ตอนที่ 131 ตายอย่างไร้เสียง
องค์หญิงติ้งเถาร้องไห้โฮ
นางไม่กล้าไม่ร้อง!
นางกลัวว่าหากไม่ร้อง นางจะจบชีวิต!
นางร้องไห้จนเหนื่อยหอบ ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหล
เถาฮองเฮามองนางร้องไห้ด้วยสีหน้าเย็นชา
ส่วนเซียวเฉิงเหวินกลับรู้สึกสนใจราวกับพบของเล่นชิ้นใหม่
องค์หญิงติ้งเถาร้องไห้อยู่ครึ่งชั่วยาม ร้องจนเสียงของนางแหบแห้ง
ระหว่างนี้ไม่มีผู้ใดขัดนาง หรือเกลี้ยกล่อมให้นางหยุดร้อง
แม้แต่ ‘หยุดร้องได้แล้ว’ ที่แสดงออกถึงความรำคาญก็ยังไม่มีผู้ใดพูด
ภายในตำหนักใหญ่ ทุกคนต่างมองนางร้องไห้ด้วยความเย็นชา
องค์หญิงติ้งเถารู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แทรกซึมเข้าไปในกระดูกเป็นครั้งแรก
นางร้องไห้ไม่ไหวแล้ว!
นางเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าการร้องไห้ ไม่เพียงสิ้นเปลืองแรงยังเจ็บคอ และเปลืองสมอง
นางสะอื้นเสียงเบา หัวไหล่กระตุกตามการสะอื้น ท่าทางน่าสงสารอย่างมาก
นางแอบสังเกตปฏิกิริยาของเสด็จแม่และเสด็จพี่สอง ภายในใจยิ่งหวาดกลัว
นางกลัวจนไม่กล้าพูด
นางไม่เคยเห็นสีหน้าจริงจังเพียงนี้ของเสด็จแม่มาก่อน
เถาฮองเฮารำคาญใจอย่างมาก
หากติ้งเถาไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของนางแล้วบังอาจแอบฟัง นางคงรับสั่งให้ลากลงไปประหารแล้ว
แต่คนที่แอบฟังดันเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของนาง นางจะทำอย่างไรได้
“พูดมาเถิด แอบฟังตั้งแต่เมื่อใด ฟังไปมากเท่าใดแล้ว”
องค์หญิงติ้งเถาพูดอย่างระมัดระวัง “ก็ ก็แค่ฟังไม่กี่ประโยค ได้ยินเสด็จพี่สองตรัสว่าให้เสด็จพี่สามอภิเษกกับเถาชี จากนั้น…”
เถาฮองเฮาหัวเราะขึ้นมา “ได้ยินเพียงเท่านี้ เหตุใดเจ้าต้องกลัว”
องค์หญิงติ้งเถาประหม่า “หม่อมฉันกลัวเสด็จแม่ทรงโกรธ การแอบฟังเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง”
“เจ้าก็รู้ว่าการแอบฟังไม่ถูกต้อง เหตุใดจึงยังแอบฟังอีก” เถาฮองเฮายิ้มมีนัย
องค์หญิงติ้งเถาพูดอย่างหวาดกลัว “หม่อมฉันมานานแล้ว รอคอยอยู่ที่ตำหนักด้านข้าง นางในบอกว่าเสด็จแม่ทรงพูดคุยกับเสด็จพี่สองอยู่ หม่อมฉันอยากรู้ว่าทรงคุยเรื่องใดกันต้องใช้เวลานานเพียงนี้ ดังนั้นจึงแอบฟัง หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังจริงๆ นะเพคะ หม่อมฉันพูดความจริงนะเพคะ”
เถาฮองเฮามององค์ชายสองเซียวเฉิงเหวิน “เจ้าคิดว่าควรจัดการอย่างไร”
เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “น้องหญิงอายุมากแล้ว ถึงเวลาไตร่ตรองเรื่องคู่ครอง ให้นางอยู่ในวังหลวงเรียนกฎระเบียบกับแม่นมเถิด เวลาใดที่เรียนได้ดีแล้ว ค่อยให้นางกลับจวนองค์หญิง”
เถาฮองเฮาได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “วิธีนี้ดี! ติ้งเถา นับแต่วันนี้เจ้าอยู่ในตำหนักเว่ยยาง ศึกษากฎระเบียบให้ดี”
ให้ติ้งเถาอยู่ในวังหลวงเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข่าว
เมื่อจัดการทางเถาชีแล้ว ค่อยปล่อยติ้งเถาออกจากวังหลวง
เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องก็จบสิ้นลงแล้ว ไม่ต้องกลัวติ้งเถาทำให้เสียเรื่อง
องค์หญิงติ้งเถาอ้าปาก มองเซียวเฉิงเหวิน พลันเรียกขาน “เสด็จพี่สอง?”
เซียวเฉิงเหวินมองนาง “น้องหญิงไม่ยอมอยู่ในวังหลวงหรือ”
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้ม
แต่องค์หญิงติ้งเถากลับตัวสั่นเทา รู้สึกหวาดกลัวอย่างประหลาด
นางส่ายหน้าระรัว “ไม่ ไม่ใช่ ข้ายอมอยู่ศึกษากฎระเบียบในวังหลวง”
เซียวเฉิงเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม “ดีมาก! ติ้งเถาโตแล้ว รู้เรื่องแล้ว เสด็จแม่กับข้าต่างรู้สึกดีใจอย่างมาก”
ติ้งเถาก้มหน้า พูดเสียงเบา “ขอบพระทัยเสด็จพี่สอง”
เวลานี้ นางมีเพียงความรู้สึกกลัวต่อเซียวเฉิงเหวิน ความกลัวที่ไร้สาเหตุ
หวาดกลัวยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับเสด็จแม่และเสด็จพ่อ
แต่ก่อน นางเคยดูถูกเสด็จพี่สองเซียวเฉิงเหวิน คิดว่าเขาเป็นแค่คนป่วยที่ไร้ประโยชน์
แต่เวลานี้นางกลับรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
เมื่อคนป่วยอาละวาดย่อมบ้าคลั่งกว่าคนทั่วไปร้อยเท่า
เหมาเส้าเจี้ยนพาองค์หญิงติ้งเถาลงไป ให้คนเฝ้าเอาไว้อย่างแน่นหนา
เซียวเฉิงเหวินก็เตรียมออกจากวังหลวง
เถาฮองเฮาเอ่ยเตือน “ให้เถาชีไปอย่างสงบ อย่าให้นางเจ็บปวดมากเกินไป อย่างไรแล้วนางก็เป็นหญิงสาวที่ดี ผิดที่เกิดอยู่ในตระกูลเถา”
“เสด็จแม่วางใจ นางจะจากไปอย่างสงบ”
…
เถาชีตากระตุกอย่างประหลาด
ภายในใจมีลางสังหรณ์ไม่ดี
นางรู้สึกหวั่นใจอย่างไร้สาเหตุ ยากที่จะกินอิ่มนอนหลับ
นางหาสาเหตุไม่เจอ ความรู้สึกตื่นตระหนกนับวันยิ่งรุนแรงขึ้น
นางครุ่นคิด ก่อนจะส่งจดหมายเทียบเชิญให้จ้งซูอวิ้น เชิญจ้งซูอวิ้นไปชมทิวทัศน์ที่วัดไป๋อวิ๋น ถือว่าผ่อนคลาย
จ้งซูอวิ้นได้รับจดหมายเทียบเชิญ นางเกิดความลังเลเล็กน้อย
นางขอคำชี้แนะจากองค์หญิงเฉิงหยางผู้เป็นมารดา
“ท่านแม่ ข้าจะออกไปเที่ยวเล่นชมทิวทัศน์กับเถาชีดีหรือไม่”
องค์หญิงเฉิงหยางทำหน้าบึ้ง “คำถามนี้ต้องคิดอีกหรือ รีบปฏิเสธเสีย เวลานี้ตระกูลเถาเป็นตัวซวย อย่าได้แปดเปื้อน เจ้าออกไปกับเถาชี ระวังจะซวยไปด้วย”
จ้งซูอวิ้นตอบรับ พลันเขียนจดหมายปฏิเสธเถาชี
เถาชีได้รับจดหมายตอบกลับของจ้งซูอวิ้น นางเสียดายอย่างมาก
ตระกูลเถาอยู่ในสถานการณ์ไม่ดีนัก สหายที่สนิทชิดเชื้อแต่ก่อนตัดขาดความสัมพันธ์กับนางแทบทั้งหมด
มีเพียงจ้งซูอวิ้นที่ยังคงติดต่อ
นางคิดว่าจ้งซูอวิ้นแตกต่างกัน ไม่คิดว่านางจะเหมือนกับผู้อื่น สุดท้ายก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับนาง
นางถอนหายใจ
ไม่อาจโทษผู้อื่นได้
ต้องโทษตระกูลเถาที่โชคร้าย เกิดเรื่องอย่างต่อเนื่อง สูญเสียอย่างมาก
แต่ว่านางยังคงยืนกรานที่จะเดินทางไปสักการะที่วัดไป๋อวิ๋น
ภายในใจกระวนกระวาย นางต้องการขอความสบายใจ
เถาฮูหยินก็คิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายของตระกูล
วันที่สิบห้านี้ สตรีในตระกูลเถาต่างเดินทางไปสักการะในวัดไป๋อวิ๋น
อีกทั้งยังอยู่รับประทานอาหารมังสวิรัติในวัด
อูฐที่ผอมตายตัวใหญ่กว่าม้า
ถึงแม้ตระกูลเถาอยู่ในขาลง แต่พวกเขาไม่ขาดแคลนเงิน สิ่งที่ขาดคือโชคและอำนาจ
เมื่อถวายปัจจัยให้วัดไป๋อวิ๋น วัดไป๋อวิ๋นจึงต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
เถาชีฉวยโอกาสไปเดินเล่นที่เขาด้านหลังวัดไป๋อวิ๋น
เถาฮูหยินกำชับนาง “ระวังหน่อย! พาบ่าวรับใช้ไปด้วย หากมีเรื่องให้รีบกลับมา”
“ข้าเชื่อฟังท่านแม่เจ้าค่ะ”
เถาชีพาบ่าวรับใช้ไปยังภูเขาด้านหลัง
ใบไม้สีเหลืองทอง กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ ทิวทัศน์บนเขาด้านหลังวัดไป๋อวิ๋นงดงามจนทำให้คนหลงใหล
วัดไป๋อวิ๋นโด่งดังเรื่องทิวทัศน์ หนึ่งคือดอกเหมยในฤดูหนาว สองคือใบไม้สีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง แต่ละพื้นที่ล้วนเป็นทิวทัศน์ แต่ละจุดล้วนทำให้คนยากที่จะลืมเลือน
เมื่อเดินอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ที่งดงาม อารมณ์ของนางก็ดีขึ้นไม่น้อย
เมื่อเดินจนเหนื่อย นางนั่งลงที่ศาลา ดื่มน้ำสดชื่นแก้วหนึ่งลงท้องก็ทำให้รู้สึกมีพลังกลับมา
นางเดินต่อเข้าไปยังส่วนลึกของป่า ใบไม้สีเหลืองทองปิดบังท้องฟ้า
นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
รู้สึกเพียงวิงเวียน ก่อนจะหน้ามืดล้มลงบนพื้น
“คุณหนู! คุณหนูเป็นอันใดเจ้าคะ”
“รีบพยุงคุณหนูขึ้นมา”
“คุณหนูสลบไปแล้ว รีบพาคุณหนูลงเขา”
บ่าวรับใช้ต่างกระวนกระวาย
หญิงรับใช้ที่รูปร่างกำยำแบกเถาชีขึ้นวิ่งลงจากเขา
สลบไปอย่างไร้สาเหตุ หรือจะเป็นลมแดด
แต่อากาศไม่ร้อนแม้แต่น้อย!
เถาชีสลบไม่ฟื้น เถาฮูหยินหมดอารมณ์กินอาหาร นางพาคนในตระกูลลงจากเขา เชิญไต้ฟูอย่างรีบร้อน
ไต้ฟูมาแล้ว และจากไปแล้ว!
หมอหลวงมาแล้ว แต่ก็จากไปแล้ว!
พวกเขาล้วนส่ายหน้าอย่างไม่มีข้อยกเว้น แสดงว่าหมดความสามารถ
แม้แต่สาเหตุยังหาไม่ได้ พวกนางไม่รู้จะเริ่มจากที่ใด
แม้แต่ใช้ยาก็ไม่อาจเรียกเถาชีให้ตื่นขึ้นมาได้
เถาฮูหยินร้องไห้หนัก
“คนดีๆ ทั้งคน เพียงแค่ไปชมทิวทัศน์ที่วัดไป๋อวิ๋น ข้างตัวไม่เคยห่างคน แต่สุดท้ายกลับสลบไปอย่างไร้สาเหตุ ย่อมต้องเป็นพระในวัดไป๋อวิ๋นทำร้ายบุตรสาวอันเป็นที่รักของข้า ข้าจะให้วัดไป๋อวิ๋นชดใช้ด้วยชีวิต”
…
สามวันต่อมา
เถาชีนอนหลับไม่ตื่น นางตายไประหว่างการสลบ
จนกระทั่งตาย หมอหลวงก็ไม่อาจสืบหาสาเหตุที่นางสลบได้
สุดท้ายสรุปที่โรคที่ซับซ้อน
บนบันทึกอาการป่วยจึงมีโรคที่ประหลาดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งโรค โรคสลบ
เมื่อเถาชีตาย ทั้งตระกูลเถาต่างโศกเศร้า
เถาฮูหยินสลบไป ทำให้ทุกคนต่างตกใจ
ตระกูลเถาไม่อาจมีคนตายได้อีกแล้ว
โชคดีที่เถาฮูหยินแค่สลบแบบปกติ ใช้ยาก็ฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เถาฮูหยินทั้งร้องไห้ทั้งตะโกน “ย่อมต้องเป็นพระในวัดไป๋อวิ๋นที่ทำร้ายเถาชีของข้า นายท่าน ท่านต้องแก้แค้นให้บุตรสาวของพวกเรา!”
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาถอนหายใจ “ข้าส่งคนไปสืบที่วัดไป๋อวิ๋นแล้ว เวลานี้ยังไม่มีข้อสรุป วันนั้นสิ่งที่พวกเจ้ากินและดื่ม สิ่งที่ลูกสัมผัสล้วนตรวจดูอย่างละเอียด ไม่พบปัญหาแม้แต่น้อย”
เถาฮูหยินร้องไห้พลางพูด “ในนี้ต้องมีเรื่องประหลาด ย่อมต้องมีคนทำร้ายบุตรสาวของพวกเรา ท่านก็รู้ดีเกี่ยวกับสุขภาพของลูก ตั้งแต่เล็กแม้แต่เป็นหวัดยังเป็นไม่กี่ครั้ง จะสลบไม่ฟื้นอย่างไร้สาเหตุจนเสียชีวิตได้อย่างไร”
“แม้แต่หมอหลวงยังหาสาเหตุของลูกไม่เจอ เฮ้อ…”
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างต่อเนื่อง ผมของเขาขาวไปครึ่งหัว
เถาฮูหยินร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด “ลูกของข้า ผู้ใดที่ใจดำอำมหิตทำร้ายเจ้า ลูกเอ๋ย หากเจ้ารู้ความจริง เจ้ามาเข้าฝันแม่ แม่จะแก้แค้นแทนเจ้า”
การตายของเถาชีทำให้เถาฮูหยินล้มลง
…
หลายวันต่อมา องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ที่รู้ข่าวการตายของเถาชีรีบกลับมาจากค่ายทหารกองทัพเหนือ
เขาเร่งเดินทางกลับมา แม้แต่จวนองค์ชายยังไม่กลับไป เขาเดินทางมายังตระกูลเถาเพื่อส่งเถาชีเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อเขาเห็นร่างของเถาชี ดวงตาของเขาก็แดงก่ำในทันที
“คนดีๆ เหตุใดจึงไม่มีแล้ว ข้ายังคิดอยู่ว่ารอปลายปี รอนางไม่ต้องไว้ทุกข์ ข้าจะแต่งงานกับนาง”
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาได้ยิน ภายในใจชื้นใจขึ้นมา
องค์ชายสามเป็นคนที่มีคุณธรรมเสียจริง
เขาตบไหล่ขององค์ชายสาม “องค์ชายโปรดทรงปล่อยวาง! เถาชีของพวกเราไม่มีโชค ไม่อาจอภิเษกกับองค์ชายได้ เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง
ระยะนี้ นายท่านใหญ่ตระกูลเถาถอนหายใจมากกว่าที่ผ่านมาหลายสิบปี
ช่างยากลำบากเหลือเกิน!
ชีวิตของตระกูลเถา ยากลำบากเหลือเกิน!
โชคดีที่องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้มีคุณธรรม ยังจดจำตระกูลเถาและเถาชีได้
เขามีใจเช่นนี้ สิ่งที่ตระกูลเถาทุ่มเทไปก็ไม่เสียเปล่า
…
เนื่องจากเถาชีตาย องค์ชายสามเศร้าสลดไปหลายวัน
รองานศพจบสิ้น เขาจึงเข้าไปในวังหลวง
องค์หญิงติ้งเถายังถูกขังอยู่ในตำหนักเว่ยยาง นางได้พบกับเสด็จพี่สามเซียวเฉิงอี้
ทันทีที่พบหน้า ดวงตาของนางก็แดงก่ำ ร้องไห้อย่างไร้เสียง
เซียวเฉิงอี้เดินขึ้นหน้าปลอบนาง “เหตุใดน้องหญิงจึงร้องไห้ อย่าเสียใจเพื่อข้า ข้ากับเถาชีคงไร้วาสนาต่อกัน”
องค์หญิงติ้งเถาอ้าปากอยากจะพูดความจริง แต่ข้างกายมีนางในเฝ้าอยู่
นางทำได้เพียงพูด “เสด็จพี่สามรักษาตัว เถาชีไร้วาสนา โทษได้เพียงสวรรค์ไม่มีตา”
“เจ้าก็ต้องรักษาสุขภาพ ข้าเห็นเจ้าผอมลงไปแล้ว ได้ยินว่าเจ้ากำลังศึกษากฎระเบียบ แม่นมเข้มงวดต่อเจ้าเกินไปหรือ หากข้าได้พบเสด็จแม่ ข้าจะขอร้องแทนเจ้า ให้เจ้าพักสองวัน”
“ขอบคุณเสด็จพี่สาม! เสด็จพี่สามไม่ต้องขอร้องแทนข้า ระยะนี้ข้าได้เรียนรู้มาก พบว่าแต่ก่อนตนเองเอาแต่ใจเกินไป”
“น้องหญิงโตแล้ว! ข้าดีใจแทนเจ้าเสียจริง!”
“เสด็จพี่สามต้องรักษาตัว อย่าไปมาหาสู่กับพี่สอง”
“เจ้าพูดเหลวไหลอันใดกัน”
องค์หญิงติ้งเถาอ้าปาก แต่ไม่พูดสิ่งใดออกมา ทำได้เพียงยิ้มขมขื่น