ตอนที่ 151 ความเก่งกาจของอาจารย์ปู้ฉิว
Ink Stone_Romance
การรักษาวันแรกผ่านไปด้วยดีหลังจากที่อวี้ฉังคงล้างหน้าและทานยาแล้ว ซื่อฟางกับลุงเฉียนก็แทบรอไม่ไหวที่จะถามเขาว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง
อวี้ฉังคงเงียบไปครู่หนึ่ง “บอกไม่ถูก”
“หา?”
“รู้สึกดวงตาอุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีน้ำตาอะไร” อวี้ฉังคงยกมือขึ้นมากดที่เปลือกตาเบาๆ เอ่ยว่า “มันไม่ปวดและบวมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
ลุงเฉียนดีใจ “แสดงว่าได้ผลนะขอรับ”
หลังจากที่ฉินหลิวซีล้างมือเสร็จ เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงเอ่ยว่า “แม้ว่าข้าจะเป็นหมอ แต่ก็ไม่ได้มีมือวิเศษ ใช่ว่าฝังเข็มรอบเดียวแล้วจะทำให้เขาหายดีได้ อย่างไรเสียก็ตาบอดมาเป็นเวลาสิบปี หากอยากจะกลับมาปกติเหมือนเดิม ย่อมต้องใช้เวลา”
ลุงเฉียนยกมือขึ้นคำนับแล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “เป็นบ่าวที่ใจร้อน ไม่ได้มีเจตนาจะตั้งคำถามกับท่านอาจารย์ขอรับ”
ฉินหลิวซีมองไปที่ผ้ามันในมือของซื่อฟาง เอ่ย “ผ้ามันเหล่านี้สามารถนำไปแช่ยา ตากให้แห้งแล้วค่อยใช้พันตา ยาที่ติดอยู่บนผ้าจะช่วยทำให้ดวงตาสบายขึ้น”
ซื่อฟางรีบรับปากทันที เอ่ยว่า “คุณชาย ใช้ผ้าเส้นนี้พันตาก่อนเถิดขอรับ”
เขาก้าวเข้าไปช่วยพันตาให้อวี้ฉังคง ผูกปมไว้ด้านหลังแล้วปล่อยให้ผ้าที่เหลือห้อยลงมา
ฉินหลิวซีมองไปที่ใบหน้างดงามของอวี้ฉังคง ผ้าสีดำที่พันอยู่รอบดวงตาของเขาทำให้เขาดูมีความสง่างามขึ้นมาไม่น้อย
“คุณชายฉังคงช่างดูดีจริงๆ ”
ฉินหลิวซีเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม
อวี้ฉังคง “!”
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มอยากรู้ขึ้นมาเล็กน้อยว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไรเมื่อพูดเช่นนี้
ซื่อฟางถามอีกว่า “อาจารย์ คืนนี้คุณชายของพวกเราจะยังสามารถนอนหลับดีๆ ได้หรือไม่ขอรับ”
นิ้วของอวี้ฉังคงขยับเล็กน้อย ‘มอง’ ไปทางฉินหลิวซี
“ตอนที่ข้าฝังเข็มเมื่อครู่ได้ฝังเข็มในจุดที่ช่วยควบคุมอาการนอนไม่หลับของเขา ตอนกลางคืนเมื่อทานยาเสร็จแล้วก็สามารถหลับได้ หากนอนไม่หลับจริงๆ เจ้าก็ท่องพระสูตรหัวใจบริสุทธิ์ของปรมาจารย์เต๋าให้เขาฟัง” ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยิบกล่องธูปสงบจิตในกล่องยาขึ้นมา “ธูปนี้ข้าเป็นคนทำเอง หากนอนไม่หลับก็จุดสักหนึ่งดอก แต่ข้ารู้สึกว่าคงไม่ดีนักที่จะพึ่งแต่ยานอนหลับ คุณชายฉังคงไม่อยากหลับหรือกลัวการนอนหลับ ในใจท่านย่อมรู้ดี หากไม่สามารถเอาชนะปีศาจในใจได้ ไม่ว่าจะกินยาไปมากแค่ไหน มันก็ไร้ผล”
อวี้ฉังคงเม้มริมฝีปาก ยกมือขึ้นคำนับอีกฝ่าย “ฉังคงเข้าใจแล้ว”
“เช่นนั้นข้าจะกลับมาอีกพรุ่งนี้”
อวี้ฉังคงลุกขึ้นยืน
ลุงเฉียนเอ่ย “ไม่สู้อาจารย์อยู่กินอาหารกลางวันที่จวนเราก่อนแล้วค่อยไปดีหรือไม่ขอรับ”
ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ยปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ข้ายังมีที่ต้องไป”
“ลุงเฉียน ไปส่งอาจารย์” อวี้ฉังคงกำชับ
“ขอรับ”
…
ตำหนักอายุวัฒนะ
ทันทีที่ฉินหลิวซีปรากฏตัวที่หน้าประตู ผู้ดูแลที่กำลังดีดลูกคิดคำนวณอยู่ที่โต๊ะยาวก็เงยหน้าขึ้นมอง รีบโยนลูกคิดทิ้งแล้วเดินออกมา
“ไอ้หยา เหตุใดท่านจึงมาด้วยตัวเองล่ะขอรับ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้ามีคนไข้ อยากได้วัตถุดิบไปทำยาน้ำ”
ทันใดนั้นดวงตาของผู้ดูแลก็เป็นประกาย “ดูท่านสิ หากต้องการวัตถุดิบอะไรก็แค่ส่งคนมาบอกก็ได้ ข้าจะให้คนนำไปจัดส่งถึงที่บ้าน ท่านไม่เห็นต้องมาด้วยตัวเองเลย จริงสิ ท่านต้องการทำยาน้ำอะไรหรือ ใช้กับคนทั่วไปได้หรือไม่ขอรับ”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาอย่างรู้ทันว่าเขาคิดจะหาผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ จึงเอ่ย “เฟิงเฮยซังหาคนฉลาดเช่นเจ้าได้อย่างไร คำนวณลูกคิดมากไป แม้แต่สมองก็กลายเป็นลูกคิดแล้วหรือ”
ผู้ดูแลไหลหัวเราะ “ไม่ใช่เช่นนั้นขอรับ ที่ถามก็เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับชาวบ้านเท่านั้น ตำหนักอายุวัฒนะของเราไม่มียาใหม่มานานแล้ว หากท่านศึกษาพัฒนาได้จริง และเหมาะสำหรับคนไข้ ก็ไม่สู้ทำเยอะๆ สักหน่อย เพื่อประโยชน์ต่อชาวบ้าน นับว่าเป็นบุญกุศลไม่ใช่หรือขอรับ”
“หึๆ ผู้ดูแลไหลช่างใส่ใจชาวบ้านเสียจริง ไม่สู้มาเป็นนักพรตอารามชิงผิงของข้าดีหรือไม่”
“อย่าเลยๆ ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา ฝึกบำเพ็ญไม่ไหวหรอก เป็นฆราวาสก็นับว่าพอแล้วขอรับ” ผู้ดูแลไหลถูมือพลางเอ่ยว่า “จริงสิ เสบียงอาหารและเสื้อผ้ากันหนาวที่จัดเตรียมสำหรับฤดูหนาวของอารามเต๋าปีนี้กำลังเดินทางมาแล้ว คาดว่าคงจะมาถึงอย่างช้าที่สุดไม่เกินปลายเดือนเก้าขอรับ”
ฉินหลิวซีสีหน้าผ่อนคลาย เอ่ย “ใช้จ่ายไปเท่าไหร่ นำบัญชีให้ชิงหย่วน ให้เขาเป็นคนชำระ”
“ปีนี้ไม่ต้องหรอกขอรับ นายท่านบอกว่าปีนี้ท่านอายุครบสิบห้าปี สำหรับสิ่งของเหล่านั้นก็ให้ถือเสียว่าเป็นการสั่งสมบุญในนามของเขาขอรับ” ผู้ดูแลไหลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เขามองสำรวจฉินหลิวซี ใครจะไปคิดว่าคนตรงหน้าเมื่อสวมชุดบุรุษนั้นยากที่จะแยกออกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง แท้จริงแล้วเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กๆ
เขายังจำเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนได้ที่ฉินหลิวซียืนอยู่ต่อหน้านายท่านของเขาเพื่อหารือเรื่องความร่วมมือ ตอนนั้นนางอายุเพียงสิบปี แต่กลับควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดจนทำให้นายท่านเชื่อถือนาง
ตอนนี้เวลาผ่านไปห้าปีแล้ว ตำหนักอายุวัฒนะได้กลายเป็นร้านขายยาที่ดีที่สุดในต้าเฟิง ซ้ำยังโด่งดังนอกต้าเฟิงอีกด้วย แน่นอนว่าไม่ได้อาศัยแค่วัตถุดิบยามีมากพอ แต่ต้องมียาราคาแพงที่ตระกูลขุนนางจำนวนมากอยากได้ และต้องมีขายแค่ในตำหนักอายุวัฒนะเท่านั้น
และทั้งหมดนี้ก็เป็นฝีมือของฉินหลิวซี
ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่ายาหายากที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินแต่ต้องพึ่งความมีคุณธรรมและโชคชะตานั้น แท้จริงแล้วทำขึ้นโดยเด็กสาวที่ยังอายุไม่ถึงสิบห้าปี
ความเก่งกาจของนางไม่มีใครเทียบได้
ฉินหลิวซีรู้สึกสงสัย เอ่ยว่า “สั่งสมบุญหรือ ที่เขาให้มากก็เพราะคงต้องการให้ข้าทำงานหนักขึ้นกระมัง”
ผู้ดูแลไหลเพียงแต่ยิ้มไม่ได้เอ่ยอะไร สายตาราวกับว่า ‘ท่านย่อมเข้าใจอยู่แล้ว’
“นำพู่กันกับกระดาษมา ยาที่จดไว้ส่งไปให้ข้าอย่างละห้าสิบชั่ง” เป็นหนี้บุญคุณก็ต้องเกรงใจ
ผู้ดูแลไหลถอนหายใจ หยิบธนบัตรออกมาจากตู้ทันที เอ่ยว่า “ห้าสิบชั่งน้อยไปหรือไม่ หรือจะเพิ่มเป็นสองเท่าดีขอรับ”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา เอ่ย “ผู้ดูแลไหล เจ้าช่างเป็นคนที่โชคดี อย่าได้เรียนรู้นิสัยไม่ดีของเจ้านายเจ้าเด็ดขาด ความโลภไม่มีประโยชน์”
ผู้ดูแลไหลหัวเราะ เป็นเพราะกลัวว่าท่านจะขี้เกียจนานต่างหาก
“คุณชาย ไอ้หยา ข้าได้ยินเสียงของท่านจากด้านในขอรับ” ท่านหมอซ่งเดินออกมาจากห้องโถงด้านในโดยยังคงสวมเสื้อคลุมสีขาว เมื่อเห็นฉินหลิวซีก็รีบเดินเข้ามาหา ในมือยังถือใบสั่งยาสองใบ ขอให้อีกฝ่ายช่วยวิเคราะห์
“สตรีผู้นั้นอายุสามสิบปีแล้ว ประจำเดือนนางไหลไม่หยุด เป็นเช่นนี้มาหลายเดือนแต่พึ่งจะมาตรวจ ข้าไม่สามารถตรวจโรคของสตรีผู้นั้นได้ จึงทำได้เพียงจ่ายยาเท่านั้นขอรับ”
ฉินหลิวซีรับมาดู ถามว่า “เมื่อก่อนเคยมีปัญหาเช่นนี้หรือไม่ หรือว่าเพิ่งเกิดขึ้น”
“เดิมทีนางไม่ยอมบอก แต่ข้าก็อดถามไม่ได้ จึงรู้ว่านางให้กำเนิดบุตรได้ยังไม่ทันครบหนึ่งเดือน สามีของนางก็เอาแต่ขอร่วมเตียงกับนาง…”
“แค่กๆๆ ” ผู้ดูแลไหลที่อยู่ข้างๆ ไอขึ้นมา จ้องมองไปที่ท่านหมอซ่ง ตาเฒ่าผู้นี้ช่วยพูดอ้อมๆ หน่อยไม่ได้หรือ
ท่านหมอซ่ง “?”
ฉินหลิวซีตบโต๊ะ “คนระยำเช่นนี้ ท่านไม่ได้ด่าเขาสักคำเลยหรือ หากไม่ได้ทำเรื่องเช่นนั้นจะตายหรืออย่างไร ไม่เป็นห่วงชีวิตของภรรยาเลยหรือ คนสารเลว! ”
ผู้ดูแลไหล “!”
ช่างเถิด เขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!
ฉินหลิวซีระเบิดโทสะ จากนั้นก็ถามอาการอย่างละเอียด แก้ไขใบสั่งยาเล็กน้อยก่อนจะส่งกลับไป แล้วเขียนแผ่นใหม่อีกแผ่นซึ่งลดส่วนผสมของยาลงหนึ่งอย่าง
หมอซ่งมองดู พยักหน้าพลางเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าจะเหมาะสมกว่าขอรับ”
“ยาที่ท่านสั่งให้ก็เหมาะสมกับอาการเช่นกันแต่เห็นผลช้ากว่า พวกเขาล้วนยากจน ใบสั่งยาสองใบนี้จะเห็นผลเร็วกว่า”
ท่านหมอซ่งรู้สึกละอายใจ โค้งคำนับให้ฉินหลิวซี นี่จึงจะเป็นคุณธรรมของคนเป็นหมอที่แท้จริง
“ท่านหมออยู่ไหน มากับข้าเร็วเข้า!” เสียงร้อนรนดังขึ้นที่ประตูทางเข้าร้าน