กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 159 ขอให้คุณพบเจอกับความสุขสงบชั่วชีวิต

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 159 ขอให้คุณพบเจอกับความสุขสงบชั่วชีวิต

บทที่ 159 ขอให้คุณพบเจอกับความสุขสงบชั่วชีวิต

เมื่อคนทั้งสองไปถึง ก็เป็นเวลาเก้าโมงครึ่งแล้ว

เสี่ยวหลิวขับรถมาส่งที่ทางเข้าตลาดและจากไป

ร้านใกล้จะพร้อมเปิดแล้ว และสลัดที่จะขายในวันนี้ก็เตรียมไว้พร้อมแล้วเช่นกัน

เด็กหญิงตัวเล็กที่ขายดอกไม้เมื่อวานเฝ้าประตูร้านอยู่ เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนกำลังมา เธอก็รีบวิ่งมาส่งดอกไม้ให้ทันที

ดวงตากลมโตคู่นั้นมองเซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวปริบ ๆ

ตั้งแต่เกิดมา เธอยังไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีขนาดนี้มาก่อน!

เสิ่นอี้โจวหยิบเงินออกมาให้เด็กหญิงและลูบผมของเธอ “ขอบคุณนะ”

เด็กหญิงตัวเล็กหน้าแดง จากนั้นก็วิ่งหนีไป

เธอวิ่งไปสองสามก้าวแล้วหันกลับมา “พี่สาว พรุ่งนี้พี่ยังต้องการดอกไม้อีกไหมคะ?”

เมื่อมองใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กหญิง เซี่ยชิงหยวนก็คลี่ยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอบอกพี่สาวคนนี้ก่อนว่าไปเก็บดอกไม้มาจากไหนทุกวัน และมีใครไปเก็บกับเธอไหมจ้ะ?”

เด็กหญิงตัวน้อยตอบอย่างจริงจัง “แม่ของหนูไปทำงานในทุ่งนาทุกวัน และมีดอกไม้ป่ามากมายที่นั่นเลยค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็พยักหน้า “งั้นพี่สาวจะซื้อดอกไม้ของเธอต่อ แต่เธอต้องสัญญากับพี่สาวด้วยเงื่อนไขสองข้อนะ”

เซี่ยชิงหยวนยื่นนิ้วออกมา “ข้อแรก บอกกับครอบครัวของเธอด้วยว่าเธอขายดอกไม้ให้พี่สาวคนนี้ ข้อสอง ทุกครั้งที่เธอเก็บดอกไม้ ต้องไปกับผู้ใหญ่เสมอนะ”

เด็กหญิงเอียงศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่งโดยคิดว่าน่าจะทำได้

จากนั้นเด็กหญิงพยักหน้าและพูดว่า “ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่สาว!”

หลังจากพูดอย่างนั้น เด็กหญิงตัวน้อยก็วิ่งออกไปอย่างมีความสุข

เซี่ยชิงหยวนแหย่เสิ่นอี้โจว “คุณชอบเด็กผู้หญิงเหรอ?”

เสิ่นอี้โจวผงะไปครู่หนึ่งแล้วก็เข้าใจ

เขาจับมือเธอ ดวงตาของเขาพลันอ่อนโยนขึ้น “ผมชอบเพียงคุณเท่านั้น”

บางทีหลายคนอาจมีความสุขเมื่อมีลูก แต่สำหรับเขา ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเซี่ยชิงหยวน

ถ้าไม่มีเธอ ทุกสิ่งก็เป็นแค่ความว่างเปล่า

ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ได้คบกับเธอแต่เนิ่น ๆ ในชาติที่แล้ว

เมื่อถึงเวลาสิบโมงก็ได้เวลาเปิดร้านแล้ว

พิธีการขึ้นร้านใหม่ในยุคนี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนยุคหลัง ๆ

เพียงดึงผ้าแดงบนแผ่นป้ายชื่อร้าน จุดประทัด พูดไม่กี่คำก็เสร็จเรียบร้อย

ผู้คนมากมายถูกดึงดูดด้วยเสียงประทัด และยังมีลูกค้าเก่าก่อนหน้านี้อีก

เซี่ยชิงหยวนและคนอื่น ๆ บอกกับลูกค้าเก่าทุกคนล่วงหน้าสองวันแล้วว่าพวกเขาจะย้ายมาขายที่นี่

