม่น้อย
เขาเกลียดคนมาพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูของเขา
เขาชำเลืองมองจี้เสี่ยวซื่อ เขาเป็นจั่งกุ้ยที่รู้งาน
มิน่าร้านผ้าสี่ฤดูจึงสามารถอยู่รอดในเรือนพัก
เขาเป็นเจ้าของร้านที่มีความรู้ลี้ภัยขนาดเล็ก
กำลังซื้อของผู้ลี้ภัย ใช้หัวแม่เท้าคิดยังคิดได้
อยากจะได้เงินของพวกเขา ช่างเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก!
ร้านผ้าสี่ฤดูสามารถอยู่รอดได้ ทำให้ผู้ลี้ภัยเต็มใจจับจ่ายได้ ท่าทีในการบริการย่อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน
ตู้ซินแสสำรวจในเวลาเลิกงานยามค่ำ เวลาเพียงหนึ่งดอกธูป ร้านขายผ้าก็มีลูกค้าเข้ามาสามกลุ่ม
พื้นที่ราคาถูก พื้นที่ราคาแพงแบ่งแยกจากกันอย่างชัดเจน ไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน
พื้นที่เครื่องประดับก็แยกออกจากกัน
ร้านขายผ้าขนาดเล็กมีการแบ่งพื้นที่อย่างเหมาะสม ครบครันอย่างมาก
สิ้นค้าเตรียมไว้อย่างเพียบพร้อม ฝีมือดี
ตู้ซินแสเลือกปิ่นไม้หลายชิ้น งานแกะสลักดีไม่น้อย จากนั้นจ่ายเงินจากไป
จี้เสี่ยวซื่อพลางห่อปิ่นไม้พลางพูด “ซินแสยังต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่ขอรับ พวกเรามีถุงหอมเข้ามาใหม่ นอกจากกลิ่นดอกมะลิ ดอกกุ้ยฮวาที่พบบ่อยแล้ว ยังมีกลิ่นดอกโบตั๋น กลิ่นสมุนไพรด้วย…”
จี้เสี่ยวซื่อมองออกว่าซินแสตรงหน้าเขามีวิสัยทัศน์ที่สูงส่ง เขาอาจไม่ชอบสินค้าในร้าน
แต่อีกฝ่ายกลับซื้อปิ่นไม้ ดังนั้นเขาจึงเกิดความคิดเริ่มเสนอขายถุงหอม
เขาคิดว่าลูกค้าตรงหน้าอาจชอบสิ่งของที่ไม่ซ้ำผู้ใด
ราคาเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือต้องเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายชอบ
เมื่อตู้ซินแสได้ยินว่ามีกลิ่นนุ่น เขาก็พูดขึ้นทันที “เอาถุงหอมกลิ่นนุ่นมาให้ข้าดูหน่อย”
“ได้ขอรับ!”
จี้เสี่ยวซื่อไม่เพียงหยิบเอาถุงหอมกลิ่นนุ่นออกมา เขายังหยิบถุงหอมกลิ่นที่พบน้อยออกมาด้วย
ธุรกิจไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำให้ดีที่สุด
การเย็บปักถักร้อยของถุงนั้นดีมาก สามารถมองออกว่าเป็นฝีมือของนางปักมืออาชีพ ไม่ได้เป็นเพียงขยะหลอกลวง
อีกทั้งกลิ่นในถุงหอมเป็นกลิ่นเฉพาะตัวอีกด้วย
“พวกเจ้ามีวิธีการพิเศษในการทำถุงหอมหรือ”
กลิ่นหอมดอกไม้ติดทนนาน ไม่ฉุน เหมาะห้อยเอวเสียจริง
จี้เสี่ยวซื่อพูดด้วยรอยยิ้ม “ลูกค้าสายตาหลากแหลมนัก ถุงหอมของพวกเราผลิดมาจากอาจารย์มากฝีมือ รับประกันได้ว่าเป็นมีเพียงเจ้าเดียว”
ตู้ซินแสถาม “ร้านผ้าสี่ฤดูในเมืองหลวงเป็นของพวกเจ้าหรือ”
โอ้ ลูกค้าผู้นี้มาจากเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นแขกของเถ้าแก่
