บทที่ 47 เขาอุ้มเธอ
หลังจากการช็อกครั้งใหญ่ ความโศกเศร้าก็รุมเข้าเกาะกุมจิตใจของเซี่ยชิงหยวน จนทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก
เธอจำได้ว่าเมื่อชาติก่อน ตนเองปฏิบัติต่อเสิ่นอี้โจวย่ำแย่เพียงใด เมื่อได้ยินเขาพูดว่า “ชิงหยวน นี่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ แต่เป็นความผิดปกติของร่างกายผมเอง”
เธอตะคอกใส่เขาอย่างกับคนเป็นโรคฮิสทีเรีย ซึ่งมันรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เธอแต่งงานกับเขามา
เธอร้องไห้ “เสิ่นอี้โจว ฉันเกลียดคุณ! คุณรู้ไหมว่าฉันต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้มามากแค่ไหน? ฉันต้องการหย่ากับคุณ!”
เสิ่นอี้โจวดูเจ็บปวดมาก ทว่าเขายังคงกอดเธอไว้แน่น ปล่อยให้เธอทุบตีและดุด่า โดนไม่โต้ตอบแม้แต่คำเดียว
กระทั่งตอนที่เขาได้ยินคนอื่นพูดถึงเรื่องลูกอีกครั้ง เขาก็จะเป็นฝ่ายพูดก่อนเสมอว่ามันเป็นปัญหาที่ตัวเขา
ชายหนุ่มเลือกที่จะแบกรับทุกอย่างไว้เงียบ ๆ คนเดียว
ตอนนั้นเขาจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ
งานฝังศพของเสิ่นอี้โจวยังคงชัดเจนในความทรงจำของเธอ เซี่ยชิงหยวนกำหน้าอกแน่นโดยไม่รู้ตัว หัวใจของเธอปวดร้าวอย่างรุนแรงเสียจนแทบหายใจไม่ออก
ถ้านี่คือการลงโทษของพระเจ้าที่มอบให้แก่เธอ และหญิงสาวยินยอมที่จะแบกรับมัน
แต่ทำไมเรื่องราวถึงเกิดขึ้นหลังจากเธอตัดสินใจจะใช้ชีวิตอยู่กับเสิ่นอี้โจวแบบนี้?
แล้วตอนนี้เธอควรเผชิญหน้ากับเขายังไง?
เมื่อคุณหมอมองเซี่ยชิงหยวนที่มีน้ำตาไหลรินออกมา เขาก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายและสะท้อนใจ
คุณหมอยืนขึ้นและตบหลังเซี่ยชิงหยวน “อย่ากังวลไปเลย หมอเคยได้ยินมาว่ามีบางเคสรักษาได้สำเร็จอยู่นะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่มีอารมณ์จะฟังหมออีกต่อไป เธอพยักหน้ารับ “ขอบคุณค่ะหมอ”
หลังจากพูดจบ เธอก็รับผลตรวจและเดินออกไป
เช่นเดียวกับเซี่ยชิงหยวน เจียงเพ่ยหลานก็เหม่อลอยและกลับไปที่สถาบันวิจัยพลางมีความคิดมากมายในหัว
แต่เมื่อเดินไปถึงอาณาเขตในสถาบันวิจัย เจียงเพ่ยหลานก็แยกกลับไปที่บ้านของเธอ ในขณะที่เซี่ยชิงหยวนมุ่งตรงไปที่อาคารสำนักงาน
ในใจของหญิงสาวมีความอัดอั้นมากมาย เธอคงไม่มีทางรู้สึกสบายใจได้หากเธอไม่คุยกับเขาให้ชัดเจน
เซี่ยชิงหยวนเดินเข้าไปในอาคารสำนักงานที่เสิ่นอี้โจวเคยพาเธอมาโดยอาศัยความทรงจำของชาติที่แล้ว เมื่อเห็นป้ายตัวอักษร ‘แผนกวิจัยธรณีวิทยา’ หญิงสาวก็ถอยกลับทันที
เธอจะถามอะไรเขาได้บ้าง?
