ตอนที่ 87 ปรับความเข้าใจ
ตอนที่ 87 ปรับความเข้าใจ
“ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ? “เจียงอวี่เฟยมองดูเธอแล้วถามไถ่ด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
หลินเซี่ยตอบ “ฉันอยู่ที่อาคารพนักงานของโรงงานยานยนต์”
ดวงตาของเจียงอวี่เฟยเป็นประกายเมื่อได้ยินแบบนั้น “ฉันได้ยินว่าลูกพี่ลูกน้องของผู้อำนวยการเสิ่นมาที่บ้านตระกูลเสิ่นเมื่อไม่กี่วันก่อน หล่อนบอกว่าเธอแต่งงานกับพี่เขยคนโตของหล่อนเลยทำให้ตอนนี้เธอกลายเป็นพี่สะใภ้ นั่นจริงหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยพยักหน้า “ใช่”
“พระเจ้าช่วย เธอนี่สุดยอดไปเลย” ตอนแรกเจียงอวี่เฟยเห็นอกเห็นใจหลินเซี่ยที่ถูกจับแต่งงานทันทีที่เธอออกจากตระกูลเสิ่น แต่แล้วก็กลับกลายเป็นพี่สะใภ้ของลูกพี่ลูกน้องตัวเองไปได้ นี่ออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อย
เสิ่นเสี่ยวเหมยแต่งงานกับหลานชายของอดีตทหารผ่านศึก
เนื่องจากได้แต่งเข้าบ้านสามีที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดา เสิ่นเสี่ยวเหมยจึงภูมิใจในตัวเองมาก ทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมบ้านของผู้อำนวยการเสิ่น หล่อนก็มักจะคุยโวโอ้อวดอยู่ในลานหน้าอาคารเป็นเวลานาน เพลิดเพลินกับความอิจฉาและคำชมจากป้า ๆ ในละแวกนั้นอยู่นานก่อนจะกลับ
หลินเซี่ยเองก็ได้แต่งเป็นสะใภ้ของครอบครัวอดีตทหารผ่านศึกด้วยหรือนี่?
ชีวิตของยัยเด็กนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยนี่นา ทั้งที่เธอเป็นลูกสาวตัวปลอมแท้ ๆ
ถึงอย่างนั้น…
“แล้วเธอจะปล่อยเจ้าไก่อ่อนหลิวจื้อหมิงนั่นไปจริง ๆ เหรอ?” เจียงอวี่เฟยมองเธอแล้วถามอีกครั้ง
หลินเซี่ยยิ้มก่อนจะพูดว่า “แม้แต่เธอยังบอกว่าเขาเป็นไก่อ่อนเลย ฉันว่าฉันปล่อยเขาไปดีกว่า ถึงยังไงสามีฉันก็ดีกว่าเขาเป็นร้อยเท่า”
พูดถึงเรื่องนี้ เจียงอวี่เฟยก็แสดงความคิดเห็น “ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้ถูกความรักทำให้ตาบอดแล้วสินะ”
หลินเซี่ยรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย
สำหรับเรื่องทำนองนี้ เจียงอวี่เฟยมองขาดกว่าเธอในขณะนั้นมาก
“เพื่อนในยามยากคือเพื่อนแท้ พอเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ฉันถึงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาอย่างชัดเจน ถือว่าโชคดีมากสำหรับฉัน ถ้าเรื่องสลับตัวไม่เกิดขึ้น ฉันคงโดนผู้ชายคนนั้นหลอกไปแล้ว”
เจียงอวี่เฟยอดไม่ได้ที่จะมองเธออย่างพิจารณาอีกครั้ง
สายตาของหล่อนเต็มไปด้วยความโล่งใจ
“ฉันกับสามีเพิ่งจัดพิธีแต่งงานเล็ก ๆ ในบ้านเกิด อีกหน่อยอาจจะจัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานทีหลัง คราวนี้เธอก็มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉันได้แล้ว” หลินเซี่ยมองอีกฝ่ายพร้อมกับเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“ดูปั้นหน้าเข้าซิ”
“อย่าทำตัวหยิ่งกับฉันไปหน่อยเลย เรามาปรับความเข้าใจกันดีกว่า โอเคไหม?” หลินเซี่ยดึงแขนเจียงอวี่เฟยอย่างหน้าด้านพลางเขย่าไปมา เริ่มทำท่าทางงอแงเหมือนเด็กไร้เดียงสา
เจียงอวี่เฟยพูดอย่างเชื่องช้า “ถึงยังไงตอนนี้เธอก็ไม่ใช่ลูกสาวของเสิ่นเถี่ยจวินแล้ว งั้นถ้าก่อนหน้านี้ฉันเคยทำอะไรผิดต่อเธอ หรือทำให้เธอไม่พอใจก็ถือว่าหายกัน ในเมื่อเธอขอโทษเพราะอยากจะเป็นเพื่อนกับฉันจริง ๆ ฉันก็จะยอมเชื่อเธอสักครั้ง ขอลองดูหน่อยว่าเธอจะปั้นหน้าทำดีกับฉันไปได้อีกนานแค่ไหน อีกอย่าง ฉันไม่ค่อยชอบเสิ่นอวี้อิ๋งตัวจริงเลย”
ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา พ่อแม่ของหล่อนได้พาหล่อนไปที่บ้านของผู้อำนวยการเสิ่นเพื่ออวยพรปีใหม่ บอกว่าที่มาครั้งนี้ก็เพราะอยากไปเจอลูกสาวคนใหม่ของผู้อำนวยการเสิ่น
เมื่อก่อนหล่อนไม่ชอบหน้าหลินเซี่ย ประกอบกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองครอบครัวที่แข่งขันกันมาโดยตลอด ทำให้หล่อนไม่สนใจไปบ้านตระกูลเสิ่น แต่ถึงพ่อของหล่อนจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงาน เขาก็ยังต้องรักษามารยาทในแบบที่เพื่อนมนุษย์พึงมี ตอนนี้ลูกสาวตัวจริงของเขากลับมาแล้ว พวกเขาจึงควรไปเยี่ยมเยียนเสียหน่อยในฐานะเพื่อนร่วมงาน
แถมพ่อยังขอให้หล่อนเตรียมของขวัญให้กับเสิ่นอวี้อิ๋งตัวจริงอีกด้วย
หล่อนจึงมอบต่างหูคู่ใหม่ให้กับเสิ่นอวี้อิ๋งไปแบบส่งๆ ต่างหูคู่นี้เป็นของที่หล่อนซื้อไว้เมื่อนานมาแล้วจากแม่ค้าแผงลอยริมถนนแต่ไม่เคยใช้
ทันทีที่หล่อนให้ของขวัญ เสิ่นอวี้อิ๋งก็ร้องไห้ทันที
ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับนั่นเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็นเครื่องประดับสวยงามแบบนี้ตั้งแต่โตเป็นสาว หรือไม่ก็เป็นครั้งแรกที่หล่อนรู้ว่าสาว ๆ ในเมืองนิยมใส่ต่างหู…บราวนี่ออนไลน์
หล่อนทำเป็นว่าตัวเองรู้สึกสะเทือนใจมาก จากนั้นก็โผเข้ากอดผู้อำนวยการเสิ่นกับเซี่ยหลานแล้วร้องไห้
ปฏิกิริยาแบบนั้นทำให้หล่อนกับพ่ออับอายมาก พอกลับถึงบ้าน พ่อก็หันมาต่อว่าหล่อนที่เตรียมของขวัญได้ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย
แต่หล่อนกลับคิดอีกแบบ รู้สึกว่าต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะไม่เคยเห็นของสวย ๆ งาม ๆ ในชนบท แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอกเลย
แถมยังทำให้หล่อนโดนพ่อดุโดยใช่เหตุ
ที่สำคัญ เสิ่นอวี้อิ๋งคนนี้เจาะหูแล้วด้วยซ้ำ จะไม่รู้จักแฟชั่นการใส่ต่างหูได้อย่างไร?
สังเกตเส้นผมของหล่อนแล้ว ดูเหมือนว่าหล่อนจะสระผมโดยใช้แชมพูเป็นประจำ เพราะผมไม่แห้งหรือชี้ฟูแต่อย่างใด
สภาพโดยรวมไม่เหมือนคนที่เผชิญความยากลำบากมามากมาย
“ตอนที่เสิ่นอวี้อิ๋งอยู่บ้านนอก เธอโดนทุบตีดุด่าบ่อย ๆ หรือถูกผู้ใหญ่ในบ้านปฏิบัติอย่างโหดร้ายหรือเปล่า?” เจียงอวี่เฟยมองหลินเซี่ยแล้วถามอย่างสงสัย
หลินเซี่ยงงงวย “ทำไมถามแบบนี้?”
“ก็หล่อนพยายามบอกทุกคนว่าตัวเองเป็นแบบนั้น บอกว่าเมื่อก่อนต้องอยู่แบบอดอยากมีอาหารไม่พอยาไส้ เสื้อผ้าไม่พอสวมใส่ แถมยังมีชีวิตที่น่าสังเวช”
หล่อนไม่ได้พูดแบบนั้นกับใครแค่คนเดียว
ทุกครั้งที่เดินไปเจอเพื่อนบ้านร่วมอาคารเดียวกัน เสิ่นอวี้อิ๋งมักจะบีบน้ำตาร้องห่มร้องไห้ตลอดเมื่อเจอพวกเขา แล้วพูดพล่ามถึงความทุกข์ทรมานที่ตัวเองเคยได้รับสมัยอยู่ในชนบท
แถมยังพูดเป็นนัยว่าแม่ที่เลี้ยงดูหล่อนมาจงใจสลับตัวลูกของตัวเอง เพื่อให้ลูกสาวของหล่อนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย
ทำตัวเป็นสะใภ้ว่างงาน พูดพล่ามไปเรื่อย ๆ
ตอนนี้บรรดาคุณป้าคุณยายทั้งหลายที่อาศัยในอาคารต่างก็สงสารเห็นใจและเอ็นดูหล่อนมาก
แต่เจียงอวี่เฟยกลับไม่คิดจะเสวนากับหล่อนอีก
เมื่อก่อนหลินเซี่ยโง่เหมือนหมู ขนาดถูกหลิวจื้อหมิงหลอกแท้ ๆ ยังหลงใหลเขาหัวปักหัวปำ แต่ตอนนี้ลูกสาวคนใหม่ของตระกูลเสิ่นกลับฉลาดเป็นกรด รู้จักเสแสร้งเรียกร้องความสงสาร
“อวี่เฟย ถึงหล่อนกับฉันจะถูกสลับตัวกันตอนแบเบาะโดยบังเอิญ และฉันมีชีวิตที่ดีกว่าหล่อนในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาก็จริง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะแม่ ตอนนี้พวกเราอยู่ระหว่างการสืบสวนหาความจริง อีกอย่าง สมัยหล่อนอาศัยอยู่ในชนบทก็ไม่ได้มีชีวิตรันทดอย่างที่โพนทะนากับใคร ๆ ซะหน่อย ถึงตระกูลหลินจะยากจน แต่พ่อของฉันที่ตายไปแล้วก็ใช้เงินทุกเหมาเพื่อเลี้ยงดูปูเสื่อหล่อนอย่างดี หล่อนโกหกได้ แต่ไม่ควรโกหกจนไร้จิตสำนึก หล่อนได้รับการศึกษาเหมือนเด็กคนอื่น แต่สอบไม่ติดที่ไหนเลยหลังเรียนจบมัธยมปลาย ก่อนที่ภูมิหลังของเราสองคนจะถูกเปิดเผย หล่อนยังเรียนซ้ำชั้นอยู่เลยนะ”
ตัวเธอเองก็ไม่ได้สอบเรียนต่อมหาวิทยาลัยหลังจากจบมัธยมปลายเหมือนกัน เพราะเสิ่นเถี่ยจวินอ้างว่าหางานทำยังดีกว่าเรียนต่อมหาวิทยาลัย
จากนั้นเธอจึงสมัครเข้าทำงานในร้านตัดผมของรัฐในฐานะเด็กฝึกงาน
พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วมองย้อนกลับไป ตั้งแต่เธอจำความได้ ดูเหมือนเสิ่นเถี่ยจวินจะไม่ค่อยสนใจไยดีเธอเท่าใด
ทั้งพูดจารุนแรงใส่บ่อยครั้ง ทั้งปล่อยปละละเลยไม่ดูแล
หนำซ้ำยังจำกัดความสามารถในการเรียนของเธออยู่ตลอด
แม้แต่ในเวลาปกติ เขายังไม่ค่อยทำหน้าตายิ้มแย้มกับเธอสักครั้ง
เมื่อก่อนเธอคิดเสมอว่าเป็นเพราะเสิ่นเถี่ยจวินงานยุ่ง แต่ตอนนี้พอลองคิดทบทวนดูแล้ว งานยุ่งอาจจะเป็นแค่ส่วนหนึ่ง เขาแค่ไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับลูกสาวเท่านั้นเอง
ในขณะที่เซี่ยหลานใจดีกับเธอมาก
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยหลานและเสิ่นเถี่ยจวินก็มีส่วนที่แปลกอยู่บ้าง
หล่อนมักจะใช้ข้ออ้างว่าต้องไปเข้าเวรที่โรงพยาบาล ไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยนัก
เจียงอวี่เฟยเล่าต่อ “ฉันรู้สึกว่าคำพูดของหล่อนไม่มีอะไรจริงเลย ตอนแรกก็รู้สึกเห็นใจกับประสบการณ์ชีวิตอันยากลำบากของหล่อนอยู่หรอก แต่หลังจากฉันไปเจอหน้าหล่อนแบบจริงจัง ฉันก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหล่อนอีกต่อไป มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าหล่อนเจ้าเล่ห์แค่ไหน”
เจียงอวี่เฟยยินดีที่จะพูดคุยกับเธออย่างจริงใจ ทั้งยังบ่นเกี่ยวกับเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างไม่ปิดบัง จนหลินเซี่ยรับรู้ว่าตอนนี้เจียงอวี่เฟยเริ่มถือว่าเธอเป็นเพื่อนแล้วจริง ๆ
หลินเซี่ยเห็นด้วยอย่างมากกับคำพูดของเจียงอวี่เฟย เพราะชาติที่แล้วเธอก็เคยถูกเสิ่นอวี้อิ๋งหลอกใช้และหลอกลวง เพราะเธอรู้สึกผิดกับอีกฝ่าย
เธอลองถามหยั่งเชิง “ปีก่อนมีผู้ชายจากชนบทเข้าเมืองมาตามหาหล่อนบ้างหรือเปล่า?”
“เรื่องนี้ฉันไม่ได้สังเกต”
“แล้วเธอพอรู้ไหมว่าตอนนี้อาการของเสิ่นอวี้หลงเป็นยังไงบ้าง?” หลินเซี่ยถามเจียงอวี่เฟยด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
เดิมทีเธอต้องการไปที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเสิ่นอวี้หลง แต่อีกใจก็กลัวว่าเซี่ยหลานจะลำบากใจ
เธอยังมีความผิดติดตัว จึงไม่กล้าไปไหนง่าย ๆ
ชาติก่อนเธอไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเสิ่นอวี้หลงครั้งหนึ่ง แต่ทันทีที่เธอออกมาจากวอร์ด อุปกรณ์ติดตามอาการของเสิ่นอวี้หลงก็แสดงสัญญาณผิดปกติ
เป็นผลให้เซี่ยหลานและเสิ่นเถี่ยจวินเข้าใจเธอผิด พวกเขากล่าวหาว่าเธอตั้งใจมาที่นี่แล้วฆ่าเสิ่นอวี้หลงเพื่อแก้แค้นทันทีที่กลับเข้ามาอยู่ในเมือง ตอนนั้น สมาชิกทั้งสามคนในครอบครัวเดิมเดินมาขวางเธอตรงโถงทางเดินในโรงพยาบาล คาดคั้นตั้งคำถามไม่หยุด เสิ่นเถี่ยจวินเริ่มดุด่าเธอว่าเนรคุณ พอหวนนึกถึงฉากนั้นเธอก็ตัวสั่นไปหมด
โชคดีที่แพทย์เจ้าของไข้ของเสิ่นอวี้หลงออกมาช่วยได้ทันเวลา ออกตัวแก้ต่างแทนเธอ ไม่อย่างนั้นเธอคงกลายเป็นฆาตกรที่ ‘ปลิดชีพ’ เสิ่นอวี้หลง
เจียงอวี่เฟยตอบว่า “ดูเหมือนจนป่านนี้เขาจะยังไม่ฟื้นเลยนะ”
“โอ้” หลินเซี่ยมีสีหน้าจริงจัง ไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก
แน่นอน เธอรู้ดีว่าเสิ่นอวี้หลงยังไม่ฟื้น และจากนี้ไปเขาอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินเซี่ยก็หายใจไม่ออก
เธอคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเกิดใหม่ของเธอในครั้งนี้ จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีก และชะตากรรมของเสิ่นอวี้หลงก็จะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
เขาอายุแค่สิบเจ็ดปี ชีวิตเพิ่งจะถึงคราวเริ่มต้น น่าเสียดายที่อนาคตของเขาต้องดับมอดเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
วีรกรรมยัยอวี้อิ๋งอย่างแสบ ขอให้เซี่ยเซี่ยรวมหัวกับอวี่เฟยแก้เผ็ดคืนได้นะ
สงสารน้องชายจัง อายุไม่เท่าไหร่เอง
ไหหม่า(海馬)