บทที่ 19 แสดงหาความยุติธรรมให้ตัวเอง
บทที่ 19 แสดงหาความยุติธรรมให้ตัวเอง
ในที่สุดตอนนี้หวังชุ่ยเฟินก็รู้ว่าเซี่ยชิงหยวนโกหกเธอมาโดยตลอด!
เซี่ยชิงหยวนจงใจเดินช้า ๆ เพื่อถ่วงเวลา จงใจโกหกเธอว่าจะกลับไปเอาของ แต่ที่จริงมันคือการวางแผนจัดฉากให้เธอกลายเป็นคนผิด!
หวังชุ่ยเฟินมองไปที่ดวงตาของเซี่ยชิงหยวน เธออยากจะฉีกอีกฝ่ายออกเป็นชิ้น ๆ เพื่อชำระแค้นในครั้งนี้
เมื่อหญิงสาววิ่งไปหาอีกฝ่าย เสิ่นอี้โจวก็ก้าวมาข้างหน้าเพื่อปกป้องผู้เป็นภรรยา จากนั้นชายหนุ่มก็ผลักหวังชุ่ยเฟินออกไปด้านข้าง
หวังชุ่ยเฟินล้มลงกับพื้นอย่างแรงอีกครั้ง
“พอ!” ผู้ใหญ่บ้านชรากระแทกไม้เท้าในมือและตะคอกว่า “คุณยังอายไม่พออีกหรือยังไง!”
จากนั้นเขาก็พูดกับเจี่ยกุ้ย “เจี่ยกุ้ย คุณพาภรรยาของคุณกลับมาซะ”
เมื่อเจี่ยกุ้ยได้ยินว่าหวังชุ่ยเฟินเป็นภรรยาของตัวเองในตอนนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนได้กลืนแมลงวันเข้าไป
เขาลากหวังชุ่ยเฟินที่ยังคงคร่ำครวญกลับมาอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
จากนั้นผู้ใหญ่บ้านชราก็พูดว่า “พาตู้อวิ๋นเซิงมาตรงนี้เร็ว ๆ”
ผู้ใหญ่บ้านเจียงยังคงกระฉับกระเฉง ดังนั้นเมื่อมาถึง เขาจึงสั่งให้ชาวบ้านจับหวังชุ่ยเฟิงกับตู่อวิ๋นเซิงแยกจากกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งสองนัดแนะอะไรกันได้อีก
เมื่อตู้อวิ๋นเซิงถูกพามาตรงนั้น สภาพของเขาดูบอบช้ำและสะบักสะบอมมาก
เลนส์แว่นร้าว เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกซักอย่างดีขาดวิ่น อีกทั้งยังมีรอยเท้าประทับอยู่ และใบหน้าก็มีรอยข่วนแดงเต็มไปหมด
เนื่องจากเซี่ยชิงหยวนมาถึงแล้ว เมื่อตู้อวิ๋นเซิงถูกพาตัวมา ทุกคนจึงมุ่งความสนใจไปยังคนทั้งสอง
แต่ชายหนุ่มเพียงมองหญิงสาวอย่างเฉยชา จากนั้นก็เดินก้มหน้าลง
คนที่รอชมการแสดงดี ๆ ต่างก็แอบเสียดาย
ผู้ใหญ่บ้านชรากระแอมในลำคอและพูดกับเสิ่นอี้โจวและคนอื่น ๆ ว่า “ที่ฉันเชิญพวกคุณมาที่นี่วันนี้ พวกคุณควรรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
เขาหยุดชั่วคราวแล้วมองไปที่เซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวน ตามที่ชุ่ยเฟินพูดเมื่อครู่ คุณกับตู้อวิ๋นเซิงได้แอบนัดพบกันในคืนนี้ คุณมีอะไรอยากจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม”
ครอบครัวของเจี่ยกุ้ยขายเนื้อหมูเพื่อดำรงชีพและเลี้ยงดูครอบครัว ภูมิหลังของตระกูลเจี่ยนั้นก็ร่ำรวยมากเช่นกัน และเขาก็มักจะส่งสิ่งของไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านชราในช่วงวันหยุด ดังนั้นการที่เขาออกหน้าให้กับคนเหล่านี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา
ในชีวิตที่แล้ว เมื่อเสิ่นอี้โจวและหลินตงซิ่วมาถึง เธอกำลังถูกพวกผู้หญิงที่ผานเยว่กุ้ยพามากดลงกับพื้น ผมของเธอถูกกระชาก เสื้อผ้าของเธอขาดวิ่น และแม้แต่ร่างกายของเธอก็ถูกหยิกจนเป็นดำเขียว ทั้งยังถ่มน้ำลายใส่เธอ
ในเวลานั้น หวังชุ่ยเฟินยืนอยู่ข้างผู้ใหญ่บ้านและทั้งสองก็เฝ้าดูด้วยกันอย่างเย็นชา
ความทรงจำนั้นฉายซ้ำในใจของเซี่ยชิงหยวน ความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตาของเธออย่างแจ่มชัด จนเธอต้องรีบบังคับตัวเองให้อดทนและเก็บกดมันเอาไว้
เธอสามารถมีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อเป็นเจ้าสวรรค์หรือเจ้าโลก แต่เพื่อแสวงหาความยุติธรรมให้ตัวเอง!
