ตอนที่ 20 อะไรคือความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างมนุษย์กับสัตว์
ตอนที่ 20 อะไรคือความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างมนุษย์กับสัตว์
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เธอเป็นภรรยาของพี่ชายคนโต หากเขากล้าแตะต้องอีกฝ่ายแม้แต่ปลายผม พี่ชายคนโตจะต้องถลกหนังเขาทั้งเป็นแน่
หากต้องถามว่าเขากลัวใครมากที่สุดในโลกก็คงจะเป็นพี่ชายคนโตและคุณตาของเขา ทั้งสองเป็นเหมือนพญายมราชที่ยังมีชีวิตอยู่
เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่พอใจอย่างมากกับการแสดงออกของเฉินเจียซิ่ง หล่อนเตะเขาพลางดุด่า “คุณมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้ ฉันตาบอดมืดบอดที่มาแต่งงานกับคุณจริง ๆ”
สิ้นเสียง เสิ่นเสี่ยวเหมยเริ่มเก็บเสื้อผ้าของหล่อนอีกครั้ง
เฉินเจียซิ่งรีบคว้าตัวหญิงสาวเพื่อทำให้เธอสงบลง
“หิมะตกหนัก ถนนบนภูเขาเดินลำบาก อีกทั้งรถไฟออกเดินทางแค่ช่วงเช้าเท่านั้น หยุดสร้างปัญหาแล้วขึ้นเตียงเร็วเถอะ แล้วค่อยคุยกันทีหลัง”
เสิ่นเสี่ยวเหมยผลักเขาออกและพูดด้วยความโกรธ “จะคุยทีหลังได้ยังไง? ฉันสัญญากับลูกพี่ลูกน้องและอวี้อิ๋งไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้หลินเซี่ยแต่งงานกับพี่ชายของคุณเพื่อให้หล่อนมาขี้รดหัวฉันเด็ดขาด เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว จะรอช้าทำไมอยู่อีก?”
หล่อนเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องชื่นชอบลูกสาวที่เพิ่งพบกันมาก และเสิ่นอวี้อิ๋งก็ไม่ชอบหน้าหลินเซี่ยเช่นกัน เมื่อพิจารณาว่าหญิงคนนี้คือคนที่ปล้นชีวิตของเสิ่นอวี้อิ๋งไป หากหล่อนไม่จัดการให้เด็ดขาด หล่อนคงไม่สามารถสู้หน้าลูกพี่ลูกน้องและคนอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากให้คำมั่นสัญญาไว้แล้ว
แล้วในอนาคตหล่อนจะกลับไปบ้านแม่ได้อย่างไร?
เฉินเจียซิ่งลูบคางของเขาพลางครุ่นคิด
“อนาคตยังอีกยาวไกล ทำไมคุณถึงต้องรีบร้อนขนาดนั้น แม้ว่าหล่อนจะตามพี่ใหญ่เข้าไปในเมือง แต่เราก็ยังมีโอกาสแยกพวกเขาออกจากกันไม่ใช่หรือไง? คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเรายังมีน้องสาวถังหลิงและหลานสาวอวี้อิ๋ง เมืองไห่เฉิงก็ไม่ต่างจากสนามหญ้าหน้าบ้านของเรา แล้วเด็กโง่เขลาแบบหล่อนจะทำอะไรได้? ในอดีตหล่อนไม่ได้รับการต้อนรับจากตระกูลเสิ่น และยังมีเพื่อนไม่กี่คน ถ้าหล่อนกลับไปเมืองไห่เฉิงตอนนี้ ด้วยสถานะปัจจุบัน หล่อนก็ไม่ต่างจากหนูข้างถนน เมื่อถึงเวลานั้น เราจะทำอะไรกับหล่อนก็ได้ตามที่ต้องการไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้ตากับยายอยู่ที่นี่ด้วย เราไม่อาจเผชิญหน้ากับหล่อนได้ ปล่อยให้หล่อนโอหังต่อไปเถอะ เพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นธาตุแท้ของหล่อน”
อารมณ์คุกรุ่นของเสิ่นเสี่ยวเหมยเริ่มผ่อนคลาย คิดว่าคำพูดของเฉินเจียซิ่งนั้นฟังดูสมเหตุสมผล
เมื่อพวกเขากลับไปยังเมืองไห่เฉิง หลินเซี่ยจะตกอยู่ในกำมือของหล่อน
เช่นเดียวกับตอนที่ยังเป็นเด็ก เด็กนั้นจะต้องยอมจำนนอีกครั้ง
“ฉันมาที่นี่เพื่อขับไล่นังหลินเซี่ยออกไป ในเมื่อตอนนี้ฉันไม่สามารถแยกพวกเขาออกได้ แล้วทำไมฉันถึงต้องทนอยู่ที่นี่ด้วย มันไม่มีอะไรน่าดูเลย ทั้งยังหนาวจนจะแข็งตาย อาหารก็เหมือนกับอาหารหมู ฉันอยากกลับไปเมืองไห่เฉิงแล้ว”
เสิ่นเสี่ยวเหมยคิดตามคำพูดของเฉินเจียซิ่ง และเริ่มวางแผนในระยะยาว เมื่อไหร่ที่หลินเซี่ยกลับเมืองไห่เฉิง หล่อนจะได้จัดการอีกฝ่ายอย่างเหมาะสม
ดังนั้น หล่อนจึงไม่ต้องการที่จะอยู่ในชนบทอีกต่อไป
เมื่อเฉินเจียซิ่งได้ยินหล่อนบ่นเกี่ยวกับชนบท เขารีบมองออกไปนอกหน้าต่าง หลังเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในลานบ้าน เขาจึงโล่งใจและเตือนหล่อนเสียงเบา
“ลดเสียงลงหน่อย”
เสิ่นเสี่ยวเหมยตะคอกอย่างเย็นชาและเพิ่มเสียงดังขึ้นกว่าเดิม “ทำไมต้องมากระซิบกระซาบด้วย? ดูสิว่าตายายของคุณปฏิบัติต่อฉันยังไง! ทำเหมือนนังโง่นั่นเป็นสมบัติ และทำเหมือนฉันเป็นของไร้ค่า คนอย่างฉันจะด้อยกว่านังผู้หญิงโง่คนนั้นได้ยังไง? พวกเขารักบ้านรวมถึงอีกา(1) ขอเพียงแค่พี่ชายของคุณชอบ พวกเขาจึงดีกับผู้หญิงของพี่ใหญ่มากกว่าฉันนับร้อยเท่า”
เฉินเจียซิ่งพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตามยกเว้นคุณย่าและคุณแม่ ผู้เฒ่าทุกคนต่างก็ชื่นชอบพี่ชายคนโต ซึ่งเขาเคยชินกับมันมานานแล้ว
“ไปนอนก่อนเถอะ แล้วผมจะคุยกับแม่ทีหลัง เพื่อให้เรากลับไปเมืองไห่เฉิงโดยเร็วที่สุด”
ข้างนอกอากาศหนาวเกินไป ดังนั้นเฉินเจียซิ่งจึงดึงเสิ่นเสี่ยวเหมยขึ้นมาบนเตียงและกอดหล่อน
เฉินเจียเหอไปที่บ่อน้ำเพื่อตักน้ำตั้งแต่เช้าตรู่ ทว่าอากาศหนาวเย็นเกินไป น้ำในบ่อจึงแข็งตัว เขาและชาวบ้านอีกสองถึงสามคนช่วยกันเจาะน้ำแข็งเพื่อให้ทุกคนมารอตักน้ำ เขารอสักพักจนกระทั่งน้ำผุดขึ้นเต็มแล้วจึงตักน้ำแล้วนำกลับบ้าน
หลังเข้ามาในลานบ้าน เขาเทน้ำลงในถังเก็บน้ำ
แม่เฒ่าโจวเห็นหลานชายกลับมา ก็กล่าวด้วยสีหน้าอมทุกข์ “เจียเหอ ทำไมถึงต้องไปตักน้ำเช้าขนาดนี้?”
เฉินเจียเหอยกถังมาวางในห้องครัว แล้วเดินตามยายของเขาเข้ามาในห้องหลัก “มันสายแล้วครับ วันนี้บ่อน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ผมและลุงหลี่ช่วยกันทุบน้ำแข็งเพื่อตักน้ำขึ้นมา”
แม่เฒ่าโจวกล่าว “ยายทำซุปไข่ไว้ ไปเรียกเซี่ยเซี่ยและหู่จือมาดื่มซุปเถอะ”
“พวกเขายังไม่ตื่นหรือครับ?” เฉินเจียเหอเหลือบมองไปทางห้องตะวันตกด้วยความประหลาดใจ
เขารู้ว่าหลินเซี่ยตื่นสาย แต่ปกติหู่จือจะตื่นตอนรุ่งสางและออกไปวิ่งเล่นข้างนอก
ทำไมวันนี้เขาถึงยังนอนอยู่อีก?
อ้อมกอดของเธออบอุ่นมากจนตื่นขึ้นไม่ไหวเหรอ?
“ตื่นแล้ว แต่ว่า…” แม่เฒ่าโจวมองเฉินเจียเหอด้วยความลำบากใจ ทว่ายังคงลังเลที่จะพูด
เฉินเจียเหอเหลือบมองแม่ของเขาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงเตาด้วยสีหน้าหม่นหมอง เขารู้ได้ทันทีว่าอาจมีเรื่องไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นอีกครั้ง
เฉินเจียเหอมองโจวลี่หรงและพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “แม่ ผมบอกแล้วใช่ไหม หลินเซี่ยเป็นภรรยาของผมแล้ว อย่าพยายามสร้างปัญหาให้หล่อนอีก”
“ใครเป็นคนสร้างปัญหาให้หล่อน?” ทันทีที่ลูกชายเข้าประตูบ้านมา เขาก็ทำสีหน้าขึงขังใส่ ซึ่งทำให้ใบหน้าของโจวลี่หรงยิ่งน่าเกลียดกว่าเดิม
“แม่ของหลานไม่ได้รบกวนเซี่ยเซี่ยหรอก”
แม่เฒ่าโจวรีบผลักเฉินเจียเหอออกไป “รีบไปตามพวกเขามากินก่อนอาหารจะเย็นชืดเถอะ”
เฉินเจียเหอเดินไปที่ห้องฝั่งตะวันตก
ทว่าภายในห้องกลับว่างเปล่า
“หู่จือ หู่จือ!”
หัวใจของเฉินเจียเหอตึงเครียด เขารีบออกจากห้องตะวันตกและตะโกนเสียงดังในลานบ้าน
เขาวิ่งไปที่ประตูห้องน้ำและตะโกนเสียงดังอีกครั้ง “หลินเซี่ย คุณอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า?”
ยังคงไร้เสียงตอบรับ
เสียงตะโกนของเฉินเจียเหอทำให้ผู้คนในบ้านตื่นตระหนก แม่เฒ่าโจวรีบวิ่งออกมาและถามด้วยความกังวล
“เจียเหอ เกิดอะไรขึ้น? พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ?”
เฉินเจียเหอตอบ “ไม่ได้อยู่ในบ้านครับ”
“แล้วพวกเขาจะไปไหนได้? ทั้งที่เห็นว่าพวกเขากลับเข้าห้องไปแล้ว” แม่เฒ่าโจวหันรีหันขวาง “ยายเห็นเซี่ยเซี่ยโกรธ เลยไม่เข้าไปรบกวนเธอ และอยากให้เธอสงบสติอารมณ์อยู่ในห้อง แต่ทำไมเธอถึงหายไปได้ล่ะ?”
“คุณยาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?” เฉินเจียเหอมองแม่เฒ่าโจวและรีบถาม “แม่ของผมต่อว่าหลินเซี่ยอีกแล้วเหรอ?”
“เปล่า แต่เป็นเสี่ยวเหมย” เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกตึงเครียดมากขึ้น แม่เฒ่าโจวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอกความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขาไม่อยู่
หลังจากได้รับฟัง สีหน้าเฉินเจียเหอหมองคล้ำทันใด ขณะเดียวกันบรรยากาศรอบตัวเขาดูน่าพรั่นพรึง
ผู้เฒ่าโจวออกมาและรีบพูดว่า “ตาบอกเจียซิ่งแล้วว่าให้พวกเขาซื้ออ่างใหม่มาชดใช้เซี่ยเซี่ยในภายหลัง”
เฉินเจียเหอยืนเอามือเท้าสะเอว ร่างสูงของเขายืนตระหง่านอยู่ในลานบ้าน ซึ่งดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
เขาเดินไปที่ประตูห้องตะวันออกแล้วตะโกนอย่างดุเดือด “เฉินเจียซิ่ง ออกมาหาฉันหน่อย”
เวลานี้เฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยตื่นแล้ว ทว่าพวกเขากลัวความหนาวเย็น จึงยังคงซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเฉินเจียเหอ เฉินเจียซิ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลุกออกจากเตียงและเดินออกจากห้องอย่างเกียจคร้าน หลังเห็นใบหน้าที่หมองหม่นของพี่ชาย เขาก็ตัวสั่นเทาพลางถูจมูกด้วยความรู้สึกผิด
“พี่ใหญ่ มีอะไรเหรอ?”
“เฉินเจียซิ่ง หยุดรังแกคนอื่นได้แล้ว” เฉินเจียเหอคว้าคอเสื้อของเฉินเจียซิ่ง “รู้ไหมว่าอะไรคือความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างมนุษย์กับสัตว์? มนุษย์น่ะมีสามัญสำนึก”
………………………………………………………………………………………………………………
爱屋及乌 รักบ้านรวมถึงอีกา แปลว่า เมื่อรักหรือชอบบ้านหลังนี้ก็ต้องรักหรือชอบแม้กระทั่งนกอีกาที่เกาะอยู่บนหลังคาบ้านด้วย หรือเมื่อรักเขาก็ต้องรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา
สารจากผู้แปล
แผนเดิมใช้ไม่ได้แล้วล่ะมั้ง หลินเซี่ยตอนนี้ไม่ได้เป็นหญิงโง่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
สรุปหลินเซี่ยกับหู่จือหายไปไหน?
ไหหม่า(海馬)