มีเพียงแค่ฉันที่กลับมาเกิดใหม่ และจดจำเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นได้
แล้วเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ เสิ่นอี้โจวจะให้คำตอบอะไรแก่เธอได้บ้าง?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็หยุดเดิน
เธอหันหลังกลับและกำลังจะจากไป
“พี่สะใภ้?” โจวหยางที่เดินออกมาจากห้องข้าง ๆ บังเอิญพบกับเซี่ยชิงหยวนพอดี
เขาเดินเข้าหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว “พี่สะใภ้กำลังมองหาพี่เสิ่นใช่ไหมครับ รีบเข้าไปเร็ว ๆ สิครับ”
ขณะที่พูด เขาก็พาเธอเข้าไปข้างใน
เมื่อเข้าไปภายในห้อง หญิงสาวก็เห็นห้องที่เหมือนกับห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีเครื่องมือต่าง ๆ อยู่ในนั้นมากมาย เสิ่นอี้โจวสวมเสื้อคลุมสีขาวและกำลังเขียนบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ
ขณะที่เธอกำลังจะเรียกหาเขา ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินไปที่ทางด้านข้างของเสิ่นอี้โจวและพูดคุยกับเขา
ท่าทางของเสิ่นอี้โจวนั้นเย็นชาแต่สุภาพ ดวงตาของเขาจดจ่อและจริงจัง
ผู้หญิงคนนั้นยังเด็กมาก รูปร่างสูงเพรียว ผมดัดลอนดูทันสมัยมากในยุคนี้ และติดกิ๊บหนีบผมอันหนึ่งไว้ด้านหลังใบหูของเธอ
เธอไม่ได้สะสวยเป็นพิเศษ แต่กลับปรากฏแววกล้าหาญบริเวณคิ้วทั้งสอง ริมฝีปากแดงอวบอิ่ม ทั่วทั้งเรือนร่างของเธอดูมีความสง่างามเช่นสตรีพึงมี
พวกเขาไม่รู้เลยว่าคนทั้งสองกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ผู้หญิงคนนั้นขยับเข้ามาใกล้อี้โจวมากขึ้น พลางชี้ไปยังกระดาษเบื้องหน้าชายหนุ่ม
ทั้งสองพูดตอบโต้กันไปมาพลางทำหน้าตาราวกับเข้าใจกันและกันโดยปริยาย
แต่ทันใดนั้นหญิงสาวคนนั้นก็ขมวดคิ้ว เอามือกุมขมับและกำลังจะล้มไปทางเสิ่นอี้โจว
ชายหนุ่มพยุงร่างของเธอไว้อย่างรวดเร็วและพูดขึ้น “ระวังด้วย”
ดวงตาของฉินซูอวี้พลันฉายแววแห่งความสุขออกมา จากนั้นเธอก็พยายามยืนให้มั่นคงโดยยังคงท่าทางอ่อนแอไว้ “ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งได้ เสิ่นอี้โจวก็ปล่อยมือออกจากอีกฝ่ายทันที
เซี่ยชิงหยวนเห็นภาพทั้งหมดนี้เต็มสองตา
ทันใดนั้นหญิงสาวก็รู้สึกว่าเธอไม่ต้องการจะถามอะไรอีก
เธอถอยหลังไปสองก้าว หันหลังกลับและกำลังจะจากไป
“พี่สะใภ้!” โจวหยางเองก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเช่นกัน เขากังวลมากว่าเซี่ยชิงหยวนจะเข้าใจผิด
ในขณะเดียวกัน เมื่อได้ยินเสียงร้องของโจวหยาง เสิ่นอี้โจวก็เงยหน้าขึ้นทันที สายตามองเห็นเพียงเซี่ยชิงหยวนที่กำลังจะจากไป
หัวใจของเขาเหมือนหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขารีบผลักฉินซูอวี้ที่ยืนอยู่ข้างหน้าออกไปและไล่ตามไปยังทิศทางที่เซี่ยชิงหยวนออกไปในทันที
ฉินซูอวี้เซจนเกือบล้มไปอีกฝั่งโดยการผลักของเสิ่นอี้โจว ดวงตาคู่งามของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ชายหนุ่มกลับเดินจากไปแล้ว
เมื่อครู่ดูเหมือนจะมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา?
นอกจากนี้ เธอได้ยินโจวหยางเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า “พี่สะใภ้”
หรือว่าผู้หญิงคนนั้นคือภรรยาที่มาจากชนบทของเสิ่นอี้โจว คนที่เขาแต่งงานด้วยหลังจากได้รับการติดต่อผ่านแม่สื่อที่ครอบครัวของเขาจัดหามาให้?
โจวหยางไม่สนใจฉินซูอวี้และรีบไล่ตามไป
เขาคว้าเสิ่นอี้โจวเอาไว้ “พี่เสิ่น พี่ยังต้องขึ้นไปรายงานผลวิจัยในที่ประชุมนะครับ!”
เขาได้ยินว่า วันนี้บุคคลระดับสูงจะมาเข้าร่วมด้วย ดังนั้นการประชุมสรุปนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ทว่าตอนนี้เสิ่นอี้โจวมีเพียงเซี่ยชิงหยวนในสายตา ดังนั้นการประชุมสรุปผลนั้น ในสายตาของเขามันไม่มีค่าอะไรเลย!
และก็มีเสียงในใจบอกเขาว่า ถ้าไม่ตามเธอไปตอนนี้ เขาอาจจะเสียเธอไปตลอดกาล
ดังนั้นเขาจึงถอดเสื้อกาวน์สีขาวออกอย่างไม่ลังเลและส่งให้โจวหยาง “รายงานสรุปอยู่ที่โต๊ะของฉันในสำนักงาน นายเอามันขึ้นไปรายงานแทนฉันได้เลย”
หลังจากพูดจบ เขาก็วิ่งจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
โจวหยางมองเสื้อคลุมสีขาวในมือของเขา และอดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้า “วันนี้เป็นโอกาสที่ดีแท้ ๆ แต่พี่เสิ่นกลับปล่อยมันไปในเวลาสำคัญที่สุดซะงั้น!”
เซี่ยชิงหยวนก้มหน้าและเดินไปที่ทางออกอย่างรวดเร็ว แต่เสิ่นอี้โจวก็เดินตามมาทันในเวลาไม่กี่อึดใจ
เขาจับแขนเธอและสังเกตใบหน้าของผู้เป็นภรรยา “ชิงหยวน มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”
หญิงสาวยังคงไม่เงยหน้า เธอกลัวว่าเมื่อเห็นใบหน้าเขา น้ำตาของเธอจะไหลออกมาไม่หยุด
เธอพยายามอย่างหนักที่จะแกะมือของเขาออกพลางพูดเน้นเสียงว่า “คุณไล่ตามฉันเพื่ออะไร แค่ไปกับผู้หญิงคนนั้นซะ แล้วปล่อยฉันไป!”
เซี่ยชิงหยวนโกรธมากอย่างเห็นได้ชัด แล้วเสิ่นอี้โจวจะกลับไปได้ยังไง เขาจะปล่อยให้เธอไปทั้งแบบนี้ได้เหรอ?
เขาดึงเธอเข้ามาใกล้ด้วยแขนอันทรงพลัง “ผมจะไม่ปล่อยคุณไปเว้นแต่คุณจะฟังผมอธิบายก่อน”
ที่ที่พวกเขาสองคนยืนอยู่ตอนนี้คือประตูหน้าของอาคารสำนักงาน นอกจากคนเฝ้าประตูก็ยังมีพนักงานเดินไปมา ดังนั้นเมื่อเห็นการกระทำยื้อยุดกันแบบนี้ของพวกเขา ฝีเท้าของคนที่เดินผ่านไปมาพลันชะลอลง
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังใบหน้าด้านข้างของเสิ่นอี้โจว แม้แต่ในเวลานี้เขาก็ยังสามารถรักษาใบหน้าที่สงบของเขาไว้ได้อีกเหรอ?
มันเป็นเพราะนี่คือเป็นธรรมชาติของเขา หรือว่าในใจของเขาไม่ได้สนใจเธอเลย?
เมื่อความคิดแบบนี้เกิดขึ้น ความรำคาญก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ ความสำนึกผิดและคำขอโทษทั้งหมดที่เธอสั่งสมมากลายเป็นความคับแค้นใจและความโกรธในขณะนี้
ดังนั้นหญิงสาวจึงยกเท้าขึ้นและกระทืบหลังเท้าของอีกฝ่ายอย่างแรง ฉวยโอกาสจากตอนที่อีกฝ่ายกำลังเจ็บปวด เธอจึงหันหลังกลับและจากไป
เสิ่นอี้โจวกระโดดไปมาสองก้าวด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเขามืดมนลง จากนั้นจึงจับตัวเธอไว้ รวบขาทั้งสองขึ้น แล้วอุ้มเธอขึ้นบ่าก่อนจะเดินกลับไปที่บ้าน
ทันใดนั้นเซี่ยชิงหยวนที่ถูกอุ้มขึ้นบนบ่าของชายหนุ่ม ก็เอื้อมมือไปทุบหลังของเขา “คุณมันบ้า ปล่อยฉันนะ!”
การกระทำที่ฉับไวของเสิ่นอี้โจวทำให้คนที่อยู่แถวนั้นตกตะลึงในทันที
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
มันใช่ภาพที่พวกเขาควรเห็นเหรอ?
ไม่ ไม่ ไม่สิ นี่ยังเป็นเสิ่นอี้โจวผู้เย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็งอยู่หรือเปล่า?
ฉินซูอวี้วิ่งไล่ตามมาถึงล็อบบี้ทันเวลา เธอจึงเห็นแผ่นหลังของเสิ่นอี้โจวที่กำลังเดินอุ้มเซี่ยชิงหยวนออกไป
เมื่อผู้คนเห็นเธอ พวกเขาก็พอจะนึกบางอย่างออก เพราะพวกเขาเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเธอและเสิ่นอี้โจว แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรเนื่องจากเธอมีพ่อที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด
เขาผลักเธอออกจากตัวเขาอย่างไม่ไยดี แล้วรีบออกมาเพื่อการนี้?
ใบหน้าของฉินซูอวี้บิดเบี้ยวอยู่ชั่วครู่
เธอเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดในวันนี้ หญิงสาวจึงยังไม่ได้ยินข่าวว่าเสิ่นอี้โจวพาภรรยาจากชนบทมาอยู่ด้วยกัน
ไหนทุกคนพูดกันว่าสามีภรรยาคู่นี้ไม่ลงรอยกันไง?
แต่ทำไมเมื่อครู่เสิ่นอี้โจวถึงประหม่าขนาดนั้น?
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์ แล้วมองไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มจากไปด้วยความมุ่งมั่นจะเอาชนะ