คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 147 ไม่อาจทำให้ผู้ใดพอใจได้

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 147 ไม่อาจทำให้ผู้ใดพอใจได้

องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ทำหน้าฉงน

จ้งซูหาวเดินทางมาถามคำถามที่เขาไม่ทันตั้งตัวอย่างกะทันหัน เขาผงะอยู่กับที่

“ข้าไม่เข้าใจความหมายของเจ้า เจ้าหมายความว่า ข้ากับซูอวิ้น ข้ามีการหมั้นหมายกับนางอย่างนั้นหรือ”

ในเมื่อไม่เข้าใจก็ถามให้กระจ่าง

เซียวเฉิงอี้ใจเย็นอย่างมาก

จ้งซูหาวพูดอย่างจริงจัง “ท่านแม่กำลังเจรจาเรื่องงานอภิเษกกับฮองเฮา ท่านแม่อยากจับคู่ให้องค์ชายกับซูอวิ้น แต่ฮองเฮาทรงไม่ยอมให้คำตอบเสียที ข้ามาเพื่อถามความคิดเห็นของท่าน ถามว่าท่านคิดอย่างไรกับซูอวิ้น ซูอวิ้นกินไม่ได้นอนไม่หลับเพื่อท่าน ข้าในฐานะพี่ชาย ไม่อาจทนเห็นนางทนทุกข์ทรมาน ได้หรือไม่ ท่านทรงให้คำตอบที่แน่ชัดมาเถิด”

เซียวเฉิงอี้เข้าใจในทันที

เพียงแต่เขายังคงฉงนเล็กน้อย “น้องซูอวิ้นกับข้า…เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่”

จ้งซูหาวทำหน้าบึ้ง “ข้าต้องว่างเพียงใดจึงวิ่งมาไกลปานนี้เพื่อล้อเล่นกับท่าน ซูอวิ้นปฏิบัติต่อท่านอย่างไร ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะไม่รู้สึกแม้แต่น้อย”

เซียวเฉิงอี้ก้มหน้าเงียบ

จ้งซูหาวอารมณ์ร้อน “องค์ชายทรงให้คำตอบที่กระจ่างมาเถิด! หากท่านทรงยอมอภิเษกกับซูอวิ้น ท่านก็ต้องทรงออกหน้าเรียกร้อง คิดว่าฮองเฮาย่อมต้องเคารพความคิดเห็นของท่าน หากท่านทรงไม่ยอม ท่านก็เขียนจดหมายให้ซูอวิ้น ปฏิเสธนางอย่างเด็ดขาดเสีย”

เซียวเฉิงอี้ได้ยินจึงหัวเราะเสียงขมขื่น

เขายกมือกล่าวขอบคุณ “ขอบใจที่เจ้าบอกข้าตามความจริง มิฉะนั้นข้าคงถูกปิดบังต่อไป น้องซูอวิ้นมีความรู้สึกอันลึกซึ้งต่อข้า ข้าเป็นคนทำให้นางผิดหวัง ในเมื่อนางมีใจ ข้าจะไร้เยื่อใยได้อย่างไร ข้ายอมอภิเษกกับนาง!”

จ้งซูหาวอ้าปากกว้าง คราวนี้ถึงตาเขาฉงน

เดิมทีเขาคิดว่าจะได้รับการปฏิเสธ อีกทั้งยังเตรียมพร้อมที่จะถูกปฏิเสธแล้ว นอกจากนี้เขายังคิดแล้วว่าจะกลับไปปลอบใจน้องสาวของตนเองอย่างไร

ไม่คิดว่าเซียวเฉิงอี้จะรับปาก

เขาสะบัดหัว “ท่านทรงพูดจริงหรือ ท่านยินดีที่จะอภิเษกกับซูอวิ้นจริงหรือ”

เซียวเฉิงอี้พยักหน้า “ใช่ ข้ายอมอภิเษกกับน้องซูอวิ้น รอข้าจัดการทางนี้เสร็จสิ้น ข้าจะเดินทางกลับเมืองหลวงเข้าเฝ้าเสด็จแม่ กำหนดงานอภิเษกลงมา”

“จริงหรือ”

จ้งซูหาวถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง

เซียวเฉิงอี้พยักหน้า “เรื่องใหญ่อย่างการอภิเษกจะล้อเล่นได้อย่างไร”

จ้งซูหาวบ่นอุบ “เหตุใดท่านจึงยินยอม! ข้าเตรียมพร้อมที่จะถูกปฏิเสธแล้ว อีกทั้งยังอยากฉวยโอกาสนี้ต่อยท่านสักหมัด แต่ท่านกลับรับปาก”

หากจ้งซูอวิ้นอยู่ในเหตุการณ์ ได้ยินเสียงบ่นของเขา เกรงว่านางจะตัดขาดกับพี่ชายคนนี้

ทำร้ายน้องสาวชัดๆ !

เซียวเฉิงอี้ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี

แต่ทันใดนั้นจ้งซูหาวก็ดีใจขึ้นมา “ท่านทรงรับปากก็ดี ซูอวิ้นจะได้มีความสุขเสียที ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ท่านทรงรีบจัดการ ข้าจะรอท่านที่เมืองหลวง”

จ้งซูหาวเดินทางไปกลับภายในวันนั้น พร้อมทั้งนำข่าวดีมาให้น้องสาว จ้งซูอวิ้น

จ้งซูอวิ้นเขินอายใบหน้าแดงในทันใด นางหลบอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา แอบดีใจอยู่คนเดียว

หลายวันหลังจากนี้ องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้กลับถึงเมืองหลวง เขาก็เข้าวังหลวงเข้าเฝ้าฮองเฮาทันที

“เจ้าพูดเรื่องใดกัน”

เมื่อเถาฮองเฮารู้ถึงเจตนาการเดินทางมาของเขาคืออภิเษกกับจ้งซูอวิ้น ทันใดนั้นเสียงของนางก็เพิ่มสูงขึ้น สีหน้าของนางดำทะมึนจนน่ากลัว

เซียวเฉิงอี้ฉงนเล็กน้อย

เวลานี้เขาถึงได้เชื่อว่าสิ่งที่จ้งซูหาวพูดไม่ใช่เรื่องหลอกลวง เสด็จแม่ทรงไม่พอพระทัยกับงานอภิเษกในครั้งนี้นัก ดังนั้นจึงไม่ยอมให้คำตอบองค์หญิงเฉิงหยางเสียที

เซียวเฉิงอี้สูดลมหายใจเข้า พูดอย่างจริงจัง “ขอเสด็จแม่โปรดอนุญาต กระหม่อมอยากอภิเษกกับน้องซูอวิ้นพ่ะย่ะค่ะ”

“เหลวไหล!”

เถาฮองเฮาสะบัดแขนเสื้อด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “เจ้ารู้ว่าเวลานี้สถานการณ์เป็นอย่างไรหรือไม่ เจ้าอยากอภิเษกกับจ้งซูอวิ้น ข้าไม่มีความคิดเห็น แต่เจ้าเคยคำนึงถึงความคิดเห็นของเสด็จพ่อของเจ้าหรือไม่ บทเรียนอย่างตระกูลเถา เจ้ามั่นใจหรือว่าเจ้าจะอภิเษกกับสตรีที่จะทำให้เสด็จพ่อเจ้าเกิดความระแวง”

เซียวเฉิงอี้ขมวดคิ้ว พลางพูด “น้องซูอวิ้นเป็นหลานสาวของเสด็จพ่อ เสด็จพ่ออาจจะไม่ทรง…”

“บนโลกนี้ไม่มีอาจจะ ยิ่งไปกว่านั้นเขาคือโอรสแห่งสวรรค์ เขาไม่เคยมีคำว่าอาจจะอยู่”

เถาฮองเฮาพูดขัดเขาเสียงแหลม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธและความผิดหวัง

สีหน้าของเซียวเฉิงอี้ย่ำแย่อย่างมาก “แต่กระหม่อมรับปากน้องซูอวิ้นแล้ว!”

“เจ้าเหลวไหล!”

เถาฮองเฮาโกรธจัด

แต่เวลานี้มีนางในมาทูลรายงาน องค์หญิงเฉิงหยางมาเยือน เวลานี้อยู่ที่หน้าประตูตำหนักเว่ยยางแล้ว

เถาฮองเฮาโกรธจนเลือดลมตีขึ้น นางหัวเราะเสียงเย็น “นางมาได้เวลาเสียจริง ดูท่าตอนที่เจ้าเข้าประตูเมืองมา คนของจวนองค์หญิงก็จับตาดูเจ้าแล้ว องค์หญิงเฉิงหยางถึงได้มาทันเวลาเช่นนี้ นางคงร้อนรนอยากจะบีบบังคับให้ข้าตอบรับเรื่องอภิเษก”

เซียวเฉิงอี้ไม่อาจโต้เถียงได้

องค์หญิงเฉิงหยางมาได้บังเอิญเกินไป นอกจากจับตาดูร่องรอยของเขาแล้ว หาเหตุผลอื่นไม่ได้

ทันใดนั้น เถาฮองเฮาก็สงบลง

“เชิญองค์หญิงเข้ามา ข้ากำลังคิดถึงนางพอดี”

จากนั้นนางก็กำชับเซียวเฉิงอี้ “เจ้าอย่าโผล่หน้าออกมา ไปรอที่ตำหนักด้านข้าง”

เซียวเฉิงอี้ลังเล

เถาฮองเฮาตวาดเสียงดุ “เหตุใดจึงยังยืนอยู่ เจ้าอยากอภิเษกกับจ้งซูอวิ้นเพียงนั้นเชียวหรือ ให้ข้าอนุญาตเจ้าวันนี้เลยดีหรือไม่”

เซียวเฉิงอี้อ้าปาก พลางหัวเราะเสียงขมขื่น

เดิมทีอยากตอบแทนความรู้สึกของจ้งซูอวิ้น เขาทำผิดต่อเถาชีแล้ว ไม่อยากทำผิดต่อหญิงสาวที่ให้ความจริงใจกับตนเองอีกหนึ่งคน แต่ไม่คิดว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจทำให้ผู้ใดพึงพอใจได้

หากไม่อาจอภิเษกได้ เขาจะมีหน้าอันใดไปพบพี่น้องตระกูลจ้ง

แต่หากจะยืนกรานที่จะอภิเษก เขาจะตอบแทนการเลี้ยงดูและอบรมของเสด็จแม่ที่มีต่อเขาได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ล้วนเป็นความผิดของเขา

เขาคำนึงไม่รอบคอบ ให้คำมั่นสัญญากับจ้งซูหาวทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จแม่ จึงเกิดสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนเช่นนี้

เขาหลบอยู่ในตำหนักด้านข้างคนเดียว ความคิดคุกรุ่นภายในใจ

ไม่รู้เสด็จแม่เจรจากับเสด็จอาเฉิงหยางเป็นอย่างไรบ้าง

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงถกเถียงกันอย่างดุเดือดดังขึ้น

ถึงแม้จะฟังเนื้อหาไม่ชัด แต่จากน้ำเสียงก็สามารถคาดเดาได้ว่าทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันอย่างเดือดดาล

ปัง!

เสียงหนึ่งดังขึ้น

มีของหนักหล่นลงพื้น

เซียวเฉิงอี้ไม่อาจทนนั่งต่อไปได้อีก เขาพุ่งตัวออกจากตำหนักด้านข้างวิ่งไปยังตำหนักใหญ่

เถาฮองเฮากับองค์หญิงเฉิงหยางต่างมีสายตาโหดเหี้ยมราวกับไก่ชน

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาทำลายบรรยากาศอึดอัดภายในตำหนัก

องค์หญิงเฉิงหยางเห็นเขาจึงหัวเราะร่า “องค์ชายสามมาพอดี ข้าอยากปรองดองกับฮองเฮา เจ้ายอมหรือไม่”

เซียวเฉิงอี้กระแอมไอเสียงเบา “ถวายบังคมเสด็จอา!”

เขามองไปทางเสด็จแม่ด้วยสายตาซักถาม

เถาฮองเฮาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบหนึ่งคำ “ปรองดองหรือ ได้! ติ้งเถายังไม่มีคู่หมาย ซูหาวเป็นเด็กดี พวกเขาสองคนจับคู่กัน ไม่รู้เฉิงหยางมีความคิดเห็นอย่างไร”

องค์หญิงเฉิงหยางผงะไป

เซียวเฉิงอี้ยิ่งผงะกว่า

เหตุใดเพียงชั่วพริบตา งานอภิเษกจึงกลายเป็นเรื่องของติ้งเถากับจ้งซูหาว

เถาฮองเฮาพูดขึ้นอีก “อย่างไรก็เป็นการปรองดอง ผู้ใดแต่งผู้ใดออกเรือนย่อมเหมือนกัน เป้าหมายสุดท้ายก็คือการปรองดองกัน”

ถุย!

แต่งสะใภ้กับแต่งบุตรสาวจะเหมือนกันได้หรือ

แต่งบุตรสาว เพียงแค่องค์ชายสามขึ้นครองราชย์ บุตรสาวของนางก็จะกลายเป็นฮองเฮา

แต่งสะใภ้ อีกทั้งยังเป็นคนนิสัยเสียอย่างองค์หญิงติ้งเถา นางเสียสติไปแล้วหรือ

นางเป็นมารดาผู้มีเมตตา ย่อมไม่มีทางทำร้ายบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง

องค์หญิงเฉิงหยางยิ้มเย็น “วิธีของฮองเฮาดีก็จริง แต่ว่าซูหาวของหม่อมฉันมีสตรีที่โปรดปรานอยู่ก่อนแล้ว รอเพียงเรื่องของซูอวิ้นเสร็จสิ้นลง หม่อมฉันจะเดินทางไปสู่ขอแทนเขาด้วยตนเอง”

“ไม่รู้สตรีตระกูลใดมีเกียรติถึงขั้นเข้าตาของเฉิงหยางได้เพียงนี้” เถาฮองเฮายิ้มมีนัย

องค์หญิงเฉิงหยางมีเงื่อนไขของลูกสะใภ้ที่สูงมาก สตรีทั่วไป เฮอะๆ เกรงว่านางคงจะไม่มองเสียด้วยซ้ำ

องค์หญิงเฉิงหยางพูดกลั้วหัวเราะ “เป็นความลับชั่วคราว รอหมั้นหมายแล้ว หม่อมฉันจะเชิญฮองเฮามาดื่มสุรามงคล”

“ได้สิ!”

“อย่างนั้นเรื่องของเฉิงอี้กับซูอวิ้น…”

องค์หญิงเฉิงหยางยังไม่วางใจ “เด็กทั้งสองต่างชอบพอกัน ฮองเฮาคิดจะแยกคนทั้งสองออกจากกันหรือ”

เถาฮองเฮายิ้มเสียดสี ถามเสียงดุ “เจ้าสาม เจ้ามีความชอบพอคุณหนูจ้งหรือไม่ เจ้าอยากอภิเษกกับนางหรือไม่”

องค์หญิงเฉิงหยางหันไปมองทางองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ทันที

เซียวเฉิงอี้สัมผัสได้ถึงความอึดอัดอีกครั้ง

เขาก้มหน้าพูดอย่างจริงจัง “เรื่องใหญ่อย่างการอภิเษกล้วนแล้วแต่เสด็จแม่ทรงเห็นชอบ!”

เถาฮองเฮาเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ “เฉิงหยาง ทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว”

สายตาขององค์หญิงเฉิงหยางแปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมในทันที “เซียวเฉิงอี้ เจ้าพูดกับซูหาวอย่างไร เจ้าบอกว่ายินดีอภิเษกกับซูอวิ้น เหตุใดเข้าวังหลวงมาเจ้าก็เปลี่ยนความคิด คนที่ไร้สัจจะ ไร้จุดยืน หูเบาอย่างเจ้า ยังบังอาจคิดอยากจะได้ตำแหน่งนั้นอีกหรือ”

“เฉิงหยาง อย่าได้พูดเหลวไหล! ไม่มีผู้ใดจับจ้องตำแหน่งนั้น” เถาฮองเฮาตำหนิเสียงดัง สีหน้าเคร่งเครียด

คำพูดเช่นนี้จะพูดเหลวไหลได้อย่างไร

หากได้ยินไปถึงหูของฮ่องเต้ พวกนางแม่ลูกคงต้องถึงคราวซวย

องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะเสียงเย็น “กล้าทำไม่กล้ารับหรือ ขี้ขลาด!”

“พอแล้ว!” เถาฮองเฮาโกรธจริงแล้ว “เฉิงหยาง วันนี้ข้าพูดอย่างจริงใจกับเจ้า ข้ายินดีให้เจ้าสามอภิเษกกับซูอวิ้น ยินดีด้วยความจริงใจ ไม่ได้หลอกลวงอย่างแน่นอน แต่ว่าบทเรียนจากตระกูลเถาทำให้ข้ากลัวเสียจริง!

ข้ากลัวทำร้ายเด็กๆ ทำร้ายเจ้า ทำร้ายพวกเราทุกคน หากเจ้ายืนกรานที่จะปรองดอง หากเจ้าไม่กลัวถูกฝ่าบาททรงคิดบัญชีในภายหลัง วันนี้ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทพร้อมเจ้า ขอฝ่าบาทโปรดออกพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษก”

องค์หญิงเฉิงหยางผงะอยู่กับที่

เถาฮองเฮาแอบโล่งใจ

นางไม่ได้อยากสร้างศัตรูกับองค์หญิงเฉิงหยาง

หากเป็นแต่ก่อน นางไม่จำเป็นต้องสนใจองค์หญิงเฉิงหยางแม้แต่น้อย

แต่แล้ว เวลานี้ไม่เหมือนแต่ก่อน

นางในเวลานี้ยังคงต้องให้เกียรติองค์หญิงเฉิงหยาง

องค์หญิงเฉิงหยางตั้งสติกลับมา ถามอย่างจริงจัง “ฮองเฮาทรงพูดจริงหรือ พระองค์กีดขวางงานอภิเษกเพราะสาเหตุนี้จริงหรือ”

“เรื่องแบบนี้ข้าจะหลอกเจ้าได้อย่างไร เจ้าเป็นคนฉลาด สถานการณ์ของเจ้าสาม ข้าไม่เชื่อว่าเจ้ามองไม่ออก เจ้าสามอภิเษกกับซูอวิ้นก็เหมือนการพนัน แต่ก่อนข้าจะพนันอย่างเด็ดขาด แต่เวลานี้ข้าไม่กล้าพนันอย่างง่ายดาย”

เถาฮองเฮาเปิดเผยจุดอ่อนของตนเองทำให้ดูจริงใจอย่างมาก

นางเปิดเผยด้านย่ำแย่และอ่อนแอที่สุดของตนเองออกมา ความจริงใจเช่นนี้ องค์หญิงเฉิงหยางอยากฉีกหน้าก็ไม่กล้า

องค์หญิงเฉิงหยางครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะตระหนักได้ “หากหม่อมฉันยืนกรานที่จะปรองดอง ฮองเฮาจะทรงให้ความร่วมมือจริงหรือ”

“ย่อมแน่นอน! เจ้ายังไม่กลัว ข้าย่อมไม่มีเหตุผลที่จะกลัว”

“ฮ่าๆๆ …”

องค์หญิงเฉิงหยางปล่อยเสียงหัวเราะ “ฮองเฮาทรงจริงใจต่อหม่อมฉัน หม่อมฉันย่อมต้องจริงใจตอบ งานอภิเษกนี้ถือว่าตกลงตามนี้!”

สุดท้าย องค์หญิงเฉิงหยางยังคงเลือกที่จะลองดู นางจะให้บุตรสาวอภิเษกกับองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ให้ได้

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท