ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 138 หรือเขาชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างฉันกันล่ะ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 138 หรือเขาชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างฉันกันล่ะ?

ตอนที่ 138 หรือเขาชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างฉันกันล่ะ?

เมื่อโจวอี้บอกว่าเขาต้องกลับก่อนเพราะมีเรื่องต้องทำ เจียงอวี่เฟยก็เริ่มอยู่ไม่สุข หันไปมองเพื่อชักชวนให้เขาอยู่ต่อ

“โจวอี้ งั้นอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนแยกย้ายกันกลับสิ”

“ไม่ได้จริง ๆ ฉันมีเรื่องต้องทำ” โจวอี้ลุกขึ้นยืนแล้วตั้งท่าเหมือนจะออกไป

เจียงอวี่เฟยลุกยืนขึ้นทันที มองเขาด้วยแววตาเป็นประกายแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งนี้นายต้องมานะ”

“ไว้ค่อยให้คำตอบแล้วกัน” โจวอี้ยังคงไม่ได้ให้คำตอบที่แน่นอน

“โจวอี้ นายต้องมานะ อย่างน้อยนายกับอวี่เฟยช่วยอยู่เป็นนายแบบนางแบบเพื่อให้ฉันโปรโมตร้านก็ได้ เราสองคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน อย่าทำตัวห่างเหินเย็นชาขนาดนั้นเลย ช่วยฉันหน่อยนะ”

หลังจากที่หลินเซี่ยพูดอย่างนั้น โจวอี้ก็หยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “ได้”

โจวอี้พยักหน้าเบา ๆ ให้พวกเธอแล้วเดินจากไป

เจียงอวี่เฟยก้าวไปข้างหน้าสองก้าว หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู ไม่กลับเข้าไปในร้านจนกว่าเขาจะเดินลับสายตาไป

ทันทีที่โจวอี้จากไป หลินเซี่ยก็กอดอกพลางมองดูหล่อนแล้วถามว่า “เธอไปนัดเขาออกจากบ้านได้ยังไง ฉันจำได้ว่าเขาไม่ได้ทิ้งหมายเลขโทรศัพท์บ้านไว้ให้เธอนี่นา”

เจียงอวี่เฟยสบตากับหลินเซี่ย ก่อนจะกลอกตาไปมา “ไม่คิดว่าเขาเป็นฝ่ายโทรมาชวนฉันออกไปนอกบ้านบ้างหรือไง?”

หลินเซี่ยเหลือบมองออกไปนอกประตูแวบหนึ่ง สีหน้าบ่งบอกชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของหล่อน

ดูจากท่าทางห่างเหินของโจวอี้ เขาดูเหมือนคนชอบชวนสาวออกไปข้างนอกงั้นเหรอ?

เจียงอวี่เฟยอธิบาย “ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ เขาโทรมาบอกว่าอยากตัดผม และขอให้ฉันพาเขามาหาเธอที่ร้าน”

หลังจากที่เจียงอวี่เฟยพูดจบ หล่อนก็มองหลินเซี่ยด้วยดวงตาหรี่เล็ก มองเธออย่างคาดคั้นและถามด้วยน้ำเสียงน่าสงสัย

“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเขากระตือรือร้นที่จะเจอเธอมากกว่าฉันกันนะ?”

หล่อนโน้มน้าวแทบตายเขากลับเอาแต่ปฏิเสธ แต่ทันทีที่หลินเซี่ยเปิดปาก โจวอี้ก็ยอมรับปากทันทีว่าพรุ่งนี้จะมา

หลินเซี่ยเหลือบมองหญิงสาวที่อิจฉาตัวเอง พูดเยาะเย้ย “หรือว่าเขามีรสนิยมพิเศษชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแบบฉันกันล่ะ?”

การกระทำสองมาตรฐานของเขา ทำให้พวกเธออดสงสัยไม่ได้จริง ๆ

เจียงอวี่เฟยพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “หลงตัวเองจริง ๆ ลูกเลี้ยงของเธอโตจนเข้าโรงเรียนได้แล้ว ผู้ชายที่ไหนจะมาชอบเธอกันล่ะถ้าไม่ใช่เฉินเจียเหอสามีของเธอคนนั้น?”

“มาเถอะ ตามฉันไปรับหู่จือที่โรงเรียนด้วยกัน แล้วฉันจะพาเธอไปที่บ้านเช่าของแม่ทีหลัง”

หลินเซี่ยหันไปล็อกประตู จากนั้นก็จูงมือเจียงอวี่เฟยไปที่โรงเรียนอนุบาล

เจียงอวี่เฟยถาม “คุณป้าอยู่ที่นี่แล้วเหรอ?”

“เพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้เอง”

หลินเซี่ยพาเจียงอวี่เฟยไปหยุดรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล รอจนกว่าหู่จือจะเลิกเรียน เมื่อระฆังโรงเรียนดังขึ้นตอนห้าโมงตรง ประตูโรงเรียนก็เปิดออก หู่จือกระโดดโลดเต้นเดินออกมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง

เมื่อเห็นหลินเซี่ยยืนอยู่ท่ามกลางผู้ปกครองหลายคนที่มารอรับลูกหลาน หู่จือก็ตะโกนเสียงดังว่า “แม่ แม่มารับผมกลับบ้านใช่ไหม?”

มุมปากของหลินเซี่ยกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงใสของหู่จือที่ดูเหมือนจะเตรียมประโยคนั้นมาอย่างดี

ทันทีที่เธอมองดูเด็ก ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหู่จือ รวมถึงพ่อแม่ที่ยืนรายล้อมอยู่รอบตัว เธอก็มั่นใจแล้วว่าหู่จือตั้งใจเรียกเธอว่า ‘แม่’ เพราะอยากให้ทุกคนได้ยิน

“อืม แม่มารับลูกแล้ว”

เจียงอวี่เฟยมองดูหลินเซี่ยที่ตอบรับคำเรียกขานของเด็กชายอย่างอ่อนหวาน ก่อนที่เธอจะหยิบกระเป๋านักเรียนของหู่จือไปถือไว้เองแล้วจับจูงมือเขา มุมปากหล่อนพลันกระตุกเล็กน้อย

แม่เลี้ยงอย่างเธอทำกิจวัตรเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก

ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะอายุได้ยี่สิบปีเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นแม่ของเด็กชายอายุห้าขวบเสียแล้ว

เฮ้อ ชีวิตคนเรามักจะพัฒนาไปในทิศทางที่เราไม่คาดคิดเสมอ

หลินเซี่ยกำลังจะแนะนำเจียงอวี่เฟยให้หู่จือรู้จัก แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร อีกฝ่ายก็ชิงพูดก่อน

หู่จือมองไปที่เจียงอวี่เฟยซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “พี่สาวคนสวยคนนี้เป็นเพื่อนของแม่เหรอครับ?”

หลินเซี่ยพาเขาเดินไปข้างหน้าและอธิบายอย่างใจเย็น “หล่อนเป็นเพื่อนสาวของแม่ก็จริง แต่ลูกต้องเรียกหล่อนว่าคุณน้า”

หู่จือจดจำอย่างเชื่อฟัง มองไปทางเจียงอวี่เฟยและทักทายหล่อนอย่างไพเราะว่า “สวัสดีฮะคุณน้า”

ใบหน้าของเจียงอวี่เฟยเหมือนแตกร้าวเป็นเสี่ยง

หล่อนเป็นแค่นักศึกษาน้องใหม่ของสถาบัน ไม่เคยมีใครเรียกว่าคุณน้ามาก่อน

พอฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด

แต่ถ้าจะขอให้หู่จือเรียกตัวเองว่าพี่สาว เดี๋ยวการนับลำดับญาติก็จะวุ่นวายไปกันหมด

เจียงอวี่เฟยยิ้มรับแล้วตอบกลับ “สวัสดีจ้ะ”

หลินเซี่ยเห็นเสี่ยวฮวาเดินออกมาจากโรงเรียนอย่างไร้จุดหมาย ทั้งยังเอาแต่ก้มหน้างุด จึงเดินเข้าไปแล้วถามไถ่ “เสี่ยวฮวา เดี๋ยวแม่ของหนูจะมารับใช่ไหม?”

เสี่ยวฮวาส่ายหน้า “หนูไม่รู้ค่ะ แม่ไม่ได้บอก”

“งั้นไปด้วยกันเถอะ ฉันจะพาหนูไปส่งที่หน้าประตูตึกพักอาศัย”

ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินพ้นจากประตูโรงเรียน หวังซิ่วฟางก็มาถึงอย่างรวดเร็ว

หล่อนไม่ทันกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดทำงานด้วยซ้ำ เมื่อเห็นหลินเซี่ยจูงมือเสี่ยวฮวาอยู่ ก็อ้าปากหายใจหอบและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไอ้หยา เสี่ยวหลิน ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะมารับลูกที่โรงเรียน คงไม่รีบร้อนมาขนาดนี้”

“นี่เพื่อนฉันเองค่ะ ชื่ออวี่เฟย” หลินเซี่ยแนะนำเจียงอวี่เฟยให้หล่อนรู้จัก

“เพื่อนเธอคนนี้สวยจริง ๆ” หวังซิ่วฟางมองดูหลินเซี่ยและเพื่อนสาวของเธอ จากนั้นก็ก้มลงมองตัวเองอีกครั้ง แล้วถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน “ฉันเหนื่อยมากจริง ๆ อยากจะแยกร่างออกเป็นสองให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนี้ฉันยังไม่เลิกงานเลย ขอพักช่วงออกมารับลูกก่อน เดี๋ยวยังต้องกลับไปทำงานต่อ”