ทว่าพิธีการเปิดร้านกลับดึงดูดสายตาได้มากจริง ๆ

นอกจากนี้เซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจว คู่สามีภรรยาที่ยืนอยู่ตรงประตูก็สะดุดตามากขึ้น

ใครที่ไม่ได้คิดจะร่วมสนุกก็อดไม่ได้

และการเปิดร้านวันแรกนี้ก็มีโปรโมชันเช่นกัน

มีป้ายที่ประตูเขียนว่า ‘ลด 20% วันเปิดทำการแรก’ และในขณะที่ลูกค้าหน้าใหม่ยังคงคอยสังเกตการณ์ บรรดาลูกค้าเก่าทั้งหลายก็รีบเร่งมาซื้ออาหารแล้ว

ราคาถูกกว่าปกติถึงแปดเฟิน!

เมื่อบรรดาลูกค้าใหม่เห็นภาพที่บรรดาลูกค้าเก่าแย่งกันซื้ออย่างวุ่นวายเช่นนี้ พวกเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและพุ่งเข้าหาเช่นกัน

ทันใดนั้น ร้านค้าก็ล้อมรอบไปด้วยผู้คนแล้ว

เซี่ยชิงหยวนได้จัดแจงหน้าที่ให้แก่ทุกคนเป็นสามฝ่าย อาเซียง หลินตงซิ่วและเจียงเพ่ยหลานรับผิดชอบการขาย เธอกับเสิ่นอี้โจวรับผิดชอบการต้อนรับลูกค้า ในขณะที่อาจ้วงกับเสิ่นอี้หลินก็ช่วยกันเก็บเงิน

เห็นได้ชัดว่าเซี่ยชิงหยวนประเมินความน่าดึงดูดของส่วนลด 20% ต่ำไป สลัดเย็นสองร้อยจินที่เตรียมไว้ในตอนเช้าถูกกวาดหายไปในพริบตา

พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลอบใจลูกค้าที่ยังไม่ได้ซื้อ “เราจะทำเพิ่มมาขายใหม่ในช่วงบ่ายวันนี้นะคะ พวกคุณจะมาซื้อได้อีกครั้งในตอนบ่าย และยังมีส่วนลดเหมือนเดิมค่ะ”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลูกค้าก็ยอมจากไปอย่างไม่เต็มใจ

หลังจากฝูงชนแยกย้ายกันไป เซี่ยชิงหยวนก็เห็นยายเฒ่าหลี่และตาเฒ่าหลี่ยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขา

หัวใจของเซี่ยชิงหยวนเต้นไม่เป็นจังหวะ

เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่ทุกคนแย่งกันซื้ออาหารเมื่อครู่ มันคงจะเสียงดังเกินไป

เสิ่นอี้โจวเดินไปกับเธอและกล่าวกับผู้อาวุโสทั้งสองว่า “คุณปู่คุณย่า ผมขอโทษด้วยนะครับ วันนี้เราเปิดวันแรก ดังนั้น…”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ยายเฒ่าหลี่ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเขา

เธอชำเลืองไปทางร้านแล้วพูดว่า “ไม่ใช่แบบนี้บ่อย ๆ ก็พอเข้าใจได้”

เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวมองหน้ากันแล้วยิ้ม ขณะมองเห็นร่องรอยความประหลาดใจในดวงตาของกันและกัน

เซี่ยชิงหยวนรีบพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความเข้าใจค่ะ คุณปู่หลี่ ย่าหลี่”

เฒ่าหลี่ยิ้มและพูดว่า “จริง ๆ แล้ว ยายชราของฉันก็ชอบบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเหมือนกันล่ะนะ ดังนั้นเธอจึงยืนยันที่จะดึงฉันออกมาดูน่ะ”

อันที่จริง กฎเหล่านั้นที่ยายเฒ่าหลี่ตั้งขึ้นก็เพื่อที่จะให้เฒ่าหลี่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เท่านั้น

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทั้งคู่รู้สึกว่าพวกเขามีความสนิทใจกับเซี่ยชิงหยวน

ใครจะไม่ชอบคนที่เข้าใจความลำบากของกันและกัน ทั้งยังพูดจาไพเราะล่ะ?

เซี่ยชิงหยวนส่งซองสีแดงให้แก่ทุกคน

ในซองสีแดงนั้นมีเงินอยู่ซองละ 1.68 หยวน

นอกจากเสิ่นอี้หลินที่รีบเก็บใส่กระเป๋ากางเกง ก็ไม่มีใครเต็มใจจะรับมัน

เมื่อมองเข้าไปในซองแดง มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลย

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “รับไปเถอะ ถือว่าเฉลิมฉลองกัน”

ตอนที่เธอเดินทางไปทำงานในเมืองตอนใต้ในชาติที่แล้ว ผู้คนที่นั่นชอบตัวเลขที่ฟังดูเป็นมงคล เช่น หก*[1] แปด*[2] หนึ่งหกแปด*[3] ตัวเลขเหล่านี้ล้วนมีความหมายเป็นมงคลทั้งสิ้น

อาเซียงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเป็นผู้นำในการรับและกล่าวอวยพรเพื่อเป็นสิริมงคล

ส่วนคนอื่น ๆ ก็ทำตามพร้อมกล่าวอวยพรเช่นกัน

เสิ่นอี้โจวเดินเข้ามาหาและเอื้อมมือออกมา ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “นายหญิง ของผมล่ะ มีซองสีแดงไหม?”

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและตบมือเขา แต่ก็หยิบซองสีแดงออกมาด้วย จากนั้นก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ขอให้สุขภาพแข็งแรง ปรารถนาสิ่งใดขอให้เป็นไปได้ด้วยดี”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น สายตาของเสิ่นอี้โจวก็แข็งเกร็ง ราวกับมีประกายวิบวับวาบผ่านดวงตาของเขา

เขารับซองแดงด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอให้คุณปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรงเช่นกัน”

ขอให้คุณพบเจอกับความสุขสงบชั่วชีวิตเถิด

เสิ่นอี้โจวทานอาหารกับทุกคนในตอนเที่ยง จากนั้นก็รีบกลับไปที่สำนักงาน

เจียงเพ่ยหลานมองแผ่นหลังของเซี่ยชิงหยวนที่กำลังกล่าวร่ำลากับเสิ่นอี้โจว จากนั้นจึงเผยยิ้มจริงใจออกมา “ชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวรักกันมากจริง ๆ นะ”

อาเซียงกับอาจ้วงพยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงัก “พี่เขยดีกับพี่เซี่ยมากเลย”

หลินตงซิ่วยิ้มด้วยความปลอดโปร่งใจ “พอเห็นว่าพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันดี ฉันก็โล่งใจ”

ทุกครั้งที่เสิ่นอี้โจวกลับไปยังหมู่บ้านซีสุ่ยเมื่อนานมาแล้ว คนทั้งสองมักทะเลาะกันหรือเกิดสงครามเย็นขนาดย่อมขึ้น

แน่นอน เซี่ยชิงหยวนเป็นฝ่ายเริ่มก่อนคนเดียว ส่วนอี้โจวจะเอาแต่ก้มหน้าฟังเงียบ ๆ

แต่ในที่สุดตอนนี้ทั้งสองคนก็ปรองดองกันแล้ว

ดูท่าการตัดสินใจที่จะมายังเมืองเตียนเฉิงกับลูกชายเธอของเซี่ยชิงหยวน จะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง

หลังจากอาเซียงกับอาจ้วงกลับบ้าน เซี่ยชิงหยวนก็เรียกหาเจียงเพ่ยหลานไปคุยตามลำพัง “เพ่ยหลาน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอหน่อย”

เจียงเพ่ยหลานตกใจแล้วเดินตามอีกฝ่ายไป

เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “เพ่ยหลาน ถ้าฉันอยากจะขอให้เธอทำงานระยะยาวที่นี่ เธออยากทำไหม?”

ดวงตาของเจียงเพ่ยหลานเบิกกว้างทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประหลาดใจหรือสะเทือนใจกันแน่ เพราะเธอพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง

เธออาศัยอยู่ที่บ้านของพี่ชายและพี่สะใภ้ ลูกสาวของเธอหลินอี้ตั่วไปโรงเรียนอนุบาลในตอนกลางวันและพี่สะใภ้จะรับกลับมาช่วงบ่าย

แต่นานวันเข้า มันย่อมเกิดความเหนื่อยหน่าย

พี่สะใภ้เริ่มนินทาเธอให้คนอื่นฟัง

เธอไม่กล้าบอกพี่ชาย เพราะกลัวจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา

เธอต้องการย้ายออกจากบ้านนั้นพร้อมกับหลินอี้ตั่ว ทว่าหญิงสาวไม่มีเงินเพียงพอ หรือการงานที่มั่นคง

พอคิดได้แบบนี้ เธอจึงลังเลเล็กน้อย

เซี่ยชิงหยวนกล่าวต่อ “ในความคิดของฉันตอนนี้คือ เมื่อร้านนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ฉันจะเปิดกิจการอื่นอีก ที่ฉันจะพูดก็คือเมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะย้ายออก ส่วนเธอก็ช่วยแม่สามีฉันขายอาหารในร้านต่อไป ท่านพึ่งพาได้มากกว่่าฉัน ฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าสองคนนี้จะทำได้ไม่ดีหรอกนะ”

“พอธุรกิจเติบโตทีละนิด เธอก็จ้างคนเพิ่มก็ได้ ส่วนเรื่องเงินเดือน ฉันจะจ่ายให้เธอห้าสิบหยวนต่อเดือนนะ ถ้าผลประกอบการรายเดือนดีขึ้นเรื่อย ๆ ฉันจะให้เงินพิเศษแก่ตามกำไรเดือนนั้น ๆ แล้วกัน เธอคิดว่ายังไงบ้าง?”

เจียงเพ่ยหลานเป็นคนที่รู้ทุกอย่างและอยู่กับเซี่ยชิงหยวนมานาน ดังนั้นการเลื่อนตำแหน่งให้เธอเป็นพนักงานประจำจึงเป็นเรื่องเหมาะสมที่สุด

อันที่จริง เซี่ยชิงหยวนวางแผนจะส่งมอบร้านให้แก่เจียงเพ่ยหลานเมื่อเธอเดินทางไปยังเมืองหลวงของมณฑลในอนาคตด้วย

เซี่ยชิงหยวนเข้าใจดีถึงคำว่าช่วยเหลือคนในยามยาก คนผู้นั้นจะซาบซึ้งเป็นที่สุด แต่ถ้าช่วยเหลือมากเกินไปจนคนคนนั้นเคยตัว พอคุณไม่ช่วยสักครั้งหนึ่ง คนคนนั้นจะเกลียดคุณทันที

ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงยังไม่คิดจะพูดเรื่องนี้กับเจียงเพ่ยหลานในตอนนี้

นอกจากนี้ ช่วงเวลาหนึ่งปีนั้นยาวนานและเต็มไปด้วยตัวแปรมากมาย ตอนนี้ควรจะรอดูกันไปก่อนดีกว่า

หลังจากฟังคำพูดของเซี่ยชิงหยวนแล้ว เจียงเพ่ยหลานก็ตื่นเต้นมากจนน้ำตาไหล

เธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าและกล่าวซ้ำ ๆ ว่า “ชิงหยวน ขอบคุณนะ!”

เซี่ยชิงหยวนตบบ่าอีกฝ่าย “เอาล่ะ ๆ ตอนแรกฉันเพียงอยากช่วยเธอ แต่ตอนนี้ฉันต้องขอให้เธอช่วยฉันบ้างแล้ว ผลงานในระยะหลังนี้เกิดจากการทำงานหนักของเธอ มันจึงทำให้ฉันยอมรับในตัวเธอแล้ว ดังนั้นอย่าประเมินตัวเองต่ำเกินไปเลย”

เจียงเพ่ยหลานเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว”

ขณะที่พวกเธอสองคนพูดจบ เซี่ยชิงหยวนก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจและเห็นร่างหนึ่งแวบผ่านประตูไป

เธอขมวดคิ้วทันที

[1] เลข 6 พ้องเสียงกับคำว่า หลิว (流) หมายถึง ไหลมา กล่าวคือ เงินทองไหลมาเทมา นั่นเอง

[2] เลข 8 พ้องเสียงกับคำว่า ‘ฟา’ ที่มาจากคำว่า ‘ฟาไฉ’ (发财) ซึ่งมีแปลว่า ความร่ำรวย รุ่งเรือง

[3] เลข 168 หรือฮก ลก ซิ่ว ซึ่งเป็นเทพมงคลสามประการ ได้แก่ ความมั่งคั่ง อำนาจวาสนา อายุยืน

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท