บทที่ 148 พบเจออีกครั้ง
บทที่ 148 พบเจออีกครั้ง
หลังจากทานอาหารเช้าและสอนเสิ่นอี้หลินกับคนอื่น ๆ อ่านเขียนแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็นับเงินสี่ร้อยแปดสิบหยวนจากลิ้นชักและพร้อมที่จะออกไป
หลินตงซิ่วซึ่งออกไปตั้งแต่เช้าตรู่และกลับมาก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ดังนั้นเธอจึงต้องการไปกับลูกสะใภ้
เมื่อเสิ่นอี้หลินได้ยินว่าครอบครัวกำลังจะมีร้านค้าเป็นของตัวเอง เขาจึงต้องการไปเยี่ยมชมด้วยเช่นกัน
อาเซียงกับอาจ้วงก็กล่าวว่า “วันนี้เราไปดูร้านด้วยดีกว่า พรุ่งนี้เราจะได้รู้ว่าต้องส่งผักที่ไหน”
ทันใดนั้นทุกคนก็ตื่นเต้นกันขึ้นมา
เซี่ยชิงหยวนโบกมือเล็ก ๆ ของเธอ “อื้ม เราไปด้วยกันเถอะ”
พวกเขายังนำถัง ผ้าขี้ริ้ว ไม้กวาดพร้อมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ไปด้วย และวางแผนทำความสะอาดร้านทันทีหลังจากทำสัญญาเช่าเสร็จเรียบร้อย
หลังจากทำสัญญาเช่าร้าน จากนี้ทุกวันจะกลายเป็นเผาผลาญเงิน
หญิงชราผู้ปล่อยเช่าร้านไม่คาดคิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะพาคนมากมายมาในวันนี้
ก่อนที่หล่อนจะเปิดปาก เซี่ยชิงหยวนก็กล่าวว่า “นี่คือครอบครัวและเพื่อน ๆ ของฉันเองค่ะ พวกเขาต้องการมาดูสถานที่ด้วยกัน พวกเราไม่ส่งเสียงดังหรอกค่ะ”
หญิงชราพยักหน้า “เข้ามาเถอะ”
ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจขั้นตอนทุกอย่างอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงกันอย่างรวดเร็วและทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย
เซี่ยชิงหยวนรู้เพียงแค่สกุลของคู่หญิงชายชราเท่านั้น แซ่ของชายชราคือหลี่ คนอื่น ๆ จึงเรียกเขาว่าตาเฒ่าหลี่และหญิงชราก็ถูกเรียกว่าแม่เฒ่าหลี่
ลูกชายของผู้เฒ่าทั้งสองอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของมณฑลและลูกสาวคนสุดท้องอาศัยอยู่ในเมืองเตียนเฉิง พวกเขาอาศัยอยู่กับลูกสาวคนสุดท้องในเวลานี้ และลูกชายจะคอยส่งเงินมาให้ทุกเดือน
ตาเฒ่าหลี่มีสุขภาพไม่ค่อยดีนัก เขามักจะรู้สึกไม่ดีในตอนกลางคืน ดังนั้นเขาจึงพักผ่อนได้เฉพาะตอนเช้ามืดและตอนกลางวันเท่านั้น
ดังนั้นแม่เฒ่าหลี่จึงตั้งกฎว่าผู้เช่าต้องไม่ทำธุรกิจที่ส่งเสียงดังเกินไป
เมื่อมอบกุญแจแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็เก็บสัญญาเช่า พับ จูบมัน และใส่ไว้ในกระเป๋าของเธอ
เธอยิ้มและพูดว่า “ในที่สุด เราก็มีร้านแล้ว!”
การยืนขายสลัดผักอยู่ปากทางเข้าตลาดในวันที่อากาศร้อนจัดเป็นงานที่หนักหนาทีเดียว
ในที่สุด พวกเธอก็ไม่ต้องกลัวแดดและฝนอีกต่อไป!
เสิ่นอี้หลินมีความสุขมาก เด็กชายวิ่งไปรอบ ๆ ร้านอย่างเริงร่า
ไม่นานนัก แม่เฒ่าหลี่ที่เดินออกจากร้านไปแล้วก็เดินกลับมาจากสนามหญ้าหลังร้าน
หญิงชราพูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า “ผู้เช่าคนก่อนทิ้งตู้บางใบไว้ที่นี่ เธอลองดูว่าจะใช้ได้ไหมนะ ถ้าไม่ต้องการ ฉันจะให้คนมาเอาไปทิ้ง”
เมื่อได้ยินดังนั้น เธอก็ตอบทันที “ได้ค่ะ ฉันจะไปดูเอง ขอบคุณมากนะคะ คุณย่าหลี่!”