หลินเซี่ยจึงพูดกับหล่อนว่า “จากนี้ไปเราสองคนผลัดกันทำหน้าที่รับส่งลูก ๆ กันดีกว่า ถ้าใครพอมีเวลาก็ไปแทนกันได้”

“ดีเลย เผื่อจะบรรเทาภาระฉันไปได้บ้าง”

หวังซิ่วฟางจูงมือเสี่ยวฮวาและเดินเคียงข้างพวกเขาพลางพูดว่า “ฉันเคยบอกกับเฉินเจียเหอก่อนหน้านี้แล้วว่าเราจะผลัดกันมารับไปส่งพวกเขา แต่เขากลับเพิกเฉยต่อฉันลูกเดียว”

หล่อนอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเฉินเจียเหอ เมื่อรู้ตัวอีกครั้งก็นึกอยากสาปแช่งตัวเองในใจดัง ๆ

จากนั้นก็หันมองไปที่หลินเซี่ย อธิบายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอึดอัดใจ

“เสี่ยวหลิน เธออย่าเคืองอะไรฉันเลยนะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีอะไรเกินเลยกับเฉินเจียเหอจริง ๆ เขาไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบฉันเลย แทบไม่สนใจในสิ่งที่ฉันพูดด้วยซ้ำ ตอนนี้พอเห็นเธอแล้ว ฉันถึงตระหนักว่าเธอคือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา ไม่ต้องกังวล ฉันยอมแพ้เรื่องเขามาได้สักพักแล้ว พี่สาวจางบอกว่าเธอจะลองเป็นแม่สื่อแนะนำผู้ชายคนอื่นให้ ไม่นานฉันคงเจอคนใหม่แล้วล่ะ”

ริมฝีปากของหลินเซี่ยกระตุกเมื่อได้ยินหวังซิ่วฟางพูดเรื่องหาสามีใหม่อย่างไม่สะทกสะท้าน

พี่สาวคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมาจริง ๆ

หลินเซี่ยพยักหน้า “ค่ะ”

เมื่อพวกเธอเดินไปถึงทางแยก ก็พูดกับหวังซิ่วฟางว่า

“พี่สาวหวัง พาเสี่ยวฮวากลับบ้านไปก่อนนะคะ เรายังไม่กลับไปที่อาคาร ฉันว่าจะพาหู่จือไปเจอแม่และคนอื่น ๆ หน่อย

หลังจากที่หวังซิ่วฟางจากไปพร้อมกับเด็ก เจียงอวี่เฟยก็มองตามแผ่นหลังของหวังซิ่วฟางและถามหลินเซี่ยด้วยสีหน้าซุกซน

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน? เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหรอ?”

“ใช่ หล่อนเป็นม่าย”

“ก่อนหน้านี้หล่อนเคยสนใจเฉินเจียเหอด้วยเหรอ?” เจียงอวี่เฟยถามอีกครั้ง

เมื่ออยู่ต่อหน้าหู่จือ หลินเซี่ยพยายามอธิบายให้รวบรัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็เคยเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว พี่สาวหวังเลยคิดว่าตัวเองเหมาะสมที่จะแต่งงานใหม่กับเฉินเจียเหอ แต่เขาไม่เล่นด้วย หล่อนเลยตัดใจ”

“อ๋อ…” เจียงอวี่เฟยยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ยอมเดินจากไปไหน ทั้งยังลูบคางนิ่ง ๆ พร้อมกับทำหน้าตาครุ่นคิด

“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” หลินเซี่ยโบกมือไปมาตรงหน้าหล่อน

“ดูเหมือนว่าหล่อนกำลังหาสามีใหม่สินะ?” เจียงอวี่เฟยถาม

เมื่อครู่นี้ตอนพี่สาวคนนี้พูดคำว่า ‘แม่สื่อ’ ออกมา ดวงตาของหล่อนก็สว่างวาบขึ้นทันที

น้ำเสียงของหลินเซี่ยเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ “การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางทีหล่อนอาจจะอยากหาคู่ชีวิตเพื่อแบ่งเบาภาระอันยากลำบากก็ได้”

“งั้น… เธอช่วยแนะนำหล่อนให้พ่อฉันรู้จักหน่อยสิ?” เจียงอวี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

หลินเซี่ย “???”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

มีความเป็นไปได้นะที่โจวอี้จะแอบชอบเซี่ยเซี่ยมานานแล้ว

อวี่เฟยจะหาแม่เลี้ยงให้ตัวเองเหรอคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท