ตอนที่ 79 หลอกลวงครั้งแล้วครั้งเล่า(1)
ตอนที่ 79 หลอกลวงครั้งแล้วครั้งเล่า(1)
เมื่อไปถึงประตู ตอนแรกยังไม่เห็นใคร จนกระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคยซึ่งไม่ได้ยินมานาน “อวี้อิ๋ง”
หลินเซี่ยหันหน้าไปมอง และเห็นชายคนหนึ่ง สวมเสื้อคลุมสีดำ ตัดผมแสกข้าง 70/30 ยืนอยู่ข้างประตูรั้วอาคารพักอาศัย
เมื่อเห็นเธอ เขาก็เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูการปรากฏตัวของคนหน้าซื่อใจคด ความทรงจำเกี่ยวกับเขาเมื่อสมัยเธอยังเป็นวัยรุ่นก็แวบขึ้นมา ทำให้นิ่งงันไปพักหนึ่ง
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ เธอถึงแค่นเสียงเยาะเย้ย “อวี้อิ๋งเหรอ? เกรงว่านายคงจำผิดคนแล้วล่ะ”
หลิวจื้อหมิงกระแอมไออย่างไม่สบายใจ เปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ “หลินเซี่ย เธอเป็นไงบ้าง?”
“นายหัดสนใจธุระกงการของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลินเซี่ยมองหน้าของเขา นึกถึงความทรงจำเสี้ยวเล็ก ๆ ของชีวิตก่อนหน้านี้ ภาพใบหน้าของพวกเขาก่อนที่เธอจะสิ้นลมหายใจผุดขึ้นมา ทันใดนั้นมือที่ห้อยอยู่ข้างตัวก็เริ่มสั่นสะท้าน อยากเงื้อขึ้นฟาดหรือข่วนอีกฝ่ายให้หายแค้น
หลิวจื้อหมิงขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “หลินเซี่ย ฉันขอโทษจริง ๆ หลังจากที่ฉันรู้ความจริงเกี่ยวกับภูมิหลังของเธอแล้ว ฉันกลับไม่ยอมทำอะไรในทันที ปล่อยให้แม่แท้ ๆ มาพาตัวเธอจากไปต่อหน้าต่อตา ช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันเอาแต่โทษตัวเอง และคิดถึงเธอมาก พอได้ยินว่าเธอกลับมาที่ไห่เฉิงแล้ว ก็เลยรีบมาหาทันที”
หลินเซี่ยยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่พูดอะไรสักคำ เฝ้าดูการแสดงละครตบตาของเขาเงียบ ๆ
เมื่อได้เกิดใหม่และเจอหน้าเขาอีกครั้ง พอเผชิญหน้ากับใบหน้าอันเสแสร้งของเขา เธอไม่มีสิ่งรบกวนใจอื่นใดเลยนอกจากต้องการจะฟันเขาให้ตาย
หลิวจื้อหมิงมองเธอด้วยความรัก ด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและผิดหวังอย่างสุดซึ้ง “ทำไมจู่ ๆ เธอถึงเลือกแต่งงานกับเขา? เธอทำแบบนี้ได้ยังไง? ที่ผ่านมาเธอเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่?”
เขาตั้งท่าจะเขย่าแขนเธอ แต่เธอกลับถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสทางกายกับคนเจ้าเล่ห์คนนี้
“เห็นเป็นอะไรงั้นเหรอ? ใช่สิ นายเป็นอะไรกับฉันล่ะหลิวจื้อหมิง?”
ช่างตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องไร้สาระเก่งจริง ๆ
ทัศนคติของหลินเซี่ยทำให้หลิวจื้อหมิงประหลาดใจ ทุกครั้งที่เขาแสดงสีหน้าเศร้าโศกแบบนี้ ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติเธอจะรีบเอาอกเอาใจเขาทันที
เขาไม่แน่ใจว่าหลินเซี่ยหมายความว่ายังไง แต่คาดเดาว่าเธออาจจะแค่น้อยใจที่ตอนตัวเองถูกส่งตัวกลับชนบท กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา
เขาเดินเข้าไปหาเธออีกก้าว ต้องการอธิบายให้เธอฟัง แต่คราวนี้หลินเซี่ยพับแขนขึ้นกอดอก ท่าทางไม่แยแส แถมยังเปล่งรัศมีอันแข็งแกร่งที่คนแปลกหน้าไม่ควรเข้าใกล้ ไม่เปิดโอกาสให้เขาแตะต้องเนื้อตัวเลย
หลิวจื้อหมิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลดมือลง มองหน้าเธอแล้วถาม “ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วยมีลูกติดคนหนึ่ง เขาเป็นพ่อม่ายหรอกเหรอ?”
หลินเซี่ยตอบอย่างสงบ “ถูกต้อง”
“ฉันรู้ว่าเธอทำแบบนี้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเสียสละความบริสุทธิ์เพื่อที่จะได้กลับเข้ามาในเมืองอีกครั้ง ที่จริงเธอไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลย”
เมื่อหลิวจื้อหมิงพูดมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเขาก็ผ่อนคลายลงทันที “ถึงอย่างนั้นก็ช่าง ฉันไปขอร้องผู้อำนวยการเสิ่นมาแล้ว จนเขายอมให้เธอกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นนับจากนี้ อีกหน่อยเธอจะกลายเป็นน้องสาวของอวี้อิ๋ง คราวนี้การแต่งงานระหว่างเธอกับเฉินเจียเหอก็จะถือเป็นโมฆะ ฉันรู้ว่าพวกเธอยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ดังนั้นที่แล้วก็ให้แล้วกันไป ไม่ต้องกังวลนะ จะไม่มีใครนินทาเธอทั้งนั้น เธอกลับไปเตรียมตัวเก็บข้าวของเถอะ ไว้ฉันจะมารับทีหลัง”
ขณะที่หลิวจื้อหมิงพูดถ้อยคำเหล่านี้ บนใบหน้าฉายแววเรียกร้องความดีความชอบออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ราวกับต้องการให้หลินเซี่ยขอบคุณ เพราะเขาได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อเธอลงไป
เขาคิดว่าหลินเซี่ยคงมีความสุขมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ และจะมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมความชื่นชม รวมถึงยกย่องว่าเขาที่เป็นคนที่พึ่งพาได้
เพราะหลังจากภูมิหลังที่แท้จริงของพวกเธอถูกเปิดเผยเมื่อหลายปีก่อน มารดาผู้ให้กำเนิดของหลินเซี่ยมารับเธอถึงในเมือง ในเวลานั้นเธอปฏิเสธแทบตายว่าไม่อยากกลับไปกับอีกฝ่าย
ผู้เป็นแม่จึงยอมรามือ บอกว่าจะเคารพการตัดสินใจของลูกสาว
แต่เสิ่นอวี้อิ๋งกลับไม่ยอมท่าเดียว เธอทำทุกทางเพื่อไล่หลินเซี่ยออกไปจากที่นั่นให้ได้ ไม่อนุญาตแม้แต่จะให้เธอกลับมาทำงานในร้านตัดผมของรัฐบราวนี่ออนไลน์
เสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลานเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง พวกเขาจึงสนับสนุนความต้องการของเธอ
แต่ตอนนี้ เขาบอกข่าวดีกับเธอว่าเธอสามารถกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นได้ เธอจะไม่ดีใจได้อย่างไร?
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนใจง่ายเสมอมา
“อย่างนั้นเหรอ? ผู้อำนวยการเสิ่นนี่ช่างใจบุญสุนทานดีจริง ๆ ถึงยอมตกลงให้ฉันกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นได้” หลินเซี่ยมองเขา ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “แต่ทำไมฉันถึงต้องกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นด้วยล่ะ? ฉันไม่มีสายเลือดของตระกูลเสิ่น ไม่ได้เป็นลูกสาวของผู้อำนวยการโรงงานหรือหมอเซี่ย ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เป็นคนไล่ฉันออกมาด้วยตัวเอง แล้วทำไมฉันต้องกลับไปด้วย? ฉันมีมือมีเท้า ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องมาช่วยเหลือฉันทั้งนั้น ฉันไม่สนใจสถานะลูกสาวของตระกูลเสิ่น สืบทอด ไม่เคยอยากสืบทอดมรดกหรือทรัพย์สินของครอบครัวพวกเขา ทำไมฉันต้องกลับไป?”
ชาติก่อนเธอโง่งมมามากพอแล้ว ยังจะให้เธอกลับไปที่นั่นอีกเหรอ?
กลับไปก็ไปทำงานงก ๆ เป็นลูกน้องของเสิ่นอวี้อิ๋ง
นอกจากนี้ยังอาจเป็นการทำให้คนนอกรู้สึกว่าตระกูลเสิ่นใจบุญ มีเมตตากรุณา ยังคงเต็มใจที่จะยอมรับว่าเธอเป็นลูกสาว ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพวกเขา
เสิ่นอวี้อิ๋งก็จะพลอยได้รับชื่อเสียงในแง่บวกว่าเป็นคนสวยใจดี
ใครจะรู้ว่าแม่ดอกบัวขาวที่หน้าตาดูไร้เดียงสาและใจดีคนนี้ จริง ๆ แล้วทั้งน่ากลัวและเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าใคร หลังจากที่เธอถูกเกลี้ยกล่อมให้กลับไปอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่น เธอก็กลายเป็นสาวใช้ของอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์
ผู้หญิงคนนั้นเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอไว้ใต้ฝ่าเท้าตัวเอง เพื่อนเก่าทุกคนของเธอหันไปประจบประแจงเสิ่นอวี้อิ๋ง ค่อย ๆ ปลีกตัวออกห่างจากเธอในที่สุด
เสิ่นอวี้อิ๋งคอยย้ำเตือนเธอเสมอ ว่าพื้นเพเดิมของเธอมาจากบ้านนอกคอกนา ฉะนั้นต้องขอบคุณความมีน้ำใจและเมตตาของเสิ่นอวี้อิ๋ง ที่ทำให้เธอสามารถอาศัยอยู่ในเมืองต่อไปได้
ก่อนหน้านั้นเธอเองก็เคยรู้สึกแบบนั้นเช่นเดียวกัน
นั่นเป็นเพราะเธอถูกล้างสมองโดยเสิ่นอวี้อิ๋ง คิดว่าในฐานะที่ตัวเองเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของหลิวกุ้ยอิง ตระกูลหลินจึงเป็นฝ่ายติดหนี้เสิ่นอวี้อิ๋ง ดังนั้นจึงเต็มใจรับใช้หล่อนเหมือนวัวและม้า
ทั้ง ๆ ที่ตระกูลเสิ่นมีฐานะทางครอบครัวที่ดี แต่นับตั้งแต่พวกเขารับรู้ภูมิหลังของเธอ พวกเขาก็ไม่เคยเจียดเงินมาจุนเจือเธออีก เสิ่นอวี้อิ๋งกลับไปเรียนต่อชั้นมัธยมจนจบ ส่วนเธอก็ไปเรียนตัดเย็บ เรียนทำผม และเรียนแต่งหน้าจากหน่วยงานภายนอก จากนั้นก็ทำงานหารายได้และเอาเงินมาใช้กับเสิ่นอวี้อิ๋ง ต่อมายังต้องหาเงินเลี้ยงลูกชู้ให้กับหล่อนอีก
ชีวิตเธอถูกบงการตลอดมา
ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แต่ทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกอยู่ในกำมือของเสิ่นอวี้อิ๋ง
เสิ่นอวี้อิ๋งอาศัยอยู่ในชนบทมายี่สิบปี มีชีวิตที่ยากลำบากมาก แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของตระกูลหลิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความผิดของหลินเซี่ย
เพราะตอนที่เสิ่นอวี้อิ๋งอาศัยอยู่กับตระกูลหลิน หลินต้าฝูและหลิวกุ้ยอิงต่างก็เลี้ยงดูหล่อนอย่างดีราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า
หากไม่มีหลินต้าฝู เกรงว่าหล่อนคงตายไปนานแล้ว
ถ้าเสิ่นอวี้อิ๋งพอจะจำความได้ หล่อนก็คงรู้เรื่องทั้งหมดนี้เหมือนกัน
แต่ทำไมหล่อนถึงยังโหดร้ายกับพวกเขาขนาดนี้?
ทำไมถึงฆ่าพวกเขาทั้งหมด?
หลินเยี่ยน สาวน้อยผู้ซื่อสัตย์คนนั้นถูกหล่อนจับไปขายและกระทำย่ำยีเพื่อเป็นเครื่องให้กำเนิดลูกกับเศรษฐี หลินจินซานก็เหมือนกัน เสิ่นอวี้อิ๋งใช้เงินทั้งหมดที่เขาหามาอย่างสุรุ่ยสุร่าย
ไม่ต้องพูดถึงแม่ของเธอที่เสียชีวิตขณะพยายามช่วยเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของหวังต้าจ้วง
เสิ่นอวี้อิ๋งอาจคับแค้นใจที่เธอปล้นชีวิตอันสุขสบายในวัยเด็กของตัวเองไป แต่หล่อนเองก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน!
ตอนนี้ เมื่อเธอมองย้อนกลับไปและคิดเรื่องทั้งหมดอย่างรอบคอบ เธออดเกลียดตัวเองไม่ได้ที่ยอมเป็นคนโง่ให้อีกฝ่ายหลอกใช้ในชาติที่แล้ว
เธอมีมือมีเท้า ได้รับเงินค่าจ้างจากการเป็นพี่เลี้ยงเด็กนอกบ้าน แต่ทำไมถึงมัวหมกมุ่นอยู่กับการได้ครอบครัวเดิมกลับคืนมา นอกจากนี้ เธอแต่งงานแล้วแท้ ๆ
เห็นได้ชัดว่าตระกูลเสิ่นไม่ต้องการให้เธอแต่งงานกับเฉินเจียเหอ จนกลายมาเป็นพี่สะใภ้ของเสิ่นเสี่ยวเหมย เพราะกลัวว่าเธอจะอยู่เหนือกว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยในสักวัน
เสิ่นอวี้อิ๋งยิ่งอิจฉาที่เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่มีพื้นฐานทางครอบครัวที่ดี และอาชีพการงานที่ดี
แม้กระทั่งในวันที่เธอกำลังจะตาย เสิ่นอวี้อิ๋งยังบอกว่า ในสายตาของหล่อน เธอควรแต่งงานกับผู้ชายอย่างหวังต้าจ้วงด้วยซ้ำ
“หือ?” หลิวจื้อหมิงไม่คิดว่าหลินเซี่ยจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ หลังจากเธอกลับมาจากบ้านนอกคราวนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่หลงเหลือนิสัยอันโง่เขลาก่อนหน้านี้อีกต่อไป
เมื่อก่อน เธอมักจะเชื่อฟังสิ่งที่เขาพูดทุกอย่าง
ในเวลาไม่ถึงเดือน เธอกลับกลายเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว!
เป็นเพราะการแต่งงานหรือเปล่านะ?
หลิวจื้อหมิงไม่มีทางเชื่อว่าหลินเซี่ยจะไม่หลงเหลือความรู้สึกดี ๆ ต่อเขาแล้วจริง ๆ
ไม่เชื่อว่าเธอจะเต็มใจแต่งงานกับพ่อม่ายลูกติดคนนั้น
“หลินเซี่ย บอกฉันหน่อยสิ เธอไม่ได้แต่งงานกับเฉินเจียเหอแค่เพราะอยากจะกลับมาอยู่ในเมืองหรือไง?”
หลิวจื้อหมิงก้าวเข้ามาใกล้เธออีกก้าว อยากจับมือเธอไว้ “ฉันรู้ว่าเธอเสียใจและผิดหวังในตัวฉัน เธอคงจะอึดอัดมากหลังจากกลับไปอยู่บ้านนอก และก็อาจจะตำหนิฉันในใจสารพัด ตำหนิลุงเสิ่นกับป้าเซี่ยสำหรับความไม่มีเยื่อใยไมตรีของพวกเขา แต่ตอนนี้เธอกลับไปได้แล้ว กลับไปอยู่บ้านตระกูลเสิ่นกันเถอะ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานอีก ทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
“อวี้อิ๋งเองก็ใจดีมากเลยนะ เขาบอกว่าเขาเต็มใจที่จะเป็นพี่น้องเธอ แถมยังเป็นคนพูดแทนเธอต่อหน้าลุงเสิ่นและคนอื่น ๆ อีกด้วย ให้เหตุผลว่าหล่อนอยากมีพี่น้อง เพราะอย่างนี้พวกเขาถึงได้ยอมใจอ่อน”
“หล่อนเนี่ยนะอยากมีพี่น้อง? ชักจะใจดีเกินไปแล้ว”
หลิวจื้อหมิงสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอเย็นชา ฝีปากก็เราะรายผิดจากเมื่อก่อน ทันใดนั้นเขาถึงรู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้าเหมือนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับตัวเอง
ความไร้เดียงสาและความโง่เขลาในตัวเธอหายไปอย่างสิ้นเชิง
แต่เขายังคงเชื่อมั่นว่าเป็นไปไม่ได้ที่หลินเซี่ยจะเลิกรักเขา
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทานโทษนะ นี่คือหลินเซี่ยคนใหม่จ้ะ คนเก่าตายไปแล้ว อย่ามาหลอกเสียให้ยากเลย
ไหหม่า(海馬)