เซี่ยชิงหยวนติดตามแม่เฒ่าหลี่ไปยังห้องเก็บของในสนามหญ้าหลังร้าน ซึ่งมีตู้ยาวสองตู้
ตู้มีความสูงประมาณหนึ่งเมตรและยาวสามเมตร มีชั้นวางทั้งหมดสามชั้น
หากมองดี ๆ จะพบว่า การออกแบบตู้เดิมนั้นเป็นตู้กระจกทั้งหมด ทว่าตอนกลับเหลือบานกระจกเพียงชั้นเดียวเท่านั้น
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนสว่างวาบทันที
นี่มันตู้แบบที่เธอต้องการซื้อไม่ใช่เหรอ!
แม้ตู้จะค่อนข้างเก่าก็จริง แต่ทาสีนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว
ส่วนบานกระจกทีเหลือ สั่งให้คนมาช่วยติดตั้งก็เรียบร้อยแล้ว
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าทันที “ฉันต้องการตู้สองใบนี้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณย่าหลี่!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ต้องการให้เงินแก่หญิงชรา
แม่เฒ่าหลี่โบกมืออย่างรวดเร็ว “ฉันจะโยนทิ้งอยู่แล้วถ้าเธอไม่ต้องการ ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องให้เงินฉันหรอก”
หญิงชราหยุดกล่าวเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อ “แค่อย่าทำเสียงดังมากเมื่อถึงเวลาจริง ๆ ก็พอ”
เซี่ยชิงหยวนถามหญิงชราอีกครั้ง “คุณย่าคะ ฉันต้องการตกแต่งร้านใหม่ และฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงมากเกินไป ฉันทำได้ไหมคะ?”
แม่เฒ่าหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เธอจะทำอะไรก็ได้ตราบใดที่เธอไม่ทำลายบ้านของฉัน”
หลังจากพูดจบ หญิงชราก็พาขาชราก้าวกลับไปที่ห้องตน
เมื่อมองไปทางด้านหลังของแม่เฒ่าหลี่ เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นหญิงชราที่มีจิตใจดีแท้ ๆ แต่กลับทำตัวเหมือนไร้ความปรานีตลอดเวลาเสียอย่างนั้น
…
เซี่ยชิงหยวนเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นสูง ดังนั้นเธอจึงเริ่มทำงานทันที เธอเริ่มจากทำความสะอาดร้าน จากนั้นเดินไปยังร้านค้าที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อซื้อวัสดุและสีทาผนัง
ไม่นานนัก ทั้งร้านก็ดูเหมือนใหม่ทั้งหมด
ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารต้องใส่ใจทั้งความสะอาดและความเรียบง่ายเป็นหลัก เซี่ยชิงหยวนจึงทาผนังทั้งหมดด้วยสีขาว
หากเป็นธุรกิจเสื้อผ้า เธอจะตกแต่งร้านให้ดูหรูหรามีระดับ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้นอีกครั้ง
ตามที่คาดไว้ ในตลาดแห่งนี้มีทุกอย่างและช่างไม้ระดับปรมาจารย์ก็ได้รับการเชิญจากเธอด้วย
หลังจากวัดขนาดตู้ที่ได้มาแล้ว เธอก็บอกให้ช่างช่วยติดตั้งกระจกตอนบ่าย
เซี่ยชิงหยวนทาสีฟ้าบนกรอบตู้ จากนั้นวางมันไว้ในสนามหญ้าหลังร้านเพื่อผึ่งสีให้แห้ง
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทาสีประตูเป็นสีฟ้าเช่นกัน
แต่ก่อนจะทาสีฟ้าที่ประตู เธอได้ผสมสีขาวอีกเล็กน้อย สีที่ได้จึงกลายเป็นสีฟ้าอ่อน
แม้จะมีคนช่วยหลายคน แต่กว่าจะเสร็จงานก็เที่ยงแล้ว
เซี่ยชิงหยวนเรียกรั้งอาเซียงกับอาจ้วงที่กำลังจะกลับบ้าน “ไปหาอะไรกินที่ร้านใกล้ ๆ กันก่อนเถอะ”
