คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 154 กะเทาะเมล็ดแตงโมเม็ดใหญ่อย่างเมามัน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 154 กะเทาะเมล็ดแตงโมเม็ดใหญ่อย่างเมามัน

ฉินหลิวซีมองดูประตูใหญ่สีแดงเข้มของตระกูลจ้าวถูกดาบฟันเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ถูกถีบพังลงมา ฝุ่นหนาฟุ้งกระจายจนอดใช้มือปัดไม่ได้ ดวงตานางเป็นประกายขึ้น

มู่ซีผู้นี้แสดงท่าทีราชาจอมมารร้ายได้อย่างเต็มที่จริงๆ เขารื้อถอนประตูจวนขุนนางระดับห้าในคราวเดียวโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิด

มีคนคอยให้ท้ายทำให้ไม่เกรงกลัวสิ่งใดจริงๆ ด้วย

ไม่เสียแรงแทะเปลือกเมล็ดแตง อร่อย!

ฉินหลิวซีคว้าเมล็ดแตงโมมาอีกหนึ่งกำมือ ดูชมอย่างเพลิดเพลิน

รองนายอำเภอจ้าวร้อนรน “หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ ท่านซื่อจื่อ ข้ากับนายหญิงสามตระกูลเหมิงเป็น…อุ้บ”

สะใภ้เจิ้งปิดปากเขา

บังอาจ สตรีผู้นี้กล้ามาปิดปากเขาได้อย่างไร!

รองนายอำเภอจ้าวจ้องสะใภ้เจิ้ง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ

สะใภ้เจิ้งแทบเป็นลม นี่มันใช่เวลามาพูดว่าเป็นดองกับตระกูลไหนหรือ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่กลัวตระกูลจ้าวหรือตระกูลเหมิงทั้งนั้น ภรรยาและอนุเป็นศัตรูโดยกำเนิด ฮองเฮามู่เป็นฮองเฮามาหลายปี มีองค์หญิงเพียงองค์เดียว ไม่มีองค์ชาย หากนางรู้สึกดีกับพระสนมเหมิงกุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานเพราะให้กำเนิดองค์ชายน้อยสิถึงจะแปลก

รักเขาก็ย่อมรักคนของเขาด้วย ตำแหน่งของฮองเฮามู่เป็นที่น่าอึดอัดใจ ตระกูลแม่ที่อยู่เบื้องหลังนางจะปฏิบัติต่อตระกูลเหมิงราวกับเป็นครอบครัวอย่างนั้นหรือ

ถุย แน่นอนว่าแทบจะฉีกเลือดฉีกเนื้อ

ดังนั้นหากเขาพูดถึงนายหญิงสามตระกูลเหมิงต่อหน้าจวนเฉิงเอินโหวที่เป็นฝ่ายตรงข้ามตระกูลเหมิง จะไม่เป็นการเร่งมอบชีวิตให้จอมมารร้ายที่อยู่ตรงหน้านี้หรอกหรือ

แม้ว่าสะใภ้เจิ้งจะมือไว แต่ก็ไม่สามารถรั้งสหายร่วมชะตากรรมผู้โง่เขลาไว้ได้ ปากของเขารวดเร็วและเสียงดัง ทำให้มู่ซีได้ยินเข้าแล้ว

“ตระกูลเหมิงหรือ”

มู่ซีหยุดชะงักไปชั่วคราว โยนลูกบอลทองใส่รองนายอำเภอจ้าว “ตระกูลเหมิงทำไมหรือ เจ้านายคนเดียวได้ดี สุนัขไก่กาก็ได้ดีไปด้วยเพราะแค่อาศัยตำแหน่งพระสนมเหมิงกุ้ยเฟยหรือ ทำไม คิดว่าเพียงแค่พระสนมเหมิงกุ้ยเฟยให้กำเนิดองค์ชายแล้วจะสามารถบังคับให้พี่สาวข้ายกตำแหน่งให้นางได้หรือ”

