ตอนที่ 162 เจ้ารู้จักข้า แต่ข้าไม่รู้จักเจ้า
เซียวเฉิงเหวินกลับไปถึงจวนองค์ชายสอง
บ่าวรับใช้ทูลรายงาน “คุณหนูสี่ตระกูลเยียนมาพ่ะย่ะค่ะ กำลังพูดคุยกับฮูหยินอยู่ในสวนดอกไม้”
“นางมาทำอันใด”
เซียวเฉิงเหวินสงสัยเล็กน้อย
บ่าวรับใช้ทูลตอบ “คุณหนูสี่ตระกูลเยียนส่งของขวัญนับหลายคันรถมาให้ฮูหยิน มีอาหารพื้นเมืองไม่น้อย”
เฟ่ยกงกงคาดเดา “ย่อมต้องเป็นเพราะฮูหยินตั้งครรภ์ เยียนอวิ๋นเกอจึงมาเยี่ยมเยือน หากพระองค์ไม่ทรงโปรดที่นางมา กระหม่อมจะไปไล่นางให้พ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเฉิงเหวินโบกมือ “ไม่ต้องไล่นาง ฮูหยินตั้งครรภ์ นางมาเยือนในเวลานี้ ฮูหยินย่อมต้องดีใจมาก”
วันนี้เขายุ่งมาก พูดเป็นจำนวนมาก เหนื่อยมาก
แต่เขายังคงต้องทำต่อ
เขายังนัดพบคน อีกฝ่ายคือหลิวเป่าผิง น้องเขยในอนาคต
…
สวนดอกไม้ด้านหลัง เยียนอวิ๋นเกอพยุกพี่สองเยียนอวิ๋นฉีนั่งลงบนม้านั่งหิน
เยียนอวิ๋นฉีพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าระวังเกินไป ข้าไม่ได้อ่อนแอปานนั้น หมอหลวงยังบอกว่าครรภ์ข้าแข็งแรงมาก สามารถเคลื่อนไหวออกนอกจวน”
“นานทีข้าจะได้มาเยือนพี่สอง ให้ข้าได้แสดงน้ำใจได้หรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอออดอ้อน
เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “ตามใจเจ้า ทุกครั้งที่เจ้ามาก็มีของขวัญหลายคันรถ ทำให้ข้าเกรงใจยิ่งนัก ครั้งต่อไป เจ้ามามือเปล่า อย่าเอาของมามายมาย เวลานี้ข้ายังกลุ้มอยู่ว่าจะมอบสิ่งใดตอบแทนเจ้า”
“เหตุใดพี่สองต้องเกรงใจกับข้า ข้าให้ของขวัญท่านเพราะเป็นห่วงท่าน ข้าไม่ได้คาดหวังให้ท่านมอบกลับ ท่านก็แค่รับเอาไว้อย่างสบายใจ ดูแลครรภ์ดีๆ ให้กำเนิดเด็กน้อยที่แข็งแรงก็พอ”
เยียนอวิ๋นเกอมองหน้าท้องที่ป่องขึ้นมาเล็กน้อยของพี่สอง แปลกตายิ่งนัก
เยียนอวิ๋นฉีลูบคลำหน้าท้องเบาๆ พลันก้มหน้ายิ้ม “แต่ก่อนไม่รู้ว่าเจ้าจะชื่นชอบเด็กเพียงนี้ เวลานี้เจ้าก็โตแล้ว ให้ท่านแม่หาคู่ครองให้เจ้า มีบุตรของตัวเองในเร็ววันดีหรือไม่”
เมื่อพูดถึงเรื่องงานแต่งของตนเอง เยียนอวิ๋นเกอก็รู้สึกปวดหัว
“พี่สองอย่าล้อข้าเล่นเลย ข้าไม่คิดจะออกเรือน”
“เจ้าล้อลเนอีกแล้ว สตรีจะไม่ออกเรือนได้อย่างไร หากเจ้าไม่ออกเรือน พี่ใหญ่กับข้า รวมทั้งท่านแม่ย่อมต้องเป็นกังวล”
เยียนอวิ๋นเกอปวดหัว “พี่สอง พวกเราเปลี่ยนเรื่องได้หรือไม่”
เมื่อเห็นน้องสี่ลพูดไม่ออก เยียนอวิ๋นฉีเผยยิ้มเบ่งเบน เพราะว่าเห็นได้ยาก
“เอาเถิด เอาเถิด ข้าไม่ล้อเจ้าเล่นแล้ว รอข้าให้กำเนิดบุตร ข้าจะหารือกับท่านแม่ ดูตัวให้เจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอมองฟ้าอย่างหมดหนทาง
หลังจากสตรีออกเรือนให้กำเนิดบุตรแล้ว มักจะชอบเป็นแม่สื่อให้ผู้อื่นใช่หรือไม่
แม้แต่พี่สองก็ไม่เว้น
นางรีบเปลี่ยนประเด็น ถามอย่างห่วงใย “องค์ชายสองทรงดีต่อท่านพี่หรือไม่”
เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “ย่อมดี”
เวลานี้มีสาวรับใช้เข้ามารายงาน
“ทูลฮูหยิน นายน้อยหลิวมาเยือน องค์ชายกำลังนำเขามาทางนี้”
“นายน้อยหลิวท่านใด” เยียนอวิ๋นฉีฉงนเล็กน้อย
สาวรับใช้โน้มตัวรายงาน “บุตรชายคนรองของอวี้สื่อรัฐเหลียวโจว หลิวเป่าผิง”
อ้อ!
“ที่แท้เป็นเขาเอง”
พูดจบ เยียนอวิ๋นฉีก็ทำท่าจะลุกขึ้น เยียนอวิ๋นเกอรีบพยุงนางเอาไว้
เพียงแค่ชั่วพริบตา เซียวเฉิงเหวินก็นำหลิวเป่าผิงเดินมาถึงสวนดอกไม้
“ข้าแนะนำให้ฮูหยิน ท่านนี้คือนายน้อยหลิวที่เดินทางมาไกล เป็นว่าที่สามีของติ้งเถา”
“นายน้อยหลิว! ต่อจากนี้ก็เป็นเครือญาติกันแล้ว นายน้อยหลิวไม่ต้องเกรงใจ”
เยียนอวิ๋นฉีมองพินิจอีกฝ่ายขึ้นลง ช่างเป็นบุรุษที่งดงามจนแทบจะเทียบเท่าองค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินแล้ว
ไม่คิดว่าพื้นที่ยากเข็ญอย่างรัฐเหลียงโจวจะมีบุรุษผู้มีความสามารถอย่างหลิวเป่าผิง
นางพูดด้วยรอยยิ้ม “เหลียงโจวช่างเป็นพื้นที่ดี นายน้อยหลิวมีความสามารถ ย่อมเป็นคู่ลิขิตของติ้งเถา”
หลิวเป่าผิงโน้มตัวเล็กน้อยเพื่อถวายบังคม
เยียนอวิ๋นฉีดึงเยียนอวิ๋นเกอมา “ลืมแนะนำ ผู้นี้คือน้องสาวของข้า อวิ๋นเกอ ผู้นี้คือพระราชบุตรเขยหลิวในอนาคต!”
เยียนอวิ๋นเกออมยิ้มพลันคำนับ
หลิวเป่าผิงได้ยินชื่อของเยียนอวิ๋นเกอ สายตาพินิจนางอย่างเงียบๆ
“ที่แท้เป็นคุณหนูสี่ตระกูลเยียน ข้ากับพี่ชายของเจ้า เยียนอวิ๋นถงเคยไปมาหาสู่กันหลายครั้ง มักได้ยินเขาพูดถึงเจ้า”
คราวนี้กลายเป็นเยียนอวิ๋นเกอที่ประหลาดใจ
“ท่านรู้จักพี่สองของข้า”
หลิวเป่าผิงพูดด้วยความจริงจัง “ใช่! พี่สองของเจ้าค้าสัตว์ รวบรวมเมล็ดพันธุ์จากทุกหนแห่ง ผ่านการแนะนำของผู้อื่น ข้ากับเขาจึงมีการติดต่อกัน ได้ยินพี่อวิ๋นถงเล่าว่า เขาทำการค้าสัตว์เพราะเจ้าให้เขาทำ แม้แต่การรวบรวมเมล็ดพันธุ์ก็เป็นความคิดของเจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอจ้องมองอีกฝ่าย แอบพูดอยู่ในใจ เขารู้จักพี่สองจริงด้วย
พี่สองช่างปากเปราะ พูดไปเสียทุกเรื่อง
นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณพระราชบุตรเขยหลิวที่ดูแลพี่สองของข้า”
เยียนอวิ๋นถงค้าสัตว์ รวบรวมเมล็ดพันธุ์ ย่อมต้องเดินทางผ่านเหลียวโจว
เหลียงโจวเป็นพื้นที่ของตระกูลหลิว
การค้าของเยียนอวิ๋นถงสามารถพัฒนาได้อย่างราบรื่นย่อมไม่อาจขาดการดูแลจากตระกูลหลิว
เยียนอวิ๋นเกอกล่าวขอบคุณแทนพี่สองก็เป็นเรื่องสมควร
หลิวเป่าผิงยิ้ม “คุณหนูสี่ไม่ต้องเรียกข้าว่าพระราชบุตรเขย ข้าชอบให้เจ้าแทนข้าว่านายน้อยหลิว หรือแม่ทัพหลิวมากกว่า”
เยียนอวิ๋นเกอคล้อยตาม “อย่างนั้นข้าจะแทนท่านว่าแม่ทัพหลิว”
แต่ภายในใจนางกลับคิด หลิวเป่าผิงไม่ยินดีที่จะอภิเษกกับองค์หญิงติ้งเถาหรือ
“ดีมาก!” ใบหน้าเย็นชาของหลิวเป่าผิงเผยยิ้มบางออกมา
เยียนอวิ๋นฉีพูดแทรก “ไม่คิดว่าพี่สองข้าจะรู้จักนายน้อยหลิว นายน้อยหลิวก็กำลังจะอภิเษกกับองค์หญิง ช่างมีวาสนาต่อกันเสียงจริง”
นางทักทายให้ทุกคนนั่งลง
ทุกคนต่างนั่งลงในศาลาพักร้อน สาวรับใช้ถวายชาและของว่างมาใหม่
เยียนอวิ๋นฉีถาม “ต้องเชิญติ้งเถามาหรือไม่”
“ไม่ต้อง!”
เซียวเฉิงเหวินพูดขึ้นพร้อมกับหลิวเป่าผิง
เยียนอวิ๋นฉียิ้มอย่างกระจ่าง ดังนั้นบทสนทนาด้านหลัง จึงไม่ได้เอ่ยถึงองค์หญิงติ้งเถาอีก
พวกเขาเพียงแค่สนทนาเรื่องสัพเพเหระ คุยเรื่องเหลียงโจว คุยเรื่องเมืองหลวง คุยเรื่องประหลาดที่ได้ยินมาระหว่างทาง
ล้วนเป็นการสนทนาที่ทั่วไปอย่างมาก ไม่เอ่ยถึงเรื่องราชสำนัก ไม่เอ่ยถึงงานอภิเษกที่กำลังจะมาถึง
เยียนอวิ๋นเกอแทบจะไม่พูด
นางกำลังสังเกต
สังเกตองค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินกับหลิวเป่าผิง
ระหว่างคนทั้งสอง คำพูดน้อยมาก ดูภายนอกเหมือนไม่คุ้นเคยกัน
แต่หากสังเกตจากรายละเอียด ทำให้คนรู้สึกว่าคนทั้งสองคุ้นเคยกันอย่างมาก ราวกับรู้จักกันมานานมาก
เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกประหลาดใจ
ชายผู้คนหนึ่งเกิดและเติบโตในเหลียงโจว เดินทัพอยู่ทั้งปีจะรู้จักกับองค์ชายในเมืองหลวงได้อย่างไร
แต่ความคุ้นเคยระหว่างคนทั้งสองไม่อาจหลอกเยียนอวิ๋นเกอที่สัมผัสว่องไวได้
ประหลาด!
ในนี้ย่อมมีเรื่องประหลาด
นางรู้ว่าการสนทนาในวันนี้ ตนเองเป็นส่วนเกิน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเวลาเหมาะสม นางจึงเอ่ยขอตัวทันที
เยียนอวิ๋นฉีจับมือของนางไม่อยากให้จางไป “น้องสี่อยู่กินข้าวก่อนค่อยไปดีหรือไม่ นานทีเจ้าจะมา แม้แต่ข้าวขยังไม่กิน หากท่านแม่รู้คงต้องโทษว่าข้าไม่เหมาะสม”
“พี่สองวางใจ ข้ารับปากท่านแม่จะกลับไปทานข้าวกับท่าน หากวันอื่นว่าง ข้าจะมาเยี่ยมพี่สองใหม่”
เยียนอวิ๋นเกอยืนกรานจะไป เยียนอวิ๋นฉีจึงทำได้เพียงรับสั่งให้คนส่งนางออกจากจวน
ไม่คิดว่าเยียนอวิ๋นเกอเพิ่งขอตัว หลิวเป่าผิงก็เอ่ยขอตัวจากจวนองค์ชายตามมา
เขาไล่ตามรถม้าของเยียนอวิ๋นเกอ “คุณหนูสี่รอช้าก่อน”
รถม้าชะลอลง
เยียนอวิ๋นเกอเปิดหน้าต่างมองเขา “แม่ทัพหลิวไล่ตามมา มีเรื่องใดชี้แนะหรือ”
หลิวเป่าผิงจ้องมองนางด้วยสายตาอาวรณ์
มีคนบางประเภท ไม่ว่ามองผู้ใดก็เหมือนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง อันที่จริงก็แค่สายตามีปัญหา
หลิวเป่าผิงก็เป็นคนเช่นนี้
“คุณหนูสี่จำข้าไม่ได้หรือ”
เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกประหลาดใจ นางพยายามค้นหาความทรงจำ ถามด้วยความสงสัย “ข้าจำไม่ได้ว่าพวกเราเคยพบกัน่อนหน้านี้ แม่ทัพหลิวจำผิดหรือไม่”
หลิวเป่าผิงถามอีกครั้ง “อย่างนั้นคุณหนูสี่จำได้หรือไม่ว่าคอได้รับบาดเจ็บอย่างไร”
เอ๊ะ?
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย “ท่านรู้จักข้าจริงหรือ หรือท่านได้ยินพี่สองข้าพูดจาเหลวไหล เจตนาหลอกข้า”
“คุณหนูสี่ยังคงระวังตัวเหมือนเคย”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “ท่านต้องการพูดสิ่งใดกันแน่”
หลิวเป่าผิงยิ้มบาง “เจ้าติดหนี้บุญคุณข้า หวังว่าเจ้าจะนึกขึ้นมาได้เอง”
พูดพบ เขาตีม้าให้เคลื่อนตัวผ่านรถม้า จากไปอย่างรวดเร็ว
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าฉงน
นางติดหนี้บุญคุณหลิวเป่าผิงตั้งแต่เมื่อใดกัน
ล้อเล่นหรือ!
นางหันกลับไปถามสาวรับใช้ อาเป่ย “รู้จักคนแซ่หลิวหรือไม่”
อาเป่ยส่ายหน้า “ก่อนวันนี้ บ่าวไม่เคยพบผู้ที่แซ่หลิวมาก่อน”
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด หลิวเป่าผิงเป็นคนที่นางรู้จักในช่วงที่คอนางได้รับบาดเจ็บจริงหรือ
เป็นไปไม่ได้!
คนหนึ่งอยู่เหลียงโจว อีกคนอยู่โยวโจว ห่างกันสิบหมื่นแปดพันลี้
อีกทั้งเวลานั้นนางยังเด็ก จะติดหนี้บุญคุณหลิวเป่าผิงได้อย่างไร
แซ่หลิวต้องกำลังหลอกนางอยู่อย่างแน่นอน
…
กลับถึงจวนท่านหญิง
เยียนอวิ๋นเกอยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดก็วิ่งมายังห้องตำราเพื่อพบเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา
“ท่านแม่ ท่านรู้จักหลิวเป่าผิงหรือไม่”
“พระราชบุตรเขยขององค์หญิงติ้งเถาหรือ” เซียวฮูหยินส่ายหน้า “ไม่เคยพบมาก่อน เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอนั่งลง พลันพูด “วันนี้ข้าพบกับหลิวเป่าผิงเมื่ออยู่ในจวนพี่สอง เขากับพี่สองมีไปมาหาสู่กัน ยังบอกว่าแต่ก่อนเคยพบข้า แต่ข้าจำไม่ได้ ดูจากท่าทางของเขา เหมือนจะไม่ใช่เรื่องหลอกลวง”
เซียวฮูหยินได้ยิน คิ้วขมวดเล็กน้อย “หลิวเป่าผิง บุตรชายคนลองของอวี้สื่อเหลียงโจว เจ้าไม่มีทางพบเขาก่อนวันนี้”
“ใช่! แต่เขามั่นใจอย่างมาก บอกว่าข้าเคยพบเขามาก่อน”
“อย่าฟังเขาพูดเหลวไหล! เขาต้องหลอกลวงเจ้าแน่ ต่อจากนี้อยู่ให้ห่างคนผู้นี้ อย่าใกล้ชิดกับเขา”
“อ้อ!”
เยียนอวิ๋นเกอกลับห้องไปครุ่นคิด นางรู้สึกว่าท่าทางของเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาประหลาดเล็กน้อย
ท่านแม่ดูกังวลอย่างมากเมื่อนางพบหน้ากับหลิวเป่าผิง
ไม่ใช่กังวลว่านางจะเกิดเรื่อง
แต่เป็นความกังวลที่เรื่องเมื่อก่อนจะถูกพลิกออกมา
หรือว่านางเคยพบหลิวเป่าผิงมาก่อนจริง
เสียดาย หลังจากที่คอของนางได้รับบาดเจ็บ คนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายล้วนถูกเปลี่ยนแปลง
เวลานี้อยากหาคนที่รู้เหตุการณ์ในเวลานั้นมาถามก็หมดหนทาง
“เหตุใดคุณหนูจึงต้องกลัดกลุ้ม!” สาวรับใช้ อาเป่ยปลอบนาง “ไม่ว่าเขาจะเป็นหลิวเป่าผิงหรือหลี่เป่าผิง อย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับคุณหนู เขาเป็นพระราชบุตรเขตขององค์หญิงติ้งเถา องค์หญิงติ้งเถาทรงเคียดแค้นคุณหนู คุณหนูควรอยู่ห่างจากเขาเอาไว้”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ข้าสมควรห่างจากนาง แต่ข้าไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนปิดบัง”
นางอยากรู้ว่าคอของตนเองได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร ผู้ใดเป็นคนวางยาพิษ
เหตุใดจวนโหวที่กว้างใหญ่ ไม่มีผู้ใดรู้ความจริง
ถึงแม้คนข้างกายของท่านแม่ล้วนถูกสั่งให้ปิดปาก
แล้วเฉินฮูหยินล่ะ
ข้างกายเฉินฮูหยินมีคนเก่าแก่มากมาย แต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ความจริง
ทุกคนในจวนโหวทำเหมือนนางพูดไม่ได้แต่กำเนิด เป็นใบ้แต่กำเนิด