ไม่ว่าเธอจะใช้ประโยชน์จากความใจดีของผู้คนมากแค่ไหน มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะขอให้อีกฝ่ายทำงานโดยไม่ได้อะไรตอบแทน
อาเซียงกับอาจ้วงพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็รั้งอยู่ต่อ
พวกเขาเจอแผงขายก๋วยเตี๋ยวในตลาด จากนั้นจึงนั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน
เซี่ยชิงหยวนสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อให้ทุกคนคนละชาม
ขณะที่ทานอาหาร เสิ่นอี้หลินก็เอ่ยขึ้นว่า “มันไม่เห็นจะอร่อยเท่าอาหารของพี่สะใภ้เลย”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและลูบหัวของเด็กน้อย “ถ้านายอยากกิน พี่จะทำให้นายกินเวลาอยู่บ้าน แต่อย่าพยายามหลอกให้พี่ขายนะ มันไม่ใช่เรื่องของการทำเงินได้ไม่ได้ แต่มันต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันในการทำ ฉะนั้นถ้าทำอาหารจานเย็นเพื่อสร้างรายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายจะเป็นการดีต่อเรามากกว่านะ”
เนื่องจากพวกเธอยุ่งมาทั้งวัน หญิงสาวจึงตัดสินใจไม่ให้หลินตงซิ่วไปขายสลัดเย็นกับเธอในตอนบ่ายนี้
หลินตงซิ่วกำลังคิดว่าจะต้มซุปสมุนไพรที่ซื้อมาจากร้านขายยาในตอนเช้าเพื่อให้เสิ่นอี้โจวดื่มอยู่พอดี เธอจึงตัดสินใจอยู่บ้านอย่างว่าง่าย
ดังนั้นวันนี้จึงมีเพียงเซี่ยชิงหยวนกับเจียงเพ่ยหลานที่ออกมาขายสลัดเย็น แต่พวกเธอเตรียมอาหารมามากมายในวันนี้ และกว่าจะขายหมดก็เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว
เซี่ยชิงหยวนลูบเอวที่เคล็ดและพูดกับเจียงเพ่ยหลานว่า “รอให้สีที่เราทาในร้านแห้งสักสองวันก่อน จากนั้นเราค่อยย้ายไปขายที่ร้านถาวรกันนะ”
เจียงเพ่ยหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “อื้ม”
จากนั้นหญิงสาวก็พูดต่อว่า “ฉันดีใจจริง ๆ ที่เธอเช่าร้านได้เร็วขนาดนี้”
การที่เธอมาช่วยขายทุกวัน ทำให้เจียงเพ่ยหลานได้เห็นว่าสลัดผักเย็นของเซี่ยชิงหยวนเป็นที่นิยมมากเพียงใด
ต่อให้มีคนพยายามขโมยกิจการ เซี่ยชิงหยวนก็ยังสามารถสงบสติอารมณ์และยึดมั่นในหลักการขายของตัวเองได้
ต้องกล่าวว่าความสำเร็จในวันนี้เกิดขึ้นจากความสามารถของเซี่ยชิงหยวน
และอีกประการหนึ่งคือการสนับสนุนของเสิ่นอี้โจวเช่นกัน
เจียงเพ่ยหลานรู้สึกว่าเซี่ยชิงหยวนเป็นคนที่แตกต่างจากคนธรรมดา และในอนาคตอีกฝ่ายจะต้องประสบความสำเร็จมากกว่าวันนี้อย่างแน่นอน
เซี่ยชิงหยวนร่ำลาเจียงเพ่ยหลานแล้วขี่จักรยานสามล้อกลับบ้าน
แสงตะวันที่สาดส่องลงมาบนร่างของหญิงสาวทำให้เงาแผ่นหลังของเธอทอดยาวออกไป
ไหล่ของเธอยังคงผอมบาง แต่นั่นไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายดูอ่อนแอแม้แต่น้อย
เมื่อมาถึงตรงสี่แยก เซี่ยชิงหยวนก็ต้องหยุดดูรถก่อน
หลังจากรถราผ่านไป เซี่ยชิงหยวนก็ขับตามฝูงชนขนาดใหญ่เพื่อข้ามสี่แยก
ทันทีที่เธอขี่สามล้อไปฝั่งตรงข้ามแยก เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย “คุณเองเหรอครับ?”
เซี่ยชิงหยวนหันกลับมาด้วยความงุนงง และพบว่าเป็นหลิงเยี่ยคนที่ช่วยชีวิตเธอในวันนั้น
เธอลงจากรถด้วยความประหลาดใจ “คุณมาที่นี่ด้วยเหรอคะ? บังเอิญจังเลย!”