คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 129 พี่หญิงใหญ่ชำนาญในการหลบหลีก

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 129 พี่หญิงใหญ่ชำนาญในการหลบหลีก

Ink Stone_Romance

“ฮัดชิ่ว ฮัดชิ่ว”

ฉินหลิวซีจามสองครั้ง ถูจมูกพลางเอ่ยว่า “ใครกำลังแอบคิดถึงข้ากันนะ”

“ไม่ใช่ว่ามีใครคิดถึงท่านหรอก” ฉีหวงถือเสื้อคลุมเดินไปสวมให้นาง เอ่ยเตือนว่า “หลังจากเทศกาลโคมไฟแล้วอากาศจะเย็นลง หากท่านสวมเสื้อผ้าบางเพราะชอบอากาศหนาวจะเป็นหวัดได้นะเจ้าคะ”

“ไม่สิ ต้องมีคนเอ่ยถึงข้าแน่ๆ ” ฉินหลิวซีเดินเข้าไปในห้อง หยิบเหรียญทองแดงสองสามเหรียญจากกระถางสามขาเล็กๆ บนชั้นวาง แล้วนั่งลงคำนวณบนโต๊ะ

ฉีหวงส่ายหน้า ยืนมองอยู่ข้างๆ

นิ้วของฉินหลิวซีจิ้มบนข้อนิ้วเพื่อนับคำนวณ ไม่นานใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย

“คุณหนู ทำนายออกมาไม่ดีหรือเจ้าคะ” เมื่อเห็นสีหน้านางไม่ดีฉีหวงจึงรีบถาม

ฉินหลิวซีปัดเหรียญทองแดงออกด้วยมือทั้งสองข้างแล้วหมอบลงบนโต๊ะ เอ่ยว่า “ไม่ดี ไม่ดีเอามากๆ !”

เมื่อฉีหวงได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเคร่งขรึมทันที เอ่ย “เป็นเรื่องร้ายแรงหรือเจ้าคะ”

“อ่า เรื่องร้ายแรงหรือ ก็ไม่ขนาดนั้น” ฉินหลิวซีส่ายหน้า เอ่ยว่า “ก็แค่จะมีคนมาขอรับการรักษา ซึ่งหมายความว่าคุณหนูของเจ้าต้องทำงานหนักอีกแล้ว แค่คิดก็เหนื่อย”

ฉีหวง “…”

ทันใดนั้นก็มีลมพัดไอดำเข้ามาจากข้างนอก

ฉินหลิวซียืนขึ้นแล้วเดินออกไป ปรากฏว่าเห็นผีชายหญิงสองคนยืนอยู่ข้างนอก ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยความกังวล

“นายท่าน” ผีทั้งสองเห็นนางราวกับเป็นเสาหลักของพวกเขา แต่ก็ไม่กล้าจะบุกเข้าไปในเรือนของนาง

“มีเรื่องอะไรจึงได้กังวลเช่นนี้”

ผีชายหญิงทั้งสองตนเอ่ยว่า “พวกเราทำตามที่นายท่านกำชับ ไปตามหาวิญญาณเร่ร่อนตนอื่นในเมืองหลี ปรากฏว่ามีผีกว่ายี่สิบห้าตนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยมีห้าตนที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเราขอรับ/เจ้าค่ะ”

ผีก็มีอาณาเขตเป็นของตนเอง ผีสองตนนี้มีพลังมากที่สุดในบริเวณนี้ โดยปกติแล้วจะมีผีเล็กๆ รวมตัวกันอยู่มากมาย แต่ตอนนี้พวกเขากลับหายไป

“นายท่าน พวกเราไม่พบร่องรอยของพวกเขาเลย เคยถามวิญญาณเร่ร่อนตนอื่นๆ แต่พวกเขาทั้งหมดบอกว่าไม่เคยเห็นผีร้ายมาก่อกวนแถวนี้ พวกเขาหายไปอย่างเงียบๆ ขอรับ” ผีผู้ชายเอ่ยพลางขมวดคิ้ว

“ใช่เจ้าค่ะ แต่พวกเราได้ข้อมูลจากผีน้อยอีกหนึ่งตนมาด้วย ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์กับนายท่านหรือไม่” ผีผู้หญิงก็เอ่ยด้วยเช่นกัน

“เขาอยู่ไหน”

ผีทั้งสองปรบมือไปทางกำแพง ทันใดนั้นผีร่างผอมบางลิ้นห้อยลงไปถึงเข่าก็ลอยมาจากบนผนัง หน้าแดงราวกับเมาเหล้า

เขาคือผีแขวนคอ

เมื่อเขาลอยมา ลิ้นยาวก็แกว่งไปมา ทนมองแทบไม่ได้

“เจ้าเก็บลิ้นสักหน่อยไม่ได้หรือ” ฉินหลิวซีหันหน้าหนีพลางเอ่ยอย่างรังเกียจ “อย่างน้อยก็ผูกเป็นปมไว้ดีกว่า ดูแลภาพลักษณ์บ้าง แกว่งไปแกว่งมา ช่างน่าเกลียด”

ผีแขวนคอ “…”

อะไรนะ ผูกลิ้นเก็บหรือ

“นาย นายท่าน…” ผีแขวนคอเลอออกมา พลังวิญญาณที่เรือนแห่งนี้รุนแรงมาก เขาดูดซับจนเริ่มมึนงง

ก็ได้ ไม่ต้องผูกลิ้นเก็บ แค่พูดลิ้นก็พันกันแล้ว

ฉินหลิวซีอดไม่ได้ ขยับนิ้วเล็กน้อย เจ้าหมอนี่ ลิ้นยาวของอีกฝ่ายถูกนางรวบขึ้นมาแล้วผูกอย่างรวดเร็ว เพียงอึดใจเดียวลิ้นยาวนั้นก็กลายเป็นปมรูปโบว์

ฉินหลินซีพอใจเป็นอย่างมาก “ดูดีกว่าเดิมเยอะเลย”

ผีแขวนคอแทบจะร้องไห้แล้ว ช่วยด้วย!

ผีชายหญิงมองไปที่ปมแล้วมองไปที่ฉินหลิวซี พวกเขาถอยหลังสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว นายท่านช่างน่ากลัวจริงๆ

ผีผู้ชายตบไหล่ผีแขวนคอ “บอกให้เจ้าเก็บเจ้าก็ไม่ยอมเก็บ ต้องรบกวนให้นายท่านผูกปมให้เจ้า ยังไม่รีบขอบคุณนายท่านอีก เร็วเข้าสิ”

“อ้อ” ผีแขวนคอท่าทางกังวล สูดหายใจพยายามเก็บลิ้นยาวกลับเข้าไป แต่เมื่อดึงขึ้นมาถึงปากกลับติดปม

เขายิ่งกังวลกว่าเดิม ลิ้นยาวๆ ของเขาที่เป็นที่รู้จักในโลกของผีแขวนคอ ไม่สามารถเก็บเข้าได้ตามอำเภอใจแล้ว

“เจ้าบอกนายท่านไปสิว่ารู้อะไรบ้าง” ผีผู้หญิงแทบไม่อยากหันไปมอง

ผีแขวนคอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “อ่อนอ้าอี๊…”

“นายท่าน เขาพูดไม่ชัดเลย ท่านว่าหรือไม่” ผีผู้ชายเป็นคนใจร้อน เมื่อเห็นว่าผีแขวนคอไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนก็หันไปมองฉินหลิวซี

ท่านได้โปรดแก้ปมเถิด!

ฉินหลิวซีได้รับสายตาอ้อนวอนจากผีทั้งสามตน เช่นนี้ก็ดูดีไม่ใช่หรือ แต่เรื่องนี้สำคัญจึงยอมใช่คาถาแก้ปมให้

ทันทีที่ปมถูกแก้ ผีแขวนคอก็รีบเก็บลิ้นกลับเข้าไปทันที เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าน้อยได้ครองพื้นที่หลุมฝังศพใกล้ๆ กับยอดเขา มีอยู่คืนหนึ่งได้ยินเสียงขลุ่ยแปลกๆ ทำให้ข้ารู้สึกมึนงงเดินตามทิศทางของเสียงขลุ่ยไปพร้อมกับผีตนอื่นๆ ที่หลุทฝังศพ”

“ทางไหน” ฉินหลิวซีถามทันที

“ไปทางอำเภอทงเมืองชิงโจวขอรับ”

“แล้วทำไมเจ้าถึงหยุดล่ะ”

ผีแขวนคอรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย เอ่ยว่า “ข้าน้อยเดินผ่านบ้านไร่แห่งหนึ่ง บังเอิญเห็นหมูสองตัวของบ้านหลังนั้นกำลังปล้ำกัน จึงยืนดูพวกมันอยู่พักหนึ่ง”

ฉินหลิวซี “?”

ผีผู้หญิงตีหัวเขาไปหนึ่งที ทำเอาลิ้นของผีแขวนคอหลุดออกมาอีกครั้งด้วยความตกใจ “เจ้าเพ้อเจ้ออะไร เป็นเสนียดหูหมด อยากตายหรืออย่างไร!”

ผีแขวนคอรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก “ก็ข้าอยากรู้”

เป็นหมูแล้วทำเช่นนั้นไม่ได้หรือ หมูก็ต้องสืบพันธุ์เช่นกันนะ

ฉินหลิวซีถามต่อว่า “หลังจากนั้นล่ะ”

ผีแขวนคอเอ่ยว่า “จากนั้นหรือขอรับ เสียงขลุ่ยก็ดังห่างออกไป ข้าก็ฟื้นคืนสติแล้วลอยกลับมาที่หลุมศพ ตอนนั้นข้ายังสับสนว่าไปที่นั่นได้อย่างไร เมื่อพี่ชายมาถามหาจึงได้พบว่ามีผีหายไปจำนวนมาก นายท่าน ต้องเป็นเพราะเสียงขลุ่ยนั้นมีอะไรบางอย่างไม่ดีแน่ๆ เกรงว่าจะเป็นพวกนักพรตเต๋า…เอ่อ ข้าน้อยไม่ได้ว่านายท่าน ข้าหมายถึงพวกนักพรตเต๋าสายดำเหล่านั้น”

“มีอะไรอีกหรือไม่”

ผีแขวนคอส่ายหน้า

“ไปเถิด” ฉินหลิวซีถามชื่อของเขาแล้วให้ฉีหวงเผาเงินกับเทียนไปให้ ผีแขวนคอดีใจโค้งคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ทันทีที่ผีแขวนคอกลับไป ผีผู้ชายก็เอ่ยว่า “นายท่าน เสียงขลุ่ยนั้นแปลกๆ ที่ผีแขวนคอคิดก็มีเหตุผล เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีนักพรตสายดำคอยจับวิญญาณและทำสิ่งชั่วร้ายบางอย่าง ”

“ใช่เจ้าค่ะ นายท่าน ข้าได้ยินมาว่ามีเด็กสาวในเมืองนี้จู่ๆ ก็เป็นลมสลบไป บางคนก็ดูเหมือนจิตหลุดเป็นบ้าไปแล้ว นายท่านขอให้ท่านมอบความเป็นธรรมด้วย” ผีผู้หญิงยังระบุอีกด้วยว่าบุตรสาวบ้านไหนเกิดเรื่องบ้าง

ฉินหลิวซีโบกมือ “ข้าอายุยังน้อย สุขภาพก็ไม่ดี วิชาไม่เก่งกาจพอ หากมีนักพรตสายดำจริงๆ จะหวังพึ่งข้าได้อย่างไร ต้องให้ศิษย์พี่เป็นคนจัดการ”

“เช่นนั้นพวกเจ้าไปอารามชิงหลานในเมืองชิงโจวเพื่อขอพบเจ้าอาวาส แจ้งข่าวนี้ให้เขาทราบ เขาจะส่งศิษย์พี่หรือไม่ก็ไปปราบนักพรตสายดำด้วยตัวเองแน่นอน และหากพวกเจ้าได้พบอาจารย์ข้าก็แจ้งให้เขาทราบด้วย”

ผีชายหญิงทั้งสองตน “?”

นี่หมายความว่าต้องการผลักเรื่องให้พ้นตัวใช่หรือไม่

“นายท่านให้พวกเราไปหรือ” ผีชายหญิงสองตนเป็นกังวลมาก พวกเขาคงไม่ถูกจับไปขัดเกลาหรือถูกส่งไปเกิดหรอกกระมัง

อารามชิงหลานมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในด้านความเที่ยงตรง

“ระยะทางไกลเป็นพันลี้ หรือว่าข้าต้องเดินไปด้วยสองขาของข้าเอง แล้วข้าก็ไม่ใช่คนของอารามนั้น อีกอย่างพวกเจ้าลอยไปลอยมาก็ไม่เหนื่อย รีบไปสิ เลี้ยงผีมาเป็นพันวัน ใช่เพียงแค่หนึ่งชั่วยาม ได้เวลาที่พวกเจ้าต้องทำงานแล้ว! หากไม่ไป ดูเหมือนว่ากำแพงนี้ต้องเปลี่ยนผีเฝ้ากำแพงแล้ว!”

อะไรนะ เปลี่ยนผีหรือ

ได้อย่างไรกัน

ผีชายหญิงสองตนรีบเอ่ยทันที “นายท่าน ไม่จำเป็นต้องรบกวนผีตนอื่น พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”

ฉินหลิวซีพอใจเป็นอย่างมาก แยังวาดยันต์อีกหนึ่งแผ่นบนตัวพวกเขา เอ่ยว่า “เมื่อมียันต์นี้ แม้ว่านักพรตสายดำต้องการสะกดพวกเจ้า เขาจะมีอันเป็นไป”

ผีทั้งสองรู้สึกโล่งใจ หลังจากที่ยกมือขึ้นประสานก็หายไปในทันที

จากนั้นฉินหลิวซีก็กลับเข้าห้อง ฉีหวงถาม “คุณหนู ท่านจะไม่สนใจจริงๆ หรือเจ้าคะ”

“ต้องสนใจอะไรอีก ข้าเป็นเพียงแค่นักพรตหญิง ร่างกายก็อ่อนแอ ไม่ไปแข่งขันเรื่องเหล่านี้กับศิษย์พี่หรอก เตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะออกไปเดินเล่นกัน”

ฉีหวงไม่ได้ว่าอะไร บางทีทักษะการหลบเลี่ยงคงเป็นทักษะเฉพาะตัวของอีกฝ่าย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท