ตอนที่ 36 อุปสรรคทางจิตใจจากชาติก่อนยังคงมีอยู่
ตอนที่ 36 อุปสรรคทางจิตใจจากชาติก่อนยังคงมีอยู่
เธอหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเหยียบจักรเย็บผ้าต่อ
เธอรู้ว่าเฉินเจียเหอเผชิญหน้ากับโจวลี่หรงเพื่อเธออีกครั้ง
ในชีวิตก่อน ท่าทางของโจวลี่หรงก็เป็นแบบเดียวกันเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับเฉินเจียเหอ
ไม่มีใครในครอบครัวตระกูลเฉินเต็มใจที่จะให้เฉินเจียเหอแต่งงานกับหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าลูกสาวจอมปลอมซึ่งถูกส่งกลับมายังชนบท
ทางตระกูลเสิ่นเองก็คัดค้านอย่างรุนแรงเช่นกัน
เนื่องจากทั้งสองครอบครัวมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความอับอาย พวกเขาจึงร่วมมือกันกดดันเธอและเฉินเจียเหอให้ยกเลิกการแต่งงาน
โจวลี่หรงคิดว่าหลินเซี่ยไม่คู่ควรกับเฉินเจียเหอ แต่เสิ่นอวี้อิ๋งกลัวว่าชีวิตของหลินเซี่ยจะดีกว่าเดิมหลังจากแต่งงานกับเฉินเจียเหอ ดังนั้นหล่อนจึงเสแสร้งทำเป็นใจดีต่อหน้า และปฏิบัติกับหลินเซี่ยเหมือนน้องสาวของหล่อน
เธอติดตามเสิ่นอวี้อิ๋งไปด้วยความอุ่นใจ ซึ่งความจริงแล้วเธอถูกหลอกใช้ตั้งแต่นั้นมา
แท้จริงแล้วเฉินเจียเหอเป็นเหยื่อรายใหญ่ที่สุดของเหตุการณ์ทั้งหมดในชีวิตก่อนของเธอ
ไม่มีใครเลยที่คำนึงถึงความรู้สึกของเขา
สิ่งที่น่าขันคือ หลังจากที่เสิ่นอวี้อิ๋งและหลิวจื้อหมิงร่วมมือกัน พวกเขาก็ขายเธอกลับมายังบ้านเกิด และท้ายที่สุดก็เป็นเฉินเจียเหอที่ช่วยชีวิตเธอไว้…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินเซี่ยก็ตระหนักถึงปัญหาทันที ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ เมื่อเธอถูกขายให้กับหวังต้าจ้วง มันเป็นปีที่สามหลังจากกลับมาที่เมือง ในเวลานั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือ แต่เสิ่นอวี้อิ๋งคงไม่โง่เขลาพอที่จะเดินทางมาชนบทและเปิดเผยตัวเองเป็นการส่วนตัว ดังนั้นเพื่อที่จะติดต่อกับหวังต้าจ้วง ต้องมีใครสักคนทำหน้าที่เป็นคนกลาง
คนกลาง…
หลินเซี่ยรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นใครแทบจะในทันที
ร่างกายของหลินเซี่ยสั่นเทาไปชั่วขณะ เมื่อเธอเสียสมาธิ ปลายเข็มก็ทิ่มลงที่นิ้วของเธอ
เธอยกนิ้วขึ้นและดูดเลือดออกเบา ๆ อยู่ด้านหน้าจักรเย็บผ้า ยามนี้หัวใจเต็มไปด้วยห้วงอารมณ์หลากหลาย
ในชีวิตนี้ หากต้องการอยู่กับเฉินเจียเหอ เธอต้องยืนหยัดต่อสู้กับคนเหล่านี้ทั้งหมด
ก่อนอื่นเธอต้องทำให้ตัวเองดีพอ และคู่ควรกับเขา
หลินเซี่ยรวบรวมความคิดที่ฟุ้งซ่าน และกลับมาสนใจกับการตัดเย็บชุด
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเจียเหอก็กลับมา
หลินเซี่ยเหลือบมองพลางยิ้มให้เขา
อารมณ์เศร้าหมองของเฉินเจียเหอพลันมลายหายไปด้วยรอยยิ้มนั้น
เขาถามว่า “คุณทำเกือบเสร็จแล้วหรือ?”
“ยังเลยค่ะ คุณควรพักผ่อนก่อน”
“ค่อยทำพรุ่งนี้ก็ได้”
“ระหว่างวันฉันไม่มีเวลา ตอนนี้ก็ยังไม่ดึกมาก ถ้าทำเสร็จฉันจะไปนอนค่ะ”
ก่อนที่เธอจะเกิดใหม่ เธอชอบนอนดึก ตอนนี้เพิ่งสองทุ่มเท่านั้น และเธอก็นอนไม่หลับแม้จะขึ้นไปนอนบนเตียงเตาก็ตาม
เฉินเจียเหอไม่พูดอะไรต่อ และไม่ไปนอนที่เตียงเตา เขานั่งบนเก้าอี้โดยหันหลังให้หลินเซี่ย แม้หลินเซี่ยจะมองไม่เห็นหน้าเขา แต่เธอรู้สึกได้ว่าเขากำลังคิดหนักเช่นเดียวกับเธอ
“คุณอารมณ์ไม่ดีหรือคะ?” หลินเซี่ยมองเขาและถามด้วยความกังวล
เมื่อเฉินเจียเหอได้ยินเสียงของเธอ เขาจึงหันกลับมาและสบตากับดวงตาเป็นประกายคู่นั้น เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
ในช่วงเวลานั้นเมื่อหลินเซี่ยสบตากับเขา หัวใจของเธอก็เต้นรัวลั่น
เธออยากเข้าไปกอดเขาแน่นแทบจะทันที
เฉินเจียเหอมองหญิงสาวที่นั่งนิ่งขณะมองเขา จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “รีบทำต่อเถอะ เสร็จแล้วจะได้พักผ่อนโดยเร็ว”
“ค่ะ”
หลินเซี่ยกลับไปตัดเย็บเสื้อผ้าต่อ ขณะที่เฉินเจียเหอกำลังเขียนและร่างภาพอยู่บนโต๊ะทำงาน
บรรยากาศภายในห้องทั้งอบอุ่นและเงียบสงบ
เธอทำชุดจนเวลาล่วงเลยถึงสี่ทุ่มกว่า ในที่สุดจักรเย็บผ้าก็หยุดส่งเสียง
เธอยกเสื้อผ้าที่เสร็จแล้วขึ้นมาเขย่า
เฉินเจียเหอกำลังมุ่งความสนใจไปที่การวาดภาพ หลินเซี่ยเข้ามาสะกิดเขาเบา ๆ จากด้านหลัง “เฉินเจียเหอ ดูสิคะ ชุดเสร็จแล้ว”
เฉินเจียเหอหันกลับไปและเห็นชุดทหารขนาดเล็กในมือของเธอ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ดูดีขนาดนี้เลยหรือ?”
เมื่อได้รับคำชมจากเฉินเจียเหอ หลินเซี่ยพูดอย่างภูมิใจว่า “ฉันบอกแล้วว่าฝีมือของฉันดีมาก แต่หู่จือยังคงไม่เชื่อ ลองดูให้หน่อยสิคะว่ามันเหมือนกับชุดทหารของคุณทุกประการหรือเปล่า”
เธอไม่รู้ว่าขนาดจะพอดีตัวหู่จือไหม แต่มันถูกตัดตามขนาดที่วัดได้ ดังนั้นควรจะไม่มีปัญหาอะไร
เธอเขย่าเสื้อผ้าและพูดว่า “น่าเสียดายที่ไม่มีเตารีด มันจะดูดีกว่านี้ถ้ารีดให้เรียบร้อย”
“งั้นค่อยซื้อมาเครื่องหนึ่งแล้วกัน”
เมื่อพูดถึงการซื้อของ เฉินเจียเหอก็ลุกเดินไปหยิบซองจดหมายออกมาจากลิ้นชัก และยื่นให้หลินเซี่ย
“นี่คือเงินหนึ่งร้อยหยวน คุณเอาไปซื้ออะไรก็ได้ที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีสมุดบัญชีเงินเดือนของผมอยู่ด้วย ต่อจากนี้จะให้คุณเก็บไว้”
หลินเซี่ยยิ้มเมื่อเห็นซองจดหมายที่นูนหนาตรงหน้า
“ให้สมุดบัญชีเงินเดือนมาแบบนี้ ไม่กลัวฉันจะเชิดเงินหนีเหรอคะ?”
“ก็ไม่เชิง”
เฉินเจียเหอวางซองจดหมายไว้ในมือของหลินเซี่ย นิ้วของเขาสัมผัสมือของเธอ ขณะดวงตาสองประสานกัน ภายใต้แสงหลอดไฟสลัว บรรยากาศเริ่มค่อย ๆ คลุมเครือ
หลินเซี่ยไม่ดึงมือของเธอกลับ และไม่หลบสายตา ทั้งยังมองตรงไปที่เขา
เฉินเจียเหอจ้องมองใบหน้าละเอียดของหญิงสาวอย่างใกล้ชิด พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ท่ามกลางความรู้สึกอันท่วมท้น เขาดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนและกอดเธอไว้แน่น
ร่างเล็กของหลินเซี่ยสั่นสะท้านเนื่องจากการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของเขา หัวใจของเธอเต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางขัดขืน
การยอมจำนนของเธอทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงยิ่งขึ้น เขาโน้มตัวลงจูบริมฝีปากของเธอ
เมื่อริมฝีปากของเขากดลงมา เธอก็เบิกตากว้าง แต่ไม่ได้ผลักเขาออก และยังยกมือขึ้นกอดเขาด้วย
การให้ความร่วมมือของเธอทำให้เฉินเจียเหอมีความกล้าอย่างมาก เขาเริ่มขยับเข้าไปใกล้กว่าเดิม ลมหายใจหอบถี่ยามเมื่อรสจูบลึกซึ้งและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น
ในเวลาเดียวกันมือที่จับเอวของเธอได้กระชับแน่นขึ้น พร้อมกับฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ใต้เสื้อสเวตเตอร์ของเธอ…
เมื่อมือของเขาสัมผัสผิวหนังบริเวณเอวของเธอ ร่างกายบอบบางพลันแข็งทื่อทันทีราวกับว่ามีงูพิษคลานอยู่บนผิวหนัง ความกลัวที่ฝังลึกแล่นไปทั่วจิตสำนึก ร่างกายสั่นสะท้านไม่อาจควบคุม และรสจูบของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้
หลินเซี่ยผลักชายหนุ่มออกทันที
จากนั้นเธอก็นั่งยอง ๆ กุมหน้าอกขณะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมตัวเองไม่ให้อาเจียน
ดวงตาที่เร่าร้อนของเฉินเจียเหอค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา
แขนของเขายังคงโอบกอดเธอไว้ ขณะตัวแข็งค้างอยู่ที่เดิม ใบหน้าเคร่งขรึมน่ากลัวอย่างยิ่ง
เธอไม่อยากให้เขาสัมผัส
บางที มันอาจเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ เธอไม่เคยคิดที่จะอยู่กับเขาเลย
เธอแค่อยากกลับเข้าเมือง
ท่าทางของเธอที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพลวงตา และให้ความหวังแก่เขา
หลินเซี่ยพยายามสงบสติอารมณ์ เมื่อลุกขึ้นมา เธอเห็นชายหนุ่มยืนแข็งค้างอยู่ตรงนั้น
เมื่อเห็นการแสดงออกที่โดดเดี่ยวและเย็นชาของเขา เธอก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
เธอมองเขาแล้วขอโทษอย่างรู้สึกผิด “ฉันขอโทษค่ะ”
เฉินเจียเหอเผยยิ้มอย่างขมขื่น
เธอไม่กล้าแม้แต่สบตาเขา และรีบอธิบายว่า “ฉะ… ฉันยังไม่พร้อม คุณให้เวลาฉันหน่อยได้ไหม?”
“ผมต่างหากที่ควรพูดคำว่าขอโทษ ผมเผลอเรอไปเอง”
หลังจากที่กล่าวเช่นนั้น เขาก็เดินออกไป
หลินเซี่ยมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินจากไป ขณะที่น้ำตาใสไหลอาบหน้า
เธอขึ้นไปบนเตียงเตา ถอดเสื้อบุนวมออก และขดตัวเป็นลูกบอล
เธอรู้สึกเศร้าเสียใจมาก เอาแต่คิดว่าทำไมตัวเองถึงยังมีความผิดปกติทางจิตจากชีวิตที่แล้ว
ตอนนี้เธออยากเป็นคู่รักที่แท้จริงกับเขา
แต่ร่างกายนี้กลับไม่อยู่ภายใต้การควบคุม และเธอไม่สามารถอธิบายให้เขาฟังได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด เฉินเจียเหอกลับเข้ามาในห้อง สายตามองร่างที่ขดเป็นลูกบอลบนเตียงเตาท่ามกลางแสงไฟสลัว ก่อนที่เขาจะเอนกายนอนลงอีกด้านหนึ่งของหู่จือโดยไม่ได้ปิดไฟ
ค่ำคืนนั้นเงียบสงบ เฉินเจียเหอไม่ได้ยินแม้แต่การหายใจตามปกติของหญิงสาว
และหลินเซี่ยก็ไม่ได้ยินเสียงกรนของเขาด้วยเช่นกัน
ทั้งสองคนต่างก็นอนไม่หลับ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ให้เวลาเซี่ยเซี่ยปรับตัวหน่อยนะคะ ต้องให้เวลากับคนเป็น PTSD สักหน่อย
ไหหม่า(海馬)