ตอนที่ 200 หลอกถามพระราชบุตรเขยหลิว
เซียวอี้มีเหตุผลให้ได้ใจ
เต้าหู้หมาล่าที่เขากิน เยียนอวิ๋นเกอเป็นคยลงมือทำเอง
พ่อครัวจากภัตตาคารหนานเป่ยล้วนได้รับการถ่ายทอดฝีมือมาจากเยียนอวิ๋นเกอ
สามารถบอกได้ว่า เยียนอวิ๋นเกอเป็นทั้งเถ้าแก่ของภัตตาคารหนานเป่ย เป็นทั้งอาจารย์
เมื่อได้กินฝีมือของอาจารย์แล้ว เขาจะอยากกินฝีมือของพ่อครัวจากภัตตาคารหนานได้อย่างไร
เซียวอี้ได้ใจอย่างมาก
หลิวเป่าผิงถกแขนเสื้อขึ้น เขาอยากจะตีอีกฝ่ายเสียจริง
เขาไม่อาจทนเห็นท่าทางได้ใจของเซียวอี้ต่อไปได้
สุรามื้อนี้ยังมีเวลาอีกยาวนาน
หลิวเป่าผิงถาม “ท่านไม่ร่วมมือกับข้าจริงหรือ”
เซียวอี้ดื่มสุรา พลันยิ้มอย่างมีนัย “ข้าไม่เชื่อว่าตระกูลหลิวของพวกท่านไม่มีแผนการ”
หลิวเป่าผิงแสดงสีหน้าเปิดเผย “พี่เซียว ยุคสมัยนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้ด้วยตัวคนเดียว จวนท่านอ๋องตงผิงถูกฮ่องเต้ทำลายแล้ว ท่านโหวผิงอู่สืออุนท่านลุงของท่านสนใจบุตรชายมากมายของเขายังไม่ทัน เขาจะสนใจท่านหรือ”
เซียวอี้ถามกลับ “ตระกูลหลิวของพวกท่านยิ่งมีคนมาก จะสนใจข้าได้หรือ”
หลิวเป่าผิงส่ายหน้าระรัว “พวกเราสองคนคือการร่วมมือกัน ไม่สำคัญว่าผู้ใดจะพึ่งพาผู้ใด ท่านติดตามท่านโหวผิงอู่สืออุนเป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัย ท่านยอมจริงหรือ”
เซียวอี้รินเองดื่มเอง “เวลานี้ท่านเป็นพระราชบุตรเขา ท่านยิ่งพูดจาคล่องแคล้วขึ้น”
หลิวเป่าผิงหัวเราะ ถือว่าเป็นคำชม “ขอบพระคุณพี่เซียวที่เยินยอข้า”
เซียวอี้ยิ้มเสียดสี “ท่านแค่เพียงเห็นแก่ทหารในมือข้า คนของข้ามีจำนวนน้อย ช่วยไม่ได้มาก”
“ถึงแม้จะช่วยไม่ได้มาก แต่ก็เป็นกำลังเสริมหนึ่ง พี่เซียวอย่าได้ถ่อมตน ความสัมพันธ์ของพวกเรานานหลายปี ท่านไม่เชื่อใจข้าหรือ”
เซียวอี้เคาะโต๊ะเบาๆ “ลองพูดแผนการของท่านก่อน ท่านคิดจะทำอย่างไร”
หลิวเป่าผิงดีใจอย่างมาก มันคือวี่แววแห่งการรับปาก!
ทั้งสองคนหารือแผนการกบฏภายใต้แสงเทียน
บนกำแพง เงาสองเงาถูกลากยาว ราวกับเงาของวิญญาณสองดวง
…
รุ่งเช้า พระอาทิตย์ไม่ได้ปรากฏขึ้นจากทิศตะวันออกตามเวลา
เป็นวันที่มีเมฆมากอีกวัน อากาศอบอ้าว แต่ฝนกลับไม่ยอมตกลงมา
อากาศเช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดอย่างมาก ทำให้คนมักรู้สึกหิวน้ำ กระหายน้ำ
ภัตตาคารเล็กเปิดประตูให้บริการ
เรือนด้านหลังเก็บกวาดจนสะอาดแล้ว ราวกับเมื่อคืนไม่เคยมีผู้ใดนั่งดื่มสุราอยู่ตรงนี้
หลิวเป่าผิงอยู่หอนางโลมสองวัน เขาไปล้างกลิ่นเครื่องหอมจนสะอาดที่เรือนพักตากอากาศก่อนจะกลับไปยังจวนองค์หญิง
ติ้งเถาคิดว่าเขาออกไปทำงาน ไม่ได้สงสัยเขาแม้แต่น้อย
ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ ไม่ใช่เพราะป่วย หากแต่เพราะเขินอาย
ทั้งสองอภิเษกมากว่าครึ่งปี แต่ก็ยังคงเหมือนสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงาน
องค์หญิงติ้งเถายังจมอยู่กับความหอมหวานของชีวิตแต่งงาน นางไม่สนใจเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้านนอกแม้แต่น้อย
พระราชบุตรเขย หลิวเป่าผิงมอบปิ่นปักผมไม้ที่เขาแกะสลักเองเป็นของขวัญ แม้ฝีมือของเขาจะธรรมดา แต่ก็ทำให้องค์หญิงติ้งเถาหัวใจเบิกบาน
“ทำให้ข้าโดยเฉพาะหรือ” นางถาม
พระราชบุตรเขย หลิวเป่าผิงลูบจมูกของนาง “ออกจากจวนนับวัน ภายในใจข้านึกถึงองค์หญิงตลอด เดิมทีอยากซื้อบางอย่างมามอบให้ท่าน แต่องค์หญิงก็มีทุกอย่างแล้ว ข้าจึงกลุ้มใจนัก คิดไปคิดมา เครื่องทองจะดีเพียงใด ก็ไม่อาจสู้ของขวัญฝากฝีมือของข้า องค์หญิงทรงโปรดปรานหรือไม่”
องค์หญิงติ้งเถาทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ หัวใจของนางถูกความดีใจเติมเต็ม “ข้าชอบมาก!”
ถึงแม้ปิ่นปักผมไม้ถูกแกะสลักอย่างหยาบกร้าน แต่องค์หญิงติ้งเถากลับคิดว่ามันเป็นของขวัญที่ดีและล้ำค่าที่สุดในชีวิตนี้
นางเก็บเอาไว้อย่างดี พลันพูด “ข้าจะเก็บรักษาเอาไว้”
พระราชบุตรเขย หลิวเป่าผิงพูด “ต่อจากนี้ ข้าจะมอบของขวัญที่ดีและมากกว่านี้ให้องค์หญิง”
“ของขวัญแต่ละชิ้นที่พระราชบุตรเขยมอบให้ ข้าล้วนจะเก็บรักษาเอาไว้”
ท่าทางถูกความรักหล่อเลี้ยงของติ้งเถาช่างงดงามเสียจริง
…
ไม่รู้ผู้ใดทำให้ข่าวรั่วไหลออกไป หรือหลิวเป่าผิงอาจถูกคนจับจา เรื่องที่เขาเที่ยวหอนางโลมถูกคนส่งเข้าไปในวังหลวง
เถาฮองเฮาตกตะลึงเล็กน้อย “พระราชบุตรเขยหลิบแอบเที่ยวหอนางโลมลับหลังติ้งเถาหรือ”
เหมยเส้าเจี้ยนพยักหน้า “เรื่องเป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ! พระราชบุตรเขยหลิวหลอกลวงองค์หญิงว่าออกไปทำงาน ความจริงแล้วเขาไปเที่ยวหอนางโลม กระหม่อมเกรงว่าเป็นการใส่ร้าย จึงส่งคนไปซักถามที่หอนางโลมมา คนผู้นั้นเป็นพระราชบุตรเขยหลิวจริง ไม่ได้ใส่ร้ายเขา”
เถาฮองเฮาขมวดคิ้ว “เขาอภิเษกกับติ้งเถามาไม่นาน บุตรก็ยังไม่ดี แต่บังอาจปิดบังติ้งเถาไปเที่ยวหอนางโลม เจ้าเด็กโง่อย่างติ้งเถา พระราชบุตรเขยพูดสิ่งใดนางก็เชื่อ เหตุใดจึงไม่ให้คนจับตาดูเอาไว้”
เหมยเส้าเจี้ยนถาม “ฮองเฮา เรื่องนี้จะจัดการอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ”
เถาฮองเฮาก้มหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก “เรื่องนี้ปิดบังติ้งเถาเอาไว้ก่อน เด็กโง่ นางจริงใจต่อพระราชบุตรเขย หารู้ไม่ว่าพระราชบุตรเขยต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ส่งคนไปเชิญพระราชบุตรเขยเข้ามาในวังหลวง”
เหมยเส้าเจี้ยนลังเลเล็กน้อย “ฮองเฮาทรงคิดจะหลอกถามพระราชบุตรเขยเองหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าคิดว่าไม่เหมาะสมหรือ”
“องค์ชายสองสนิทกับพระราชบุตรเขยหลิวมากกว่า สู้ให้องค์ชายสองออกหน้า อีกอย่างเรื่องการเที่ยวหอนางโลม บุรุษสนทนากันจะเหมาะสมกว่า”
เถาฮองเฮาฟังข้อเสนอ ให้เหมยเส้าเจี้ยนไปจัดการเรื่องนี้
…
เซียวเฉิงเหวินรู้อยู่แล้วว่าหลิวเป่าผิงไม่ใช่คนซื่อ
หากเป็นคนซื่อ เขาก็คงไม่ชื่นชม
ดังนั้น เมื่อเหมยเส้าเจี้ยนเดินทางมาหา บอกว่าหลิวเป่าผิงปิดบังองค์หญิงติ้งเถาไปเที่ยวหอนางโลม เขาจึงไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย
เขาพูดกับเหมยเส้าเจี้ยน “เจ้ากลับไปบอกเสด็จแม่ มันเป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะเที่ยวหอนางโลม ไม่ต้องตื่นตระหนก ส่วนทางติ้งเถายิ่งไม่ต้องกังวล หลิวเป่าผิงสามารถจัดการเองได้ แต่ว่าข้าจะคุยกับหลิวเป่าผิง บอกให้เขาสงวนไว้บ้าง”
เหมยเส้าเจี้ยนหมดคำพูด เขาเอ่ยเตือนอย่างระมัดระวัง “องค์ชาย พระองค์ก็ทรงรู้นิสัยขององค์หญิงติ้งเถา หากเรื่องนี้ส่งไปถึงหูของนาง เกรงว่าจะอาละวาด”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มเสียดสี “เหมยกงกงเชื่อหรือไม่ หลังจากติ้งเถารับรู้เรื่องนี้ นางอาละวาดไม่ถึงชั่วยามก็ถูกพระราชบุตรเขยหลิวสยบได้ หากเหมยกงกงมีเวลาว่า สู้เดินทางไปยังจวนองค์หญิงสักครั้ง เจ้าย่อมเข้าใจความหมายของข้า”
เหมยเส้าเจี้ยนสงสัย
เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้วยิ้ม “ติ้งเถาไม่ได้เข้าวังไปถวายบังคมมานานเพียงใดแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่านางยุ่งเรื่องใดอยู่ เวลานี้ในสายตาของนางมีแต่หลิวเป่าผิง หลิวเป่าผิงพดสิ่งใดนางก็เชื่อ ถึงแม้หลิวเป่าผิงจะบอกว่าเที่ยวหอนางโลมเพราะต้องไปทำงาน นางก็ไม่สงสัย”
เหมยเส้าเจี้ยนตกตะลึง
ไม่ถูกต้อง!
ไม่ใช่นิสัยขององค์หญิงติ้งเถา
เซียวเฉิงเหวินไม่พูดมากอีก เพียงแค่ให้เหมยเส้าเจี้ยนไปดูด้วยตนเอง
เหมยเส้าเจี้ยนไปดูที่จวนองค์หญิงจริง เมื่อดูเสร็จ เขาก็เงียบลง
หลังจากกลับเข้าไปในวังหลวง เขาทูลเถาฮองเฮาถึงเรื่องที่พบเห็นทั้งหมดตามความจริง
เถาฮองเฮาไม่พอใจ “บอกแล้วว่านางโง่เขลา นางไม่ได้เรียนรู้ความสามารถของข้าไปแม้แต่น้อย ข้าอับอายยิ่งนัก”
เหมยเส้าเจี้ยนถาม “เรื่องนี้ต้องจัดการหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เถาฮองเฮาส่ายหน้า “เวลานี้สมองของนางมีแต่ขี้เรื่อย จัดการไม่ได้ หากจัดการ นางคงหันกลับมาโกรธแค้นข้า เมื่อวันใดที่นางเสียเปรียบ นางย่อมจะมีสติขึ้นมาเอง แต่ทางหลิวเป่าผิงย่อมต้องตักเตือนอย่างหนัก อย่าคิดว่าหลอกติ้งเถาได้ เขาจะทำสิ่งใดได้ตามใจชอบ หากเขากล้าเหลวไหล รังแกติ้งเถา ข้าย่อมไม่ให้อภัยเขา”
…
เซียวเฉิงเหวินนัดเวลา เชิญหลิวเป่าผิงมาดื่มชาเล่นหมาก
หลิวเป่าผิงมาตามนัด
เซียวเฉิงเหวินไม่ชอบไปสวยดอกไม้ เขาไม่ชอบดอกไม้ อีกทั้งยังกังวลเกสรดอกไม้ ดังนั้นจึงรับรองพระราชบุตรเขย หลิวเป่าผิงที่ห้องตำรา
วางกระดานหมาก หมากขาวดำกำลังไล่ล่ากันอย่างดุเดือด
หลังจากผ่านไปสามตา มีทั้งแพ้และชนะ
ผู้ใดก็ไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ บอกได้ว่าฝีมือสมน้ำสมเนื้อ
เมื่อถึงตาที่สี่ เซียวเฉิงเหวินผ่อนจังหวะให้ช้าลง หลิวเป่าผิงให้ความร่วมมือกับเขา
“เรื่องที่เจ้าปิดบังติ้งเถาไปเที่ยวหอนางโลมถูกส่งเข้าไปในวังแล้ว รู้หรือไม่”
เซียวเฉิงเหวินพูดจบก็เงยหน้ามองอีกฝ่าย
หลิวเป่าผิงพยักหน้า “รู้!”
เซียวเฉิงเหวินพูด “เสด็จแม่ทรงไม่พอพระทัยนัก ติ้งเถาเชื่อใจเจ้าอย่างยิ่ง หวังว่าเจ้าจะไม่ทรยศนาง การปิดบังไม่ใช่แผนการระยะยาว”
หลิวเป่าผิงเลิกคิ้วยิ้ม “ช่างน่าประหลาด พระองค์ไม่ทรงกระอักกระอ่วนที่เอ่ยวาจาอย่างการปิดบังไม่ใช่แผนการระยะยาวออกมาหรือ”
เซียวเฉิงเหวินพูดเหลวไหลด้วยท่าทางจริงจัง “วาจาใดที่ออกมาจากปากของข้าล้วนเป็นภูมิปัญญา ส่วนข้าจะสามารถทำได้หรือไม่นั้น ไม่สำคัญ”
ไร้ยางอาย!
ยิ่งผยอง!
ไม่เคยพบเห็นผู้ใดที่ไร้ยางอายเพียงนี้!
หลิวเป่าผิงยิ้มมีนัย “พระองค์ทรงเรียกข้ามาวันนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องของติ้งเถาอย่างเดียวใช่หรือไม่”
เซียวเฉิงเหวินพยักหน้ายอมรับ “ติ้งเถาเป็นเพียงเรื่องรอง น้องสาวข้าคนนี้ โง่เขลาไปบ้าง ปัญญาอ่อนไปบ้าง ทึ่มไปบ้าง แต่จิตใจของนางไม่เลว เจ้าดีต่อนาง นางก็จะดีต่อเจ้าด้วยใจจริง ข้าไม่สนใจว่าเจ้าอยู่ด้านนอกจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อกลับไปถึงจวนองค์หญิง เจ้าอย่าคิดจะใช้เล่ห์กล”
หลิวเป่าผิงยิ้มเสียดสี “ไม่ปิดบังองค์ชาย ข้าไม่เคยใช้เล่ห์กล ถึงแม้ข้าจะอภิเษกกับองค์หญิง แต่ไม่เท่ากับข้าแต่งเข้าราชวงศ์ ไม่เท่ากับข้าจะต้องใช้เล่ห์กลเหมือนสะใภ้ตัวน้อย”
เซียวเฉิงเหวินกวาดตามองเขา “ใช้เล่ห์กลหรือไม่ เจ้ารู้ดีแก่ใจ อย่างไรก็ตาม หวังว่าเจ้าจะรู้ขอบเขต”
“ข้ามีขอบเขตเสมอมา มิฉะนั้นพระองค์ก็คงไม่หมั้นหมายติ้งเถาให้ข้า”
เซียวเฉิงเหวินไม่ถือสาเขา
เขาเปลี่ยนประเด็น “การออกไปบรรเทาภัยพิบัตินนอกเมืองหลวงของเจ้าสามไม่มีทางราบรื่น ตระกูลขุนนางเตรียมการเคลื่อนไหวใหญ่ ภัยพิบัติร้ายแรงขึ้น ราชสำนักไร้ความสามารถ เกรงว่าบางพื้นที่จะเสียการควบคุม เจ้าดูเอาไว้หน่อย รีบเตรียมตัวเอาไว้ เมื่อข้าให้เจ้าเคลื่อนไหว เจ้าต้องเคลื่อนไหวให้เร็ว ควบคุมสถานการณ์เอาไว้”
หลิวเป่าผิงพยักหน้ารับ “ข้าจะเตรียมตัวให้ดี พระองค์ทรงวางพระทัย เพียงแต่ภายในวังจะเห็นด้วยหรือ หลังจากองค์ชายสามกลับเมืองหลวง ท่าทีของฮ่องเต้สำคัญอย่างยิ่ง พระองค์มีแผนการใดหรือไม่”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มเย้ยหยัน “ข้าไม่มีแผนการ กษัตริย์ต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางย่อมต้องตาย บิดาต้องการให้บุตรตาย บุตรก็ต้องตาย เขาเป็นกษัตริย์ แต่ก็เป็นบิดา เจ้าว่าข้าจะทำอย่างไรได้”
คำพูดนี้ หลิวเป่าผิงไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว
หลังจากเงียบเป็นเวลานาน เมื่อหมากขาวตกอยู่ในสถานการณ์ไร้ทางออก เขาก็ถามขึ้น “พระองค์ทรงคิดจะสนับสนุนให้องค์ชายสามสือทอดราชบัลลังก์ด้วยใจจริงหรือ”
เซียวเฉิงเหวินเหลือบมองเขา “เจ้าเห็นว่าข้าเหมือนคนหลอหลวงอย่างนั้นหรือ”
ดี!
ไม่อาจสนทนาต่อไปได้แล้ว
หลิวเป่าผิงแทบอยากจะตบหน้าของตนเอง ทั้งที่รู้ว่าเซียวเฉิงเหวินพูดจารอบคอบ เหตุใดเขาต้องหาเรื่องใส่ตัว
ทั้งไม่ได้ความจริง ทั้งยังต้องอับอาย
ขมขื่นยิ่งนัก!
เขาลุกขึ้นขอตัวออกจากจวนองค์ชายสองโดยไม่ได้กินข้าว
———————————————-