จี้เสี่ยวซื่อกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ร้านผ้าสี่ฤดูในเมืองหลวงเป็นสาขาที่สองของพวกเรา ร้านที่นี่เป็นสาขาแรกขอรับ”
ตู้ซินแสยิ้ม “เถ้าแก่พวกเจ้าทำการค้าน่าสนใจ เปิดร้านผ้าไม่เปิดในเมืองหลวงก่อน หากแต่เลือกเปิดในเรือนพักที่ห่างไกล ร้านในเมืองหลวงกลายเป็นสาขาที่สอง น่าสนใจเสียจริง”
จี้เสี่ยวซื่อพูดด้วยรอยยิ้ม “ลูกค้าไม่รู้ ร้านของพวกเราตั้งมั่นในการให้บริการแก่ผู้ลี้ภัยตั้งแต่แรก ไม่ได้คาดหวังจะได้กำไร ต่อมาการค้าดีขึ้น จึงคำนึงที่จะเปิดสาขาในเมืองหลวง”
คำพูดนี้ฟังได้ แต่เชื่อไม่ได้
เปิดร้านทำการค้า ไม่หวังกำไรได้อย่างไร
การให้บริการผู้ลี้ภัยเป็นเพียงวิธีการหาเงินอย่างหนึ่ง
เขายิ้ม ภายในใจชื่นชมเยียนอวิ๋นเกอ
นางมีกลอุบายที่ดี
ผู้ลี้ภัยเหน็ดเหนื่อยจากการบุกเบิกเพื่อกักตุนเสบียงอาหาร สุดท้ายเสบียงเหล่านั้นก็กลับไปในมือของนาง
ผู้ลี้ภัยยังต้องรู้สึกซาบซึ้งที่นางนำความสะดวกสบายมาสู่ชีวิตของพวกเขา
ไม่แปลกใจเลยที่เยียนอวิ๋นเกอจะไม่ขาดแคลนเสบียง เพราะแต่ละวันนางมักจะมีเสบียงกลับเข้าไปในโกดัง
ถ้าเยียนอวิ๋นเกอรู้ว่าตู้ซินแสคิดเรื่องใดอยู่ นางคงจะตอบรับเขาด้วยคำว่า “ถุย!”
การบริโภคในแต่ละวันของผู้ลี้ภัยมีจำกัด ดังนั้นเสบียงเพียงเล็กน้อยจะใช้ทำสิ่งใดได้
คิดว่านางหาเงินจากผู้ลี้ภัยได้มากมาย แต่ไม่คิดว่านางยังห่างไกลจากการได้ทุนคืน
กำไรเพียงแค่นั้นไม่เพียงพอกับเศษเสี้ยวของทุนที่นางลงไป
ปีนี้ นางเกณฑ์ผู้ลี้ภัยอีกหลายพันคนเพื่อมาบุกเบิกที่ดิน
ผู้ลี้ภัยรวมทั้งหมดเกือบสองหมื่นคน เพียงแค่เสบียงที่จ่ายให้ผู้ลี้ภัยก็เป็นตัวเลขมหาศาลแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงซื้อเสบียงเก่าจากสำนักเซ่าฝู่มากอีก
นางจะกลายเป็นผู้บริโภคอาหารรายใหญ่ของสำนักเซ่าฝู่อยู่แล้ว ขุนนางในสำนักเซ่าฝู่ดีใจจนไม่อาจหุบยิ้มได้
ในที่สุดเสบียงเก่าที่เก็บอยู่ในโกดังก็มีที่ไป อีกทั้งยังขายได้เงิน
ตู้ซินแสสุ่มเลือกถุงหอมห้าใบ รวมกับปิ่นก่อนหน้านี้ ใช้เงินไปทั้งหมดสองก้วน
อืม…สินค้าที่ตู้ซินแสเลือกล้วนเป็นสินค้าดี ราคาสูง
หลังจากค้าขายได้ จี้เสี่ยวซื่อก็พอใจอย่างมาก เขาส่งตู้ซินแสออกจากร้านด้วยตนเอง
ตู้ซินแสหันหลังกลับเข้าไปในร้านขายของชำข้างๆ
ร้านขายของชำมีสินค้าหลากหลาย พื้นที่คับแคบ จึงไม่น่าดึงดูดสำหรับตู้ซินแส
แต่เขาสามารถคาดเดารายรับและรายจ่ายของผู้ลี้ภัยผ่านร้านขายของชำ
หลังจากการสำรวจในระยะเวลาหนึ่ง ตู้ซินแสก็มีความเข้าใจต่อเรือนพักร่ำรวยไม่น้อย
วิธีการดำเนินการก็กระจ่างแล้ว