รองนายอำเภอจ้าวหน้าซีด คุกเข่าลงด้วยความสั่นเทา “ท่านซื่อจื่อเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่กล้ามีความคิดทรยศเช่นนั้น ท่านเข้าใจผิดแล้วขอรับ”

ให้ตายเถอะ หากคำพูดเหล่านี้แพร่กระจายไปยังในวัง เกรงว่าถูกประหารเจ็ดชั่วโคตรก็ยังน้อยไป

มู่ซีหัวเราะเยาะ “แน่นอนว่าเจ้าไม่กล้า ขอแค่เจ้านายของเจ้ากล้าก็พอแล้ว ต่อให้กินเนื้อแล้วโยนกระดูกให้เจ้า เจ้าก็ยังกระดิกหางให้อย่างระริกระรี้”

ดูถูก นี่มันดูถูกกันชัดๆ !

ใบหน้าของรองนายอำเภอจ้าวเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู แม้แต่เอ่ยคำเยินยอก็ยังไม่กล้า

มู่ซีสบถเบาๆ เงยหน้ามองประตูที่พังแล้ว ส่งสัญญาณมือ “ไป ไปลากนังนั่นมาให้ข้า”

จะบุกเข้าไปแล้ว!

สะใภ้เจิ้งคุกเข่าลงบนพื้น เอ่ยว่า “ท่านซื่อจื่อ ตอนนี้น้องหญิงไม่ได้อยู่ที่จวน ท่านโปรดรอสักครู่ ข้าจะส่งคนไปรับนางกลับมาเจ้าค่ะ”

มู่ซียังไม่ทันได้เอ่ยอะไร

ทันใดนั้นมีคนลงมาจากข้างบน ในมือลากสตรีที่สวมเสื้อผ้างดงามและผมเผ้ายุ่งเหยิง เหวี่ยงนางไปตกอยู่ห่างจากเท้ามู่ซีสองก้าว

“ท่านซื่อจื่อ ข้าน้อยพบว่ามีคนพยายามหลบหนีจึงได้จับตัวไว้ขอรับ” องครักษ์เกราะดำเหลือบมองสตรีบนพื้นอย่างเย็นชา “เป็นสะใภ้เจิ้งคนน้องขอรับ”

สะใภ้เจิ้งคนโตย่อมจำการแต่งตัวของคนที่อยู่บนพื้นได้ทันที รูม่านตาของนางเล็กลง ใบหน้าดูหวาดกลัว

แต่หากพูดเรื่องความกลัวนั้น ไม่มีใครเทียบกับสะใภ้เจิ้งคนน้องที่นอนตัวสั่นอยู่บนพื้นได้ นางไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น แทบอยากจะแทรกตัวลงไปในรอยแยกของพื้นดิน

ไม่ใช่เพราะอาย แต่เป็นเพราะกลัว

มู่ซีก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เอามือไขว้หลังแล้วเหยียดเท้าไปข้างหน้าหนึ่งข้าง ใช้ปลายเท้าเขี่ยใบหน้าสะใภ้เจิ้งคนน้องให้เงยขึ้น เห็นว่าอีกฝ่ายใบหน้าเลอะเปรอะเปื้อน สีหน้าซีดเซียว ราวกับถูกทรมานอย่างอนาถ

“ความงามก็เพียงเท่านี้ ไม่มีรูปร่างเหมือนจิ้งจอกแต่กลับมีความยั่วยวนอย่างจิ้งจอก จึงได้หลอกล้อสัตว์เลี้ยงที่รักของข้าไปอย่างนั้นหรือ” มู่ซีเหลือบมองสะใภ้เจิ้งคนน้อง เท้าเหยียบไปที่คางของนาง เอ่ยว่า “ตอนที่เจ้าจะยั่วยวน ทำไมไม่ดูให้ดีก่อนว่าคนผู้นั้นเป็นคนของใครก่อนที่จะยกหางจิ้งจอกของเจ้า”

“ฮ่าๆๆ”

มีเสียงหัวเราะดังมาจากฝูงชน

นี่มันซื่อจื่ออะไรกัน ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว

สะใภ้เจิ้งคนน้องขยับริมฝีปากของนางเพื่อขอความเมตตา