เธอปล่อยมือออกจากเสิ่นอี้โจว ยืดหลังตรงและพูดเสียงดัง “ผู้ใหญ่บ้านคะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น หลังมื้อเย็น ฉันไปเดินเล่นกับหวังชุ่ยเฟินก็จริง แต่เธอบอกว่ามีธุระ ฉันจึงกลับบ้านไป หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว ผู้คนโดยรอบก็เริ่มพูดคุยกัน
หลังจาก ‘ความพยายามอย่างต่อเนื่อง’ และความชั่วร้ายของผานเยว่กุ้ยกับหวังชุ่ยเฟินถูกกระจายออกไปเป็นวงกว้าง ชาวบ้านก็ยังคงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเธอและตู้อวิ๋นเซิง
ผู้ใหญ่บ้านชราหรี่ตามองอีกฝ่าย “ชิงหยวน ถ้าคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตู้อวิ๋นเซิงจริง ๆ มันจะมีข่าวลือนั้นที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านได้ยังไง ข่าวลือคงไม่เกิดขึ้นหากไม่มีมูลความจริงใช่ไหม?”
คำพูดนี้หยาบคายยิ่ง ราวกับเซี่ยชิงหยวนถูกตราหน้าว่าเป็น ‘นังแพศยา’ ไปแล้ว
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของผู้ใหญ่บ้าน เสิ่นอี้โจวก็เดินเข้ามาและกำลังจะกล่าวบางอย่าง แต่เซี่ยชิงหยวนจับมือของเขาไว้แล้วส่งยิ้มให้
รอยยิ้มนั้นมั่นคงและดูสงบนิ่ง
เธอรู้สึกขอบคุณมากแล้วที่เขายังคงยืนเคียงข้างเธอแบบนี้ แต่เธอไม่ต้องการให้เขาตกอยู่ในข้อพิพาทที่ไม่จำเป็นเพราะเธออีก
ครั้งนี้เธอต้องแสวงหาความยุติธรรมให้กับตัวเอง
ชีวิตในชาติที่แล้วของเธอพังพินาศลงที่นี่ ดั้งนั้นครั้งนี้เธอจะลุกยืนขึ้นมาใหม่จากจุดนี้เช่นกัน
หญิงสาวมองไปที่ผู้ใหญ่บ้านชราด้วยสีหน้าเหยียดหยัน “ผู้ใหญ่บ้านคุณเพิ่งบอกว่ามันเป็นข่าวลือ แล้วคุณคิดว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริงได้สักกี่เรื่องกัน?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอชัดขึ้น “ตอนนี้มันเป็นสังคมสมัยใหม่แล้ว ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามหลักฐาน ถ้าใครก็ตามใช้ข่าวลือมากล่าวหาคนอื่นได้ มันจะไม่เท่ากับว่าสามารถฆ่าคนได้โดยไม่มีความผิดเหรอ ผู้ใหญ่บ้านคิดว่าฉันพูดถูกรึเปล่าคะ”
ผู้ใหญ่บ้านชราไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เซี่ยชิงหยวนผู้ซื่อสัตย์และเป็นมิตรเสมอมาจะพูดคำเหล่านี้ขึ้นมาได้ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน”
เขาถามต่อไป “ถ้างั้นฉันขอถามกลับ คุณมีหลักฐานมาพิสูจน์คำพูดของตัวเองไหม”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ดวงตาและคิ้วของเซี่ยชิงหยวนก็แสดงความเขินอายออกมา แล้วพูดว่า “ฉันกลับไปที่บ้านแล้ว…จากนั้นก็เข้าห้องกับอี้โจว”
พูดจบ เธอก็เหลือบมองที่ชายหนุ่มอย่างเสน่หา
เสิ่นอี้โจวยืนอยู่ข้าง ๆ ทำหน้าทำตารับ ‘ความรัก’ ของเธออยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกระแอมไอในลำคอและพูดว่า “ใช่ เราอยู่ด้วยกันในห้อง”
ผู้ใหญ่บ้านชรามองไปที่ผานเยว่กุ้ยและคนอื่น ๆ “สิ่งที่พวกเขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”
หลายคนพยายามผลักผานเยว่กุ้ยออกไป
ผานเยว่กุ้ยหน้าแดงและพยักหน้า “จริง”
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่หวังชุ่ยเฟินต้องการเห็นเลยสักนิด
เธอจ้องเขม็งไปยังเซี่ยชิงหยวนด้วยดวงตาแดงก่ำ “ชิงหยวน! ทำไมเธอถึงใส่ร้ายฉันแบบนี้! ฉันและเธอคบหากันมาหลายปีราวกับเป็นพี่น้อง เธอกับตู้อวิ๋นเซิงมีความสัมพันธ์กันมาก่อน และวันนี้เธอก็เป็นคนที่นัดพบกับตู้อวิ๋นเซิง เธอใช้ให้ฉันเป็นคนส่งข้อความ แต่ทำไมตอนนี้… เธอกลับจัดฉากให้ฉันเป็นคนไปยุ่งกับเขาได้ยังไง!”
หวังชุ่ยเฟินยังคงร้องไห้ราวกับว่าเธอถูกเข้าใจผิดอย่างมหันต์
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนหันกลับไปมองที่เซี่ยชิงหยวนด้วยความสงสัย
มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวนและตู้อวิ๋นเซิง
เซี่ยชิงหยวนเฝ้าดูการแสดงของหวังชุ่ยเฟินอย่างเย็นชา เธอปรบมือและเดินไปหยุดอยู่ตรงด้านหน้าของหวังชุ่ยเฟิน “ฉันไม่เคยรู้เลยจริง ๆ ว่าฝีมือการแสดงของเธอดีมากขนาดนี้”
เธอมองไปที่หวังชุ่ยเฟินแล้วพูดว่า “ชุ่ยเฟิน ฉันเองก็อยากจะถามเธอเหมือนกันว่าเธอทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง เราเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี ฉันไม่ดีพอสำหรับเธอหรือฉันทำอะไรให้เธอไม่ชอบใจงั้นเหรอ?”
ประโยคนี้เธอต้องการถามมันมาเสมอตั้งแต่ชีวิตที่แล้ว
เธอปฏิบัติต่อหวังชุ่ยเฟินอย่างดีตั้งแต่เด็ก เหมือนเป็นพี่น้องแท้ ๆ ของตัวเอง แต่อีกฝ่ายกลับตอบแทนเธอแบบนี้หรือ
ผู้หญิงคนนี้อิจฉาเธอ ใส่ร้ายเธอ และแม้กระทั่งทำลายชีวิตเธอ…
ในยุคนี้ชื่อเสียงมีความสำคัญพอ ๆ กับชีวิตของผู้หญิง!
เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองที่ดุดันของอีกฝ่าย หวังชุ่ยเฟินก็พบว่าเธอแทบมองหน้าอีกฝ่ายไม่ติด
เธอไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแสดงท่าทางเศร้า ๆ “ชิงหยวน เธอหยุดการแสดงเถอะ ยอมรับความจริงนี้ซะ!”
ปฏิกิริยาของเซี่ยชิงหยวนที่มีต่อหวังชุ่ยเฟิน เป็นไปตามความคาดหวังของเซี่ยชิงหยวน
ทว่าความอดทนของเธอก็หมดลงแล้ว
เซี่ยชิงหยวนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่บ้านเจียงและชาวบ้านแล้วพูดว่า “ในเมื่อทุกคนเชื่อว่าฉันมีความสัมพันธ์กับตู้อวิ๋นเซิง ฉันมีคำถามจะถามพวกคุณสามข้อ”
“หนึ่ง มีใครเห็นฉันกับตู้อวิ๋นเซิงอยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัวบ้าง?”
น้ำเสียงของเธอไม่ได้ดังเสียจนฟังดูดุดัน และเธอก็มีสีหน้าสงบนิ่ง ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเข้มแข็งอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอพูดต่อ “สองคือ ทุกคนคงคาดเดาเรื่องทั้งหมดนี้ได้ว่า ข่าวลือเกี่ยวกับฉันและตู้อวิ๋นเซิงมาจากใครตั้งแต่แรก? และผู้ปล่อยข่าวลือจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้หรือเปล่า”
หลังจากถามคำถามนี้ สายตาของเซี่ยชิงหยวนก็มองไปยังหวังชุ่ยเฟินกับผานเยว่กุ้ย
เมื่อดวงตาคู่งามส่งสายตาข่มขู่มาให้ พวกชาวบ้านก็แทบจะเบือนสายตาหนีจากอีกฝ่ายแทบไม่ทัน