ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 121 ผิดพลาดทางเทคนิค

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 121 ผิดพลาดทางเทคนิค

ตอนที่ 121 ผิดพลาดทางเทคนิค

ผู้เฒ่าเสิ่นและลูกชายต่างตกตะลึง ด้วยความหวังว่าหลินเซี่ยจะก้าวลงจากเวทีโดยเร็ว และยิ่งกลัวสิ่งที่คนอื่นพูดถึงลูกสาวที่เลี้ยงดูมาโดยตระกูลเสิ่นของพวกเขา

มีแค่เซี่ยหลานเท่านั้นที่มองดูการแสดงบนเวทีอย่างจริงจัง และปรบมืออย่างจริงใจให้กับทุกการแสดง

เมื่อมองไปยังหญิงสาวบนเวที ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยแววซับซ้อน

ลูกสาวบุญธรรมของพวกเขา ตอนที่อยู่ในตระกูลเสิ่นเธอมีคุณสมบัติปานกลางและมีบุคลิกน่าเบื่อ เชื่อฟังและระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ

นับตั้งแต่เธอออกจากตระกูลเสิ่นและแต่งงานกับเฉินเจียเหอ เธอกลับเปล่งประกายเหมือนเป็นคนละคน

หลังออกจากสภาพแวดล้อมที่ชวนรู้สึกอึดอัด บุคลิกของเธอดูร่าเริงขึ้นมาก

เซี่ยหลานไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลินเซี่ยสามารถเต้นได้ เมื่อเห็นการแสดงอันอ่อนเยาว์และสง่างามบนเวที ในฐานะอดีตคนเป็นแม่ก็มีรู้สึกยินดีกับเธอจริง ๆ

ในความเป็นจริง ตอนที่หล่อนรู้ว่าหลินเซี่ยไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง หล่อนก็รู้สึกมีความสุขเล็กน้อยในใจ

ตั้งแต่หลินเซี่ยเกิดมา ตระกูลเสิ่นเข้าใจหล่อนผิด ๆ มานานหลายปี และความสัมพันธ์ของหล่อนกับเสิ่นเถี่ยจวินก็เย็นชาต่อกันมาก

ต่อมาเมื่อหล่อนไปตรวจเลือดเพื่อบริจาคเลือดให้ลูกชาย แล้วเห็นกรุ๊ปเลือดของสมาชิกในครอบครัว หล่อนก็สงสัยว่าหลินเซี่ยไม่ใช่ลูกสาวของเสิ่นเถี่ยจวิน

หลังจากตรวจผลทุกอย่างแล้ว หล่อนก็รู้สึกผ่อนคลายลง

ในที่สุดหล่อนก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้

หล่อนมีโอกาสลืมตาอ้าปาก มีสิทธิ์มีเสียงในตระกูลเสิ่น และมีความกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับเสิ่นเถี่ยจวินแล้ว

ตอนนั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างหล่อนกับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ สุดท้ายหล่อนก็เลือกที่จะปล่อยเขาไป และตัดสินใจเลือกแต่งงานกับเสิ่นเถี่ยจวิน

ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายไม่เคยมีความรู้สึกเชิงชู้สาวต่อหล่อนเลย

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เสิ่นเถี่ยจวินและพ่อของเขาปฏิบัติต่อหลินเซี่ยด้วยความเกลียดชังมาโดยตลอด ใช้สารพัดความรุนแรงและเย็นชาต่อหล่อนกับหลินเซี่ยในลักษณะที่แย่มาก ซึ่งหล่อนทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ที่ต้องเจออะไรแบบนั้น

แม้ตอนนี้หลินเซี่ยจะออกจากตระกูลเสิ่นไปแล้ว หล่อนก็ยังคงมีร่องรอยความรู้สึกผิดต่อหลินเซี่ยอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ

หลินเซี่ยเคยเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการโรงงาน ได้รับความนิยมอย่างมากในสายตาคนนอก มีแค่หล่อนผู้เป็นแม่ที่รู้ว่าหลินเซี่ยเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่น่าหดหู่แค่ไหน

เซี่ยหลานรู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

แต่ความจริงที่ว่าหลินเซี่ยดูเหมือนเซี่ยอวี่นั้น ยังคงเป็นปริศนาในใจเธอมาโดยตลอด

ในอดีต หล่อนเข้าใจผิดว่าตัวเองอาจทรยศเสิ่นเถี่ยจวิน จึงไม่สามารถกอบกู้ความบริสุทธิ์ให้ตัวเองได้เลย กระทั่งตอนนี้หล่อนก็ยังไม่รู้จะอธิบายภูมิหลังของหลินเซี่ยยังไง

เป็นไปได้ไหมว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของหลินเซี่ยมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ย?

