ตอนที่ 44 ความรักที่ไม่สมหวังเริ่มเบ่งบาน
ตอนที่ 44 ความรักที่ไม่สมหวังเริ่มเบ่งบาน
หลินเซี่ยถอดเสื้อคลุมและกางเกงบุนวมของหู่จือออก ขณะที่ทั้งสองกำลังเล่นเกมปรบมือบนเตียงเตา
หลังจากได้ยินว่าแม่เฒ่าโจวต้องการพาหู่จือไปนอนที่ห้องหลัก หลินเซี่ยพูดว่า “คุณยาย หู่จือนอนหลับสบายเวลาอยู่ห้องนี้”
หากหู่จือถูกพาตัวไป มันคงน่าอึดอัดใจอย่างมากที่จะต้องอยู่กับเฉินเจียเหอตามลำพัง
“เขาเป็นเด็กนอนดิ้น อย่าให้ต้องไปเบียดเสียดกับหลานเลย คืนนี้ให้เขานอนกับเราดีกว่า”
แม่เฒ่าโจวมองหู่จือพลางกล่าวคำ “หู่จือ คุณตาทวดอยากนอนกับเธอ อย่างไรเธอก็ต้องกลับไปหลังจากปีใหม่ เช่นนั้นไปนอนกับเขาเถอะ คุณตาทวดยังมีเรื่องมากมายที่ยังไม่ได้เล่าให้ฟัง”
หลังจากที่หู่จือได้รับการยืนยันว่าโจวลี่หรงไม่ได้นอนในห้องหลัก เขาจึงเดินตามแม่เฒ่าโจวไป
ภายในห้องเหลือเพียงเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยเท่านั้น
หลินเซี่ยส่งคุณยายและหู่จือออกไป จากนั้นเดินไปเข้าห้องน้ำ เมื่อกลับเข้ามา เธอก็เทน้ำเพื่อที่จะล้างหน้า
ขณะที่จะยกน้ำไปเท เฉินเจียเหอก็เข้ามาหยิบอ่างน้ำนั้นขึ้นก่อน
นิ้วของเขาสัมผัสกับมือของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
ความรู้สึกนี้เหมือนกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ซึ่งทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง
เฉินเจียเหอกลับมาหลังจากเทน้ำแล้วปิดประตูห้อง
ในบ้านชนบทอันเรียบง่าย โคมไฟทังสเตนสาดแสงสลัวลงบนใบหน้าละเอียดอ่อน สร้างบรรยากาศโรแมนติกและงดงามอย่างน่าประหลาดใจ
นับตั้งแต่ที่พวกเขาใช้โอกาสอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้ทุกคนในลานบ้านฟัง บรรยากาศระหว่างพวกเขาเปลี่ยนไป ราวกับว่าบานหน้าต่างกระดาษถูกเจาะ
และถึงแม้มันจะไม่ได้ถูกเจาะ แต่บานหน้าต่างจะหนาได้สักแค่ไหน?
ในค่ำคืนอันเงียบสงบเช่นนี้ ความคลุมเครือระหว่างกันก็ขยายออกไป
หลินเซี่ยเหลือบมองเขาจากหางตา ประจวบเหมาะกับเฉินเหอเงยหน้าขึ้นพอดี
เมื่อสบตากัน หลินเซี่ยรีบหันหนีทันที เธอลูบเรือนผมของผมและวางแผนที่จะขึ้นเตียงเตา
ทันใดนั้น เฉินเจียเหอก็มายืนด้านหน้าเตียงเตาและขวางเธอไว้
หัวใจของหลินเซี่ยเต้นแรงจนไม่สามารถควบคุมอีกครั้ง
“เรื่องวันนี้ ผมขอโทษจริง ๆ ที่จัดการมันได้ไม่ดีนัก” เขามองเธอพลางกล่าวคำ
หลินเซี่ยเผยยิ้มขมขื่นขณะส่ายหัว “ฉันไม่โทษคุณหรอกค่ะ ตระกูลหลินมาสร้างความยุ่งยาก ฉันเองก็รู้สึกอับอายมากเช่นกัน การกระทำของพวกเขากลับกลายเป็นผลเสีย และฉันมั่นใจว่าตอนนี้แม่ของคุณคงมีอคติกับฉันมากขึ้น”
เธอไม่รู้ว่าเฉินเจียเหอไปพูดกับโจวลี่หรงหลังจากนั้น และอย่างที่คิด พวกเขาสองคนทะเลาะกัน
“ไม่เป็นไรแล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้แม่เข้ามายุ่งเรื่องของเราอีกต่อไป”
น้ำเสียงของเฉินเจียเหอนุ่มนวล แต่เผยให้เห็นถึงความแน่วแน่
หลินเซี่ยไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เพราะรู้ว่าเขาจะต้องมองเธอด้วยดวงตาลึกล้ำคู่นั้น
ราวกับกำลังดูดเธอให้จมดิ่งลงไป
เธออยากจะขึ้นเตียงเตา แต่เขายืนขวางไว้
หัวใจในอกเต้นแรงไม่ได้จังหวะ ยังคงจดจำได้ว่าคืนนั้นเขามองเธอแบบเดียวกัน จากนั้นเขาเริ่มสวมกอดและจูบเธอ…
เธอไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มคิดว่าเธอต่อต้านเขา
เธอกระซิบ “ฉันอยากขึ้นเตียงเตา คุณหลีกทางให้ได้ไหม?”
เฉินเจียเหอยังคงยืนนิ่งเหมือนภูเขาลูกใหญ่
ร่างสูงและทรงพลังโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ดวงตาของเขายังคงจับจ้องที่เธอตลอดเวลา
ร่างของเขาปกคลุมตัวเธอ หลินเซี่ยอดไม่ได้ที่จะถอยหนีและพยายามสร้างระยะห่างระหว่างพวกเขา
“เซี่ยเซี่ย วันนี้ที่คุณพูดในลานบ้าน… คุณพูดจริงหรือ?” เขามองเธอและถามเสียงแหบแห้ง
หลินเซี่ยเงยหน้าขึ้น ดวงตาประสานกับสายตาคาดหวังของชายหนุ่ม “เรื่องไหนคะ?”
“เรื่อง… ที่คุณบอกว่าไม่มีคนรักอื่น คุณรู้ธาตุแท้ของหลิวจื้อหมิงแล้ว ตัวตนเช่นเขาไม่มีอะไรเทียบกับเฉินเจียเหอได้ ตอนนี้คุณโตเป็นผู้ใหญ่ มีวิจารณญาณของตัวเองและรู้ว่าใครจริงใจใครจอมปลอม คุณจะหวงแหนผู้ที่ปฏิบัติต่อคุณอย่างดี และจะไม่มีวันทำให้เฉินเจียเหอต้องผิดหวัง”
เขาจ้องมองเธอพลางกล่าวเสียงแหบแห้ง ทุกถ้อยคำล้วนเป็นคำพูดที่เธอพูดต่อหน้าทุกคนในวันนี้
หลินเซี่ยฟังสิ่งที่เขาพูดทีละคำ เธอมองไปยังสายตาที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขา เธอพยายามควบคุมหัวใจที่เต้นแรงให้กลับมามั่นคง และพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “นั่นคือคำตอบที่มาจากใจของฉัน”
ดวงตาลึกล้ำของเฉินเจียเหอเปล่งประกายราวกับดวงดาว ขณะไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในน้ำเสียง “คุณยินดีที่จะอยู่กับผมไหม?”
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาถามเธอเรื่องนี้
ในขณะนี้ มีเพียงพวกเขาสองคน เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่พวกเขาเผชิญหน้ากับแม่และครอบครัวของเขา สีหน้าของเขาตอนนี้เคร่งขรึม จริงจัง และเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างไม่น่าเชื่อ
หลินเซี่ยพยักหน้า “แน่นอนค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแต่งงานกับคุณได้อย่างไรคะ?”
การตอบสนองของเธอไร้ที่ติ และในขณะที่เฉินเจียเหอรู้สึกสุขใจกับคำตอบของเธอ เขาก็ไม่ได้สูญเสียเหตุผลไป
ทำไมหลินเซี่ยถึงแต่งงานกับเขา พฤติกรรมของเธอตอนที่ก้าวเข้าสู่บ้านนี้ครั้งแรกอธิบายทุกอย่าง
เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงที่ตามมาเท่านั้น ซึ่งทำให้เขามีความหวัง
หลินเซี่ยพบกับสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของเขาและยิ้มอย่างอ่อนโยน
“คุณคิดว่าฉันแต่งงานกับคุณ เพื่อที่จะกลับไปเมืองไห่เฉิงใช่ไหม?”
เฉินเจียเหอมองดูเธอและไม่ตอบคำใด บ่งบอกถึงความหมายที่ชัดเจน
นั่นคือสิ่งที่เขาคิด
หลินเซี่ยกล่าว “ในตอนแรกฉันคิดแบบนั้นจริง เพราะทันทีที่กลับมาถึงบ้านตระกูลหลิน คุณย่าก็รื้อค้นร่างกายของฉันทั้งหมด และที่นี่อากาศหนาวมาก ฉันรู้สึกเหมือนว่าไม่สามารถอาศัยอยู่ในชนบทได้ตลอดไป และมันคงทำให้ฉันเป็นบ้าแน่ ๆ ต่อมาพวกเขาอยากให้ฉันแต่งงานกับพ่อค้าหมูในหมู่บ้าน ฉันวางแผนจะหลบหนีในคืนนั้น แต่ไม่มีอะไรติดตัวไปด้วย ไม่มีเงินสำหรับการเดินทาง โชคดีที่คุณมา ฉันคิดว่าถ้าฉันแต่งงานกับคุณ อย่างน้อยเราก็เป็นญาติกันพี่น้องกันและคงคุยกันได้ และเมื่อฉันกลับไปที่เมือง เราค่อยแยกทางกันไปตามทางของตัวเอง และฉันสามารถชดเชยคุณได้หากจำเป็น แต่หลังจากที่ฉันเข้ามาอยู่ในบ้านของคุณ และได้รู้จักคุณมากขึ้น ฉันพบว่าคุณเป็นคนดีจริง ๆ ทั้งหล่อ และมีน้ำใจ ที่สำคัญคุณมีความรับผิดชอบและพึ่งพาได้ คุณสมบัติทั้งหมดที่คุณมีเป็นเหมือนเกณฑ์ที่ปรับให้เข้ากับการเลือกคู่ครองของฉัน ดังนั้นฉันจึงเปลี่ยนใจ ฉันเชื่อว่าเราจะรู้จักกันดีขึ้น และอาจพัฒนาความสัมพันธ์ได้”
สิ้นเสียง หลินเซี่ยก็ก้มศีรษะลงด้วยความเขินอาย
ท้ายที่สุดแล้ว เธอยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขาในชีวิตนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถพูดถ้อยคำอย่างฉันรักคุณและจะทุ่มเทให้กับคุณ เพราะนั่นดูเหมือนการเสแสร้ง
เธอสามารถตอบสนองต่อเขาตามสถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้น
นี่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ และเธอยังไม่รู้จักเขาดีพอ
ในชีวิตก่อนหน้านี้เขามักจะช่วยเหลือเธอเมื่อเธอต้องการเขา เธอรู้สึกขอบคุณมาก แต่ความซาบซึ้งไม่ใช่ความรัก
เธอต้องการเวลาที่จะรู้สึกและปลูกฝังความรักของพวกเขา
แต่เท่านี้ ก็เพียงพอจะทำให้เฉินเจียเหอสุขใจ
ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอารมณ์ในเวลานี้ของตัวเองอย่างไร
เธอชื่นชมว่าเขาหล่อ มีน้ำใจ มีความรับผิดชอบและพึ่งพาได้!
และอยากรู้จักเขามากกว่านี้…
ดูเหมือนเขากำลังได้รับความสุขอันท่วมท้น
ในที่สุดความรักที่ไม่สมหวังของเขาก็… เริ่มเบ่งบาน
ทั้งตื่นเต้น ดีใจ และไม่คาดฝัน…
ใช่แล้ว เขาแอบรักเธอมาตลอดสองปี
หลินเซี่ยเห็นว่าเขาเงียบและคิดว่าเขาอาจจะไม่เชื่อเธอ เธอจึงพูดต่อ “อย่างที่คุณเห็น ทักษะการตัดผมของฉันค่อนข้างดีและฉันสามารถหาเลี้ยงชีพได้ทุกที่ ถ้าฉันอยากกลับเมืองจริง ๆ ฉันคงออกไปนานแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องอยู่ที่บ้านของคุณและพยายามพัฒนาความสัมพันธ์กับคุณและหู่จือ”
เฉินเจียเหอกลืนน้ำลายยากเย็น ก่อนถามเสียงแหบแห้งว่า “คุณไม่รังเกียจที่ผมอายุมากกว่าหรือ?”
หลินเซี่ยตอบด้วยรอยยิ้มบาง “ยิ่งอายุมาก คุณยิ่งเอาใจใส่คนอื่น และมีความอดทนมากขึ้น”
รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของเฉินเจียเหอเช่นกัน
เขาเกาหัวด้วยความเขินอายและไม่รู้จะพูดอะไรต่อเช่นเดียวกับเด็กหนุ่มอายุยี่สิบ
บรรยากาศทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง จนเขาอยากโอบกอดและจูบเธอ
อย่างไรก็ตาม ภาพที่เธอผลักเขาออกไปในคืนนั้นพลันแล่นเข้ามาในความคิด
เขาไม่กล้ากระทำอย่างหุนหันพลันแล่นอีก
“ฉันสงสัยมาโดยตลอด คุณคิดยังไงในตอนที่มาแต่งงานกับฉัน? หากเป็นเพียงการช่วยเหลือฉันจากหวังต้าจ้วง มันมีอีกหลายวิธีที่จะทำได้ ทำไมคุณต้องยืนกรานแต่งงานกับฉันล่ะ? และยังเผชิญหน้ากับแม่ของคุณเพื่อฉันอีก พวกเรา… ดูเหมือนจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
หลินเซี่ยมองดูเขาและแสดงความสงสัยของเธอ
เฉินเจียเหอมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วตอบว่า
“คุณอาจไม่รู้จักผม แต่ผมเคยพบคุณแล้ว”
หลินเซี่ยดูงุนงงและถามว่า “คุณก็เลยตัดสินใจแต่งงานกับฉันหรือคะ?”
ตอนนี้เป็นช่วงปลายทศวรรษ 1980 ซึ่งห่างไกลจากยุคที่คู่บ่าวสาวจะพบกันครั้งแรกในคืนวันแต่งงานเท่านั้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ปรับความเข้าใจกันให้ได้นะคะว่ามาแต่งงานกันเพราะอะไร
ไหหม่า(海馬)