คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 137 น่าสมเพช

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 137 น่าสมเพช

ร้านตีเหล็กของเรือนพักร่ำรวยกำลังแอบผลิตอาวุธและเกราะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่!

เรื่องใหญ่อย่างมาก

การแอบผลิตอาวุธภายใต้สายตาของฮ่องเต้เป็นเรื่องต้องห้าม!

หากถูกจับได้ล้วนต้องถูกประหาร!

เพื่อความปลอดภัย ร้านตีเหล็กจึงตั้งขึ้นในบริเวณเชิงเขาที่ห่างไกล มีเพียงถนนเส้นเดียวที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอก บริเวณทางเข้ามีคนเฝ้าไว้

โดยใช้ข้ออ้างว่าเพื่อป้องกันมีคนแอบดูวิธีการทำ

เหตุผลนี้ไม่เพียงสมเหตุสมผล อีกทั้งยังแข็งแกร่งมาก

ยุคสมัยนี้ ทุกคนต่างให้ความสำคัญกับฝีมือของตนเอง ไม่ถ่ายทอดให้ผู้อื่นอย่างง่ายดาย

การเปิดห้องเรียนเหมือนเรือนพักร่ำรวยที่เพียงแค่จ่ายเงินก็ถ่ายทอดวิชาการปลูกผักในฤดูหนาวนั้น ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์กว่านับพันปี

ความรู้เป็นทรัพยากรที่ขาดแคลน เป็นสิ่งที่มีมูลค่าอย่างมาก ไม่อาจถ่ายทอดให้ผู้อื่นอย่างง่ายดาย

หลักการเดียวกัน ฝีมือก็เป็นทรัพยากรที่ขาดแคลน เป็นสิ่งที่มีมูลค่าอย่างมาก ย่อมไม่อาจถ่ายทอดให้ผู้อื่น

ดังนั้นการมีคนเฝ้าอยู่บริเวณปากทางที่เชื่อมสู่ร้านตีเหล็กเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลในสายตาของทุกคน

สถานที่สำคัญเช่นนี้ หากไม่มีคนเฝ้าถึงจะแปลก

การแอบผลิตอาวุธอาจปิดบังผู้อื่นได้ แต่ไม่อาจปิดบังเยียนอวิ๋นฉวนและที่ปรึกษาหวังที่มีประสาทสัมผัสว่องไวได้

ดังนั้นเยียนอวิ๋นเกอจึงหาทางส่งคนออกจากเมืองหลวง

มิฉะนั้น หากเยียนอวิ๋นฉวนยังอยู่ในเมืองหลวงต่อ ไม่ช้าก็ต้องรู้ความลับของนาง

เมื่อเยียนอวิ๋นฉวนรู้ความลับของนาง ย่อมหมายความว่าบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านก็จะรู้ความลับของนาง

เยียนอวิ๋นฉวนเป็นบุตรชายที่ดี เขาไม่มีทางปิดบังเยียนโส่วจ้าน

เมื่อถึงเวลานั้น บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านย่อมต้องแทรกแซง

ถุย!

คราวนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เยียนอวิ๋นเกอก็ไม่ยอมให้บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านแทรกแซงร้านตีเหล็ก

สงครามทางใต้ราบรื่น

กองทัพเหนือและกองทัพใต้ที่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลใหญ่ อีกทั้งไม่ขาดแคลนเสบียง ทำสงครามชนะหลายครั้งติดต่อกัน

ข่าวนี้ถูกส่งมาถึงเมืองหลวง ผู้คนต่างมีขวัญกำลังใจ

แม้แต่ราษฎรในตลาดยังถกเถียง คราวนี้เหล่าท่านอ๋องพ่ายแพ้แล้วจริงๆ

ส่วนรายละเอียดอย่างเหล่าท่านอ๋องพ่ายแพ้เมื่อใดนั้นยังไม่แน่ชัด

ฮ่องเต้หย่งไท่ส่งคนมาเรียกเซียวฮูหยินเข้าเฝ้ากะทันหัน

ขุนนางฝ่ายในจากพระราชวังเดินทางมาถึงจวนท่านหญิง เร่งเร้าให้เซียวฮูหยินเดินทางเข้าเฝ้าฮ่องเต้โดยเร็ว

กะทันหันและรีบร้อนอย่างมาก!

เซียวฮูหยินใช้เงินเพื่อสืบข่าวจากขุนนางฝ่ายใน แต่ปากของขุนนางฝ่ายในปิดสนิทราวกับเปลือกหอยที่ไม่อาจแงะออกได้

ที่สำคัญคือในวังเร่งเร้าเช่นนี้ แค่ฟังก็ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว

เยียนอวิ๋นเกอพึมพำเสียงเบาด้วยความกังวล “ฮ่องเต้คงไม่ทรงทำร้ายท่านแม่ใช่หรือไม่”

เซียวฮูหยินถลึงตา “อย่าคิดเหลวไหล ฮ่องเต้ไม่ได้ทรงเสียสติ พระองค์จะทรงทำร้ายข้าในเวลานี้ได้อย่างไร เจ้าวางใจ ข้าจะรีบกลับมา เจ้าเฝ้าอยู่ในจวน อย่าได้ตื่นตระหนก”

“ลูกไม่ตระหนก! หากฮ่องเต้ทรงทำร้ายท่านแม่ ลูกจะหาทางช่วยท่านแม่ออกมา”

เซียวฮูหยินได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “ไม่ต้องให้เจ้าช่วย ข้าช่วยตัวเองได้”

หลังจากแต่งกายเรียบร้อย เซียวฮูหยินก็นำสาวรับใช้ติดตามขุนนางฝ่ายในเข้าวังไป

เยียนอวิ๋นเกอไปส่งจนถึงหน้าประตูมองมารดานั่งรถม้าจากไป

นางไม่อาจไม่กังวลใจได้ ฮ่องเต้ทรงเป็นคนที่ไร้สัจจะ

ดูจากจุดจบของตระกูลเถาเป็นตัวอย่าง

ตอนนั้นตระกูลเถาทำเรื่องสกปรกแทนฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงทำท่าที เจ้าเป็นแขนซ้ายแขนขวาของข้า

เมื่อรอตระกูลเถาหมดประโยชน์ ฮ่องเต้ก็ทรงเปลี่ยนท่าทีทันที เพียงแค่สุนัขรับใช้ของข้า ฆ่าทิ้งก็ฆ่าทิ้ง!

มีตระกูลเถาเป็นตัวอย่าง เยียนอวิ๋นเกอจะกล้าละเลยได้อย่างไร

นางให้คนส่งข่าวไปให้พี่สองเยียนอวิ๋นฉี จากนั้นก็ส่งคนไปรออยู่ที่หน้าประตูวัง เมื่อมีข่าวให้รีบรายงานทันที

รอตั้งแต่เช้ายันกลางคืน

เมื่อเห็นประตูวังใกล้จะปิดลง มารดาก็ยังไม่กลับมา

เยียนอวิ๋นเกอร้อนใจจนแทบจะถือมีดบุกเข้าวังหลวง

โชคดีที่ก่อนประตูวังจะปิดลงในเวลาสุดท้าย เซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาออกจากวังหลวงกลับมาถึงจวน

เยียนอวิ๋นเกอวางมีดดาบในมือลง เดินหน้าไปต้อนรับมารดากลับจวนที่ประตู

“ท่านแม่ ท่านไม่เป็นอันใด ช่างดีเสียจริง!”

เมื่อเห็นเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา เยียนอวิ๋นเกอดีใจอย่างมาก เดิมทีนางอยากกระโจนเข้าอ้อมกอดของอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นสีหน้าอ่อนเพลียของมารดา นางจึงห้ามตัวเองเอาไว้

สายตาของเซียวฮูหยินเหนื่อยล้า สีหน้าอ่อนเพลีย “ไปคุยในห้องตำรา!”

แม่ลูกทั้งสองมายังห้องตำรา

เยียนอวิ๋นเกอทั้งรินชาทั้งนวดไหล่

เซียวฮูหยินเผยรอยยิ้มที่ไม่เห็นมานาน นางหลับตาดื่มด่ำ

นางพูดขึ้น “จวนของตนเองสบายกว่าเสียจริง! ในวังเหนื่อยเหลือเกิน”

เยียนอวิ๋นเกอถามขึ้น “ฮ่องเต้ทรงทำให้ท่านแม่ลำบากใจหรือเจ้าคะ”

เซียวฮูหยินยิ้ม นางไม่ได้ตอบคำถาม หากแต่ถามกลับ “เจ้าลองคาดเดาดู ฮ่องเต้ทรงเรียกข้าเข้าวังเพื่อเรื่องใด”

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด “คงไม่ใช่เรื่องแต่งงานของข้า”

“ย่อมไม่ใช่เรื่องงานแต่งของเจ้า เจ้ายังเด็ก ยังไม่รีบร้อนเรื่องนี้ ฮ่องเต้ทรงเรียกเข้าเฝ้าเพราะเรื่องการเรียกคืนพื้นที่ศักดินา พระองค์ทรงต้องการให้ข้าส่งคืนพื้นที่ศักดินาแก่สำนักเซ่าฝู่เป็นตัวอย่าง”

เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าผงะ “อันใดนะเจ้าคะ ฮ่องเต้ทรงรีบร้อนเพียงนี้เชียวหรือ! สงครามทางใต้ยังไม่สิ้นสุด พื้นที่ศักดินาของเหล่าท่านอ๋องยังไม่ทันเรียกคืน พระองค์ก็ทรงรีบร้อนที่จะเรียกคืนพื้นที่ศักดินาของท่านแม่ ช่างเสียเกียรติเสียจริง”

“ชู่!” เซียวฮูหยินเตือนให้นางระวังกำแพงมีหู “อย่าส่งเสียงดัง การกระทำของฮ่องเต้เสียเกียรติไปบ้างเสียจริง”

เยียนอวิ๋นเกอกังวลอย่างมาก “ท่านแม่รับปากหรือไม่เจ้าคะ”

เซียวฮูหยินสายตาดูถูก “หากไม่รับปาก วันนี้ไม่อาจออกจากวังหลวงได้”

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “ฮ่องเต้ทรงข่มขู่ท่านแม่ใช่หรือไม่ ท่านแม่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่เจ้าคะ”

เซียวฮูหยินยิ้มเย้ยตนเอง พลันส่ายหน้า “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่ถูกขังไว้ในวังหลวง ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ตามใจ อารมณ์ไม่ดีนักเท่านั้น”

เยียนอวิ๋นเกอสีหน้าดำทะมึน “ฮ่องเต้ทรงรังแกกันเสียจริง! ภายในพระบรมวงศานุวงศ์มีคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์มากมาย แต่พระองค์ทรงเรียกท่านแม่ เพียงเพราะท่านแม่อ่อนแอรังแกง่าย”

เซียวฮูหยินตบหลังมือของเยียนอวิ๋นเกอ “ผู้ใดให้พวกเราอ่อนแอ ฮ่องเต้ย่อมต้องรังแก เจ้าไม่ต้องโกรธเคืองไป”

เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกสงสาร “ท่านแม่ยอมมอบพื้นที่ศักดินาคืนไป ฮ่องเต้ทรงมีการชดเชยใดหรือไม่”

เซียวฮูหยินยิ้มเสียดสี “เขาจะมีชดเชยได้อย่างไร! เขาใจแคบตั้งแต่เด็ก อยากได้ไปเสียทุกสิ่ง เขาไม่เอาชีวิตของข้าก็ใจกว้างอย่างหาได้ยากแล้ว”

“รังแกกันเกินไปแล้ว! พื้นที่ศักดินาของท่านแม่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้จงจ้ง เพื่อไม่ให้เกิดความโกรธแค้น พื้นที่ศักดินาจึงเป็นแคว้นจู้หยางที่ยากจน เขากลับอิจฉาพื้นที่นี้ ทั้งที่เป็นฮ่องเต้แต่กลับมีวิสัยทัศน์เพียงเท่านี้ เรียกคืนพื้นที่ศักดินา แต่ไม่ยอมให้ชดเชยแม้แต่น้อย ช่างน่าอับอายเสียจริง”

เยียนอวิ๋นเกอไร้ความเกรงกลัวแม้แต่น้อย

เมื่อฮ่องเต้ทรงกระทำการอย่างไม่ไตร่ตรองก็อย่าหาว่านางพูดจาว่าร้าย

เซียวฮูหยินได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “ฮ่องเต้ทรงมีความโลภและความทะเยอทะยาน หากเจ้าอยากให้เขาใจกว้างคงเป็นไปไม่ได้ ดูสิ่งที่เขาทำต่อตระกูลเถาก็พอจะรู้แล้ว”

ภายในใจของเยียนอวิ๋นเกอโกรธอย่างมาก “ท่านแม่จะทำอย่างไรเจ้าคะ จะไม่รับชดเชยแม้แต่น้อยเลยหรือเจ้าคะ”

ช่วงระยะก่อน นางยังยอมเจรจาเพื่อความสันติกับหลิงฉางจื้อเพื่อเรื่องนี้

เพื่อในเวลาที่จำเป็น หลิงฉางจื้อสามารถร่วมกับขุนนางในราชสำนัก เรียกร้องชดเชยให้ท่านแม่

อาจไม่ถึงขั้นทำให้ฮ่องเต้ขุ่นเคือง แต่ก็ไม่เสียเปรียบ

ดูจากการกระทำของฮ่องเต้ในเวลานี้ พวกนางต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน

เซียวฮูหยินหลับตาพักผ่อน

วันนี้ทั้งวัน นางปะทะกับฮ่องเต้อยู่ในวังหลวงจนเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก

นางครุ่นคิด พลันพูดขึ้น “เป็นเช่นนี้ไปก่อนเถิด! ทางด้านหลิงฉางจื้อ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว”

เพราะเหตุใด

เยียนอวิ๋นเกอประหลาดใจเล็กน้อย

เซียวฮูหยินพูด “รอดูทิศทางลมก่อน รอสงครามทางใต้สิ้นสุดลง ฮ่องเต้ย่อมต้องมีการเคลื่อนไหวใหญ่อย่างต่อเนื่อง หากเป็นไปตามคาด เมื่อถึงเวลานั้นย่อมมีคนกระโดดออกมา เมื่อถึงเวลานั้นค่อยหาทางเอาสิ่งที่เสียหายกลับมาก็ไม่สาย เวลานี้พวกเราอย่าได้เสนอหน้า”

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “หากท่านแม่คิดว่าน้ำหนักของหลิงฉางจื้อไม่เพียงพอ ยังมีอีกคนที่อาจทำให้ฮ่องเต้ทรงเกิดความกังวลได้”

“เจ้าหมายถึง”

“พี่เขยใหญ่ ท่านโหวผิงอู่ สืออุน”

ท่านโหวผิงอู่ สืออุน ซื่อจื่อแห่งอวี้โจว ผู้บัญชาการกองพลทหารม้ารถศึก ในมือมีกองกำลังมาก มีน้ำหนักเพียงพอ

หากเขายอมเรียกร้องความไม่เป็นธรรมแทนเซียวฮูหยิน เมื่อถึงเวลาฮ่องเต้ก็ต้องยอมแพ้

แม่ทัพใหญ่ที่ครอบครองกองกำลังเหล่านี้ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่กล้าแตะต้องอย่างง่ายดาย

คราวนี้เหล่าท่านอ๋องยกธงก่อกบฏ ฮ่องเต้ต้องดีใจที่แม่ทัพผู้มีความสามารถอย่างแท้จริงไม่ได้มีส่วนร่วม มีเพียงแม่ทัพเล็กส่วนหนึ่งที่ร่วมขบวนการ

หากมีแม่ทัพที่มีน้ำหนักเข้าร่วมการก่อกบฏของเหล่าท่านอ๋อง สงครามครั้งนี้จะมีผลลัพธ์อย่างไรคงพูดยาก

อย่างไรก็อย่าคาดหวังที่จะจบสิ้นสงครามในเวลานี้

เซียวฮูหยินขมวดคิ้วครุ่นคิด ท่านโหวผิงอู่ สืออุนมีน้ำหนักพอก็จริง หากเขายอมเอ่ยปาก ผลลัพธ์ย่อมไม่เหมือนกัน

แต่ว่า…

“ไม่อยากให้พี่ใหญ่ของเจ้าลำบากใจ! นางอยู่ในตระกูลสือไม่ง่ายนัก ให้ท่านโหวผิงอู่ออกหน้าแทนข้า เท่ากับติดหนี้บุญคุณ อีกทั้งบุญคุณนี้ยังยากที่จะคืน!”

เยียนอวิ๋นเกอพูด “หากท่านแม่กังวลว่าพี่ใหญ่จะลำบากใจ หรือไม่ท่านเขียนจดหมายไปให้พี่ใหญ่ เยียนอวิ๋นฉวน ให้เยียนอวิ๋นฉวนออกหน้าลองเชิงท่าทางของท่านโหวผิงอู่ และปิดบังทางพี่ใหญ่ไว้ก่อน”

เซียวฮูหยินครุ่นคิด พลันพยักหน้า “ต้องมั่นใจว่าปิดบังพี่ใหญ่ของเจ้าได้ อย่าให้นางลำบากใจอยู่ตรงกลาง นอกจากนี้ บอกเยียนอวิ๋นฉวน แค่ลองเชิงก็พอ หากท่านโหวผิงอู่ สืออุนไม่ยอมรับปาก ก็ถือว่าไม่เคยมีเรื่องนี้”

เยียนอวิ๋นเกอรับรองอีกครั้งว่าจะไม่ทำให้พี่ใหญ่ลำบากใจ

สุดท้ายยังคงต้องโทษฮ่องเต้ที่กระทำการอย่างไม่ไตร่ตรอง น่าสมเพชยิ่งนัก

ทั้งที่เป็นฮ่องเต้ แต่กลับกระทำเช่นนี้ ช่างทำให้คนดูถูก

เรียกคืนพื้นที่ศักดินากลับไป แต่ไม่ยอมให้เงินชดเชยแม้แต่น้อย ช่างน่าอับอาย

คืนนั้น เยียนอวิ๋นเกอยากที่จะนอนหลับ

ภายในใจของนางมีความโกรธอัดอั้นเอาไว้ ทำให้นางหงุดหงิดอย่างมาก

ไม่มีวิธีต่อต้านฮ่องเต้จริงหรือ…

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท