บทที่ 4 นอนไม่หลับ
บทที่ 4 นอนไม่หลับ
ในตอนเย็น เสิ่นอี้โจวกลับมาพร้อมฟืนจํานวนมาก
ที่ตามหลังชายหนุ่มมาคือเสิ่นอี้หลิน น้องชายของเขา ซึ่งอายุเกือบหกขวบ
เด็กชายตัวน้อยชอบออกไปวิ่งเล่นทั้งวันจนผิวของเขากลายเป็นสีแทน ทว่าดวงตาที่มีสีขาวและดำยังคงเป็นประกายสดใส
แต่เมื่ออีกฝ่ายเห็นเซี่ยชิงหยวน รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็หุบลง เด็กชายพูดเสียงอู้อี้ “พี่สะใภ้”
จากนั้นเขาก็รีบวิ่งหนีไปล้างมือ
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้สนใจเรื่องนี้เช่นกัน
ตลอดหนึ่งปีนับตั้งแต่ที่เธอแต่งงานเข้ามา ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลินตงซิ่วและเสิ่นอี้หลินไม่ได้สนิทกันเลย แล้วนับประสาอะไรกับเสิ่นอี้โจว
หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้า แล้วเดินไปส่งให้ชายหนุ่ม “เอาไว้เช็ดเหงื่อนะคะ”
เสิ่นอี้โจวตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วจึงรับมา “ขอบคุณ”
เมื่อเห็นการตอบรับที่ห่างเหินของอีกฝ่าย หญิงสาวก็ทําอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
กําแพงไม่อาจถูกทำลายได้ภายในวันเดียว สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้คืออดทนเท่านั้น
จากนั้นหญิงสาวจึงพูดขึ้นว่า “อาหารพร้อมแล้ว ไปกินกันเถอะ”
อาหารเย็นวันนี้ เป็นข้าวนึ่งมันเทศมาพร้อมกับมันฝรั่งเส้นผัด
สําหรับแถบชนบทใกล้ชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ อาหารแบบนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ระหว่างที่เสิ่นอี้หลินกําลังเล่นอยู่ข้างนอกเมื่อช่วงบ่าย เด็กชายตัวน้อยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในบ้าน
ดวงตาของเด็กน้อยกลอกกลิ้งไปมา และก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังร่างของเซี่ยชิงหยวน
แน่นอนว่าเขาไม่กล้า และจะไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น ศีรษะของเขาก็ถูกตบเบา ๆ เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นอี้โจวที่กำลังทำหน้าตาขึงขัง “กินซะ อย่าว่อกแว่ก”
เสิ่นอี้หลินกุมศีรษะพลางย่นจมูกของเขาแล้วมองไปที่พี่ชาย จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาทานอาหาร
มื้อเย็นที่โต๊ะอาหารดูน่าเบื่อเล็กน้อย หลินตงซิ่วรู้สึกว่าเธอควรหาเรื่องคุย
ดังนั้นเธอจึงพูดขึ้นว่า “อี้โจว แม่ได้ยินมาว่าในหน่วยงานของลูกกำลังสร้างบ้านพักใหม่เหรอจ๊ะ?”
หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในปี 1978 ชายหนุ่มก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง และด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม เสิ่นอี้โจวจึงได้รับการลดหย่อนค่าเล่าเรียนและได้รับทุนการศึกษาเต็มจํานวน
ทุกคนคิดว่า ชายหนุ่มคงจะทำงานอยู่ในเมืองหลวงอย่างแน่นอน
ทว่าเขากลับเดินทางกลับมายังตะวันตกเฉียงใต้และทํางานที่สถาบันธรณีวิทยาในเมืองเตียนเฉิงแทน
ตอนที่สถาบันธรณีวิทยาถูกสร้างขึ้นใหม่ ในเวลานั้นพนักงานทั้งหมดต่างอาศัยอยู่ในหอพักห้องเดี่ยว เงื่อนไขค่อนข้างยุ่งยากเพราะมีพนักงานอยู่กันไม่กี่คน
เวลานั้นเขาเพิ่งแต่งงานใหม่ เซี่ยชิงหยวนติดตามเขาได้อยู่สองสามวันก่อนจะตะโกนว่าจะกลับบ้าน
เสิ่นอี้โจวพยักหน้ารับและตอบว่า “ใช่ครับ”
“หน่วยงานจัดสรรโควตาให้ผมแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปดูเลยครับ”
หลินตงซิ่วดูมีความสุขมาก “ถ้าอย่างนั้นก็รีบเลือกเร็วหน่อย แล้วก็เอาห้องที่อยู่ทำเลดี ๆ นะ”
หลังจากพูดประโยคนั้น เธอก็เหลือบมองเซี่ยชิงหยวนและกล่าวต่อว่า “ในอนาคต ถ้าชิงหยวนหรือพวกเราไปเยี่ยมลูกจะได้มีที่พักด้วย”
ในความเป็นจริงแล้ว หญิงวัยกลางคนมีสิ่งที่คิดอยู่ในใจ และมันคงจะดีมากหากลูกสะใภ้ของเธอเต็มใจที่จะปฏิบัติตาม
ตอนนี้มีคนกระจายข่าวเกี่ยวกับลูกสะใภ้ของเธอและตู้อวิ๋นเซิง อีกทั้งลูกชายเธอกับลูกสะใภ้ก็แทบจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ดังนั้นไม่ช้าก็เร็วอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
แม้ว่าเธอจะเชื่อใจลูกสะใภ้ของตน แต่ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้
เสิ่นอี้โจวตอบอย่างคลุมเครือว่า “ไว้เราค่อยพูดถึงเรื่องนี้กันทีหลังเถอะครับ”
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา สถาบันขยายตัวขึ้นมาก จึงมีคนเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ตามความคิดเดิมของเสิ่นอี้โจว ถ้าเขาต้องอยู่ที่นั่นคนเดียว เขาจะสละโควตานั้นให้คนอื่น
แต่ตอนนี้…ชายหนุ่มเหลือบมองไปที่เซี่ยชิงหยวน ก่อนจะก้มศีรษะลงเพื่อรับประทานอาหารต่อ
จู่ ๆ เซี่ยชิงหยวนก็วางชามและตะเกียบของเธอลง แล้วพูดขึ้นว่า “อี้โจว คุณควรไปเลือกบ้านพัก เมื่อวันหยุดของคุณหมดลง ครั้งนี้ฉันจะไปกับคุณด้วย”
คําพูดของหญิงสาวทําให้หลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินต่างตกตะลึง พวกเขาต่างพากันมองมาทางเธออย่างพร้อมเพรียง
อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของเสิ่นอี้โจวกลับนิ่งสนิท การแสดงออกของชายหนุ่มดูคาดเดายาก
เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มออกมา “พวกคุณได้ยินถูกแล้ว ครั้งนี้ฉันจะไปกับอี้โจว”
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เธอจะปฏิเสธมันอย่างแน่นอน อีกทั้งยังจะตะคอกและพูดจาดูถูกอีกฝ่ายออกไป
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป
หากเธอต้องการมัดใจผู้ชาย ไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน เธอก็ต้องไปอยู่ที่นั่นด้วยจริงไหม?
สิ่งที่เรียกว่าผู้หญิงไล่ตามผู้ชาย หญิงสาวไม่เชื่อว่าเธอจะทําไม่ได้
หลินตงซิ่วหัวเราะออกมาทันที “เยี่ยม เยี่ยมมาก!”
บางทีหลังจากตกน้ำเมื่อวานนี้ ลูกสะใภ้ก็อาจจะคิดได้แล้ว
ด้วยวิธีนี้ ผู้เป็นแม่สามีเช่นเธอคงไม่ต้องกังวลกับคู่ของพวกเขาแล้ว เธอเชื่อว่า อีกไม่นานคงจะได้อุ้มหลานชายตัวอ้วนกลม!
เมื่อเทียบกับความสุขของหลินตงซิ่ว ชายหนุ่มกลับตอบเพียงว่า “เข้าใจแล้ว”
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ทุกคนต่างมีวิธีคิดเป็นของตนเอง จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายหลังจากจบมื้ออาหารค่ำ
ในเวลากลางคืน ข้างนอกเงียบสงัดอย่างมาก มีเพียงเสียงร้องของแมลงตัวเล็กตามทุ่งนาและทุ่งหญ้า
ภายในห้องนอน เซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่บนเตียง และเฝ้ามองเสิ่นอี้โจวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกเงียบ ๆ
เมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นจากเก้าอี้โยก เขาก็เดินไปที่โต๊ะและเป่าตะเกียงน้ำมันก๊าดให้ดับ “นี่ดึกแล้วนอนเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน”
เซี่ยชิงหยวนหยุดผู้เป็นสามีไม่ทัน เมื่อตะเกียงน้ำมันก๊าดดับลงจึงเหลือเพียงความเงียบงัน และแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างเท่านั้น
ชายหนุ่มยังคงยืนอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ขยับ ดูเหมือนเขาจะกำลังรอประโยคต่อไปของอีกฝ่าย
หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ตัดสินใจและพูดว่า “คุณจะไม่นอนบนเตียงเหรอ”
สิ่งที่ตอบหญิงสาวคือความเงียบระยะสั้น ๆ จากนั้นเธอก็ได้ยินเสิ่นอี้โจวพูดว่า “ชิงหยวน คุณเป็นอะไรไป”
แทนที่จะยอมรับตามที่อีกฝ่ายถาม แต่เธอตอบว่า “มีอะไรผิดปกติ”
ในชั่วพริบตานั้น ความทรงจําของเธอก็ถาโถมเข้ามาเหมือนกระแสน้ำ
ตั้งแต่คืนแต่งงานที่ไม่มีความสุข ชายหนุ่มพยายามอีกสองสามครั้งหลังจากนั้น จนทำให้เธอร้องไห้ตาแดงก่ำ ประกอบกับความสัมพันธ์ที่ระหองระแหงมากขึ้นระหว่างทั้งสอง หญิงสาวจึงไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันเตียงกับอีกฝ่าย
ดังนั้นทุกครั้งที่เขากลับมา ก็จะนอนบนเก้าอี้เอนหลัง
เมื่อจำทุกอย่างได้แล้ว ลำคอของเซี่ยชิงหยวนก็ตีบตัน
เธอปฏิบัติต่ออีกฝ่ายแย่มากในอดีต
หญิงสาวส่ายหัวออกไป “ไม่มีอะไร”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้า เสิ่นอี้โจวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่พูดทิ้งไว้หนึ่งประโยค “พักผ่อนเถอะ”
จากนั้นชายหนุ่มจึงกลับไปนั่งที่เก้าอี้โยก
หญิงสาวนอนบนเตียง แต่พลิกไปพลิกมาหลายครั้ง เพราะเธอมีบางอย่างในใจและยากจะนอนหลับ
หญิงสาวหันหน้าไปทางทิศทางของชายหนุ่ม
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา หญิงสาวจึงเห็นว่า เขานอนราบอยู่บนเก้าอี้เอนหลัง ด้วยรูปร่างที่สูงของเขา เท้าของชายหนุ่มจึงยื่นออกมาตรงแขนเก้าอี้ เขาขดตัวเล็กน้อยแลดูน่าอึดอัด
มือของเขาวางไว้ที่หน้าท้อง แม้ในยามที่นอนหลับ คิ้วของอีกฝ่ายก็ยังคงขมวดเล็กน้อย หญิงสาวย้อนคิดไปว่า ชายหนุ่มก็อาจทำอะไม่ถูกที่ต้องมาแต่งงานกับเธอเช่นกัน
เธออดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอีกครั้งว่า “เสิ่นอี้โจว สิ่งที่ฉันพูดระหว่างมื้อเย็นวันนี้ ฉันจริงจังนะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นอี้โจวก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และปิดมันอีกครั้ง “อืม”
เขาตอบอย่างรวบรัดและหนักแน่น
เซี่ยชิงหยวนมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจแล้วหลับไปโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หญิงสาวนอนหลับและหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เสิ่นอี้โจวซึ่งเดิมนอนอยู่บนเก้าอี้เอนหลังก็ลืมตาขึ้น
เขาค่อย ๆ หันไปมองเซี่ยชิงหยวนที่กําลังนอนหลับอยู่บนเตียง
สายตาของเขากระจ่างใสและลุ่มลึก ดูราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างผ่านการมองใบหน้าของเธอ
หลังจากคืนที่นอนไม่หลับ เซี่ยชิงหยวนก็ตื่นขึ้นมา โดยชายหนุ่มได้หายไปแล้ว
เธอมองไปที่เก้าอี้เอนหลัง ซึ่งถูกจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว ผ้าห่มที่เขาใช้เมื่อคืนถูกพับอย่างเรียบร้อย และวางไว้ที่ปลายเตียง
ในขณะที่เธอกำลังงุนงง หญิงสาวก็ได้ยินเสียงมาจากลานหน้าบ้าน มันเป็นเสียงของเสิ่นอี้โจวกับเสิ่นอี้หลิน
เธอรีบลุกขึ้นแต่งตัวและเดินออกจากห้อง
ดูเหมือนชายหนุ่มจะเพิ่งกลับมาหลังจากไปตักน้ำข้างนอก และตอนนี้เขากําลังยกถังขึ้นเพื่อเทน้ำลงไปในโอ่ง
กล้ามเนื้อแขนของเขากระชับขึ้นเพราะการออกแรงยกถังน้ำขึ้น และมันก็ดสวยงามมากเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นมาแล้ว เขาก็วางถังน้ำลงและพูดว่า “ผมเตรียมอาหารเช้าไว้ในหม้อแล้ว หลังจากกินเสร็จเราจะไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวากัน”
เซี่ยชิงหยวนตกตะลึง “กลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวา?”
—————————