สรุปแล้ว การบุกเบิกไม่อาจอาศัยการบุกเบิกเพียงอย่างเดียว ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับทำให้ผู้ลี้ภัยเห็นถึงความหวัง
สำหรับสิ่งที่พบเห็นในระยะนี้ ตู้ซินแสตั้งใจจะเขียนรายงานส่งกลับไปให้ท่านโหว เยียนโส่วจ้าน
บางทีแคว้นซ่างกู่ก็สามารถเลียนแบบเรือนพักร่ำรวย เกณฑ์ผู้ลี้ภัยมาบุกเบิก เพิ่มปริมาณในการผลิตเสบียง
หากมีเสบียงที่เพียงพอแผนการขยายกำลังทหารของท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านก็สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
หากไม่มีเสบียงที่เพียงพอย่อมมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย ง่ายต่อการถูกผู้อื่นควบคุม
เสบียงคือรากฐาน
เมื่อมีเสบียงที่เพียงพอ คนย่อมมีความมั่นใจ
ตระกูลหลิงมีเสบียงมากมาย กินสิบปีก็กินไม่หมด ดังนั้นพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจในการส่งหลิงฉางจื้อไปเป็นขุนนางในเมืองหลวง โจมตีตระกูลขุนนางชั้นนำในเวลานี้
…
เมื่อกลับไปถึงเรือนพัก ตู้ซินแสวางแผนจะเจรจากับเยียนอวิ๋นเกอ
ล่าช้ามาเป็นเวลานานแล้ว การทำนาในฤดูใบไม้ผลิจบสิ้นลงแล้ว ไม่อาจยืดเยื้อต่อไปได้อีก
เยียนอวิ๋นเกอก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องเจรจา รีบส่งตู้ซินแสและสองสามีภรรยาบ้านรองกลับจวนโหว
สองสามีภรรยาบ้านรองสร้างความวุ่นวายไม่น้อยในเมืองหลวง
อย่างไรพวกเขาก็แซ่เยียน พวกเขากระทำการโดยอ้างตระกูลเยียน
เยียนอวิ๋นเกอรำคาญพวกเขาทั้งสอง
แต่ว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง นางย่อมไม่มีทางเป็นฝายหาเรื่องก่อน
เมื่ออาเป่ยมารายงาน “คุณหนู ตู้ซินแสขอพบเจ้าค่ะ”
“ให้เขาเข้ามา!”
ตู้ซินแสถูกเชิญเข้าห้องตำรา
เขามองห้องตำราที่เต็มไปด้วยตำรามากมาย ตู้ซินแสประหลาดใจเล็กน้อย
พื้นที่ห่างไกลจำเป็นต้องมีตำรามากมายเพียงนี้หรือ
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ตู้ซินแสสงสัยตำราในชั้นวางใช่หรือไม่ ไม่ปิดบังซินแส ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นตำราที่ซินแสสอนหนังสือทั้งหลายแต่งขึ้นมา อีกทั้งยังมีบทกวีและตำราที่ข้ารวบรวมมาจากที่อื่น ในนี้ไม่มีตำราที่มีเพียงเล่มเดียวหรือตำราหายาก ซินแสไม่ต้องสนใจ”
ตู้ซินแสหัวเราะร่า “คุณหนูพูดตลกแล้ว คุณหนูพูดถึงบทกวี ข้าสนใจยิ่งนัก ไม่รู้สามารถยืมอ่านได้หรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอตอบรับ “ตู้ซินแสอยากยืมอ่านเพียงแค่บอกเท่านั้น หากตู้ซินแสสามารถทิ้งผลงานเอาไว้ ให้ผู้คนได้เห็นและชื่นชมความสามารถของซินแสคงจะยิ่งดี!”
โอย คุณหนูสี่ไม่ทำการค้าที่ขาดทุนเสียจริง
ทิ้งบทกวีฉบับหนึ่งเอาไว้ย่อมได้
ดังนั้นเขาจึงรับปากทันที