เซี่ยหลานคิดมากจนลืมการแสดงบนเวทีไปพักหนึ่ง

เมื่อครู่เสิ่นเสี่ยวเหมยตกใจกับการแสดงของคนจากโรงงานยานยนต์ไม่น้อย

พนักงานพวกนี้เต้นเก่งกันมากเลยทีเดียว

โดยเฉพาะหลินเซี่ยที่ยืนอยู่หน้าสุด ดูเหมือนว่าจะส่องแสงเจิดจ้าที่สุดแล้ว ทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกทั้งรังเกียจและประหลาดใจ

ตอนที่ผู้หญิงงี่เง่าคนนี้อยู่ในตระกูลเสิ่น เธอแกล้งทำตัวเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ(1)งั้นเหรอ?

ทำไมเธอถึงทำทุกอย่างได้ดีไปหมด?

เสิ่นเสี่ยวเหมยมองไปยังเซี่ยหลานที่กำลังปรบมือ พูดด้วยท่าทางแปลก ๆ “พี่สะใภ้ อย่าบอกนะว่าคุณแอบสอนอะไรแบบนี้ให้หล่อนลับหลัง?”

เซี่ยหลานกลับมาสงบสติอารมณ์อีกครั้งเมื่อได้ยินอีกฝ่ายถาม หล่อนไม่ต้องการคุยกับเสิ่นเสี่ยวเหมย และไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้นมอง

เสิ่นเสี่ยวเหมยพูดต่อว่า “อวี้อิ๋งจะขึ้นเวทีเร็ว ๆ นี้แล้ว ถ้าการแสดงของหล่อนไม่ดีเท่าหลินเซี่ย หล่อนจะเสียใจขนาดไหน คุณเลี้ยงดูลูกสาวบุญธรรมให้ดีไปซะทุกอย่าง แต่กลับปล่อยให้ลูกสาวแท้ ๆ ทนทุกข์ทรมานอยู่ในชนบทเนี่ยนะ ถ้าฉันเป็นอวี้อิ๋งคงจะเกลียดคุณไปจนวันตาย”

ผู้เฒ่าเสิ่นเตือนด้วยเสียงแผ่วเบา “เสี่ยวเหมย หยุดพูดได้แล้ว”

หลังการแสดงจบลง หลินเซี่ยและคนอื่นก็กลับมานั่งลงตรงด้านล่างบนเวที และดูการแสดงอื่น ๆ ต่อกับคนในครอบครัว

เฉินเจียเหอเดินมารออยู่ที่บันไดทางลงจากเวที โดยอุ้มหู่จือไว้ในอ้อมแขน

เพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่น พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกัน แต่เดินออกไปพร้อมหลินเซี่ยไปยังที่นั่งชมการแสดง

หลินเซี่ยนั่งบนที่นั่งตัวเอง มองไปยังเฉินเจียเหอและถามเบา ๆ “เป็นยังไงบ้างคะ?”

“ยอดเยี่ยมมาก” เฉินเจียเหอยกนิ้วโป้งให้เธอ

หู่จือเองก็ชื่นชมเธอว่า “ใช่ คุณเต้นได้ดีมากเลย ผมสีขาวของลุงหนิวนี่สิเปล่งประกายยิ่งกว่าใคร ๆ”

“ฮ่าฮ่า นั่นคงเป็นเพราะเอฟเฟกต์แสงล่ะมั้ง”

บนเวที การแสดงยังดำเนินต่อไป ผู้ดำเนินรายการเริ่มประกาศอีกครั้งว่า “ต่อไปนี้ ขอเชิญเสิ่นอวี้อิ๋งจากโรงงานเครื่องจักรไห่เฉิง ขึ้นแสดงการบรรยายบทกวีเดี่ยวอันไพเราะ ณ บัดนี้ครับ”

“อวี้อิ๋งมาแล้ว อวี้อิ๋งกำลังจะขึ้นเวทีแล้ว”

เสิ่นเสี่ยวเหมยพูดอย่างตื่นเต้นกับผู้เฒ่าเสิ่น

เสิ่นอวี้อิ๋งเดินออกมาในชุดกระโปรงสีขาว รองเท้าหนัง ผมยาวสลวยประดับด้วยกิ๊บติดผมสีชมพู

หล่อนเดินไปตรงกลางเวที แล้วโค้งคำนับให้ผู้รับชม

เสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลานมองดูลูกสาวของพวกเขายืนอยู่บนเวที ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสิ่นเถี่ยจวิน เมื่อมองไปยังร่างนั้นบนเวที ดวงตาของเขาแสดงอารมณ์อันลึกซึ้งที่ไม่อาจเข้าใจได้

มีทั้งความเมตตา ความรู้สึกผิด กล่าวโดยสรุปคือดวงตาเขามีหลากหลายอารมณ์มาก ๆ

ภาษาจีนกลางของเสิ่นอวี้อิ๋งไม่ได้มาตรฐานมากนัก แต่หล่อนก็มีอารมณ์ความรู้สึกร่วมไม่น้อยเมื่อเริ่มท่องบทกลอน และเนื้อหาของบทกวีที่หล่อนเลือกก็ไพเราะมากเช่นกัน

หลินเซี่ยมองไปยังหญิงสาวบนเวทีที่กำลังท่องบทกวีอย่างมีสมาธิและเปี่ยมด้วยอารมณ์ร่วม ต้องยอมรับว่าเสิ่นอวี้อิ๋งเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

หล่อนแต่งตัวสวยงามเหมือนเป็นดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ แต่เมื่ออยู่บนเวทีใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่มีร่องรอยความหวาดกลัวหรือตื่นเวทีเลย และยังแสดงออกมาได้ดีมาก

บางคนอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม ในชาตินี้เธอจะไม่ร่วมมือกับกับเสิ่นอวี้อิ๋งเพื่อผลักดันอีกฝ่ายสู่เส้นทางการเป็นนักแสดงอีกต่อไป

ผู้อำนวยการคนอื่น ๆ ของโรงงานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เสิ่นเถี่ยจวิน ต่างชื่นชมผลงานการแสดงของเสิ่นอวี้อิ๋ง และยังยกย่องความฉลาดและความงามของลูกสาวเขาต่อหน้าเสิ่นเถี่ยจวินอีกด้วย

เพียงแต่… คำยกย่องชื่นชมเหล่านั้นกลับอยู่ได้ไม่นานนัก

ด้านล่างเวที ขณะที่หลิวจื้อหมิงและคนอื่นกำลังชมเสิ่นเถี่ยจวิน ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นบนเวที

ในช่วงครึ่งหลังของการบรรยายบทกวี จู่ ๆ เสิ่นอวี้อิ๋งก็สะอึกอยู่บ่อยครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นกับลูกเรา?” เสิ่นเถี่ยจวินถามเซี่ยหลานอย่างกังวลในหมู่ผู้ฟัง

เซี่ยหลานมีสีหน้าเป็นกังวล “บางทีหลังเวทีอาจจะหนาวเกินไปก็ได้ หล่อนคงเผลอสูดอากาศเย็น ๆ เข้าไป”

ท้ายที่สุดหล่อนยังเด็ก เป็นธรรมดาที่สภาพจิตใจไม่เข้มแข็งพอจะรักษาสมาธิไว้ได้นาน ไม่แปลกที่จะตื่นตกใจหลังจากสะอึกไปสองครั้ง

ช่วงครึ่งหลัง พลังงานของเสิ่นอวี้อิ๋งไม่ค่อยเข้มข้นเท่าตอนแรก และหล่อนก็พูดติดอ่างเล็กน้อย

สิ่งนี้ทำให้ตระกูลเสิ่นในกลุ่มผู้ฟังต่างเกิดความวิตกกังวล

เดิมทีผู้เฒ่าเสิ่นต้องการแสดงให้คนอื่นเห็นว่านี่คือหลานสาวคนเก่งของเขา แต่เมื่อหล่อนทำผิดพลาดบนเวที เขาก็รู้สึกอับอายอยู่บ้าง

หลินเซี่ยไม่แยแสกับการแสดงของหล่อนเลย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ยินดีกับการที่อีกฝ่ายผิดพลาดทางเทคนิค

นักแสดงแต่ละคนต่างมีความตื่นตระหนกเป็นของตัวเอง

สิ่งที่เธอทำคือการเคารพตนเอง และเคารพคนอื่นเมื่อตัวเองกลายเป็นผู้ชม

เธอไม่สนใจที่จะมองเสิ่นอวี้อิ๋งอีกต่อไป แต่กลับหันไปแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันกับเฉินเจียเหอและหู่จื่อ ให้พวกเขาลองคาดเดาว่ารายการแสดงของพวกเขาจะชนะได้รางวัลหรือไม่

เสิ่นอวี้อิ๋งจบการแสดงลงอย่างไม่เป็นที่น่าพอใจ และรีบเดินลงจากเวทีทันที

………………………………………………………………………………………………………………………….

แกล้งทำตัวเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ 扮猪吃老虎 หมายถึง แสร้งทำเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยา

สารจากผู้แปล

ยัยอวี้อิ๋งจะโดนผู้เฒ่าเสิ่นดุไหมนะ ดูเหมือนตาแก่นี่จะคลั่งความสมบูรณ์แบบไม่น้อย ผู้แปลว่าทุกเรื่องความขัดแย้งในตระกูลมีต้นตอมาจากตาแก่นี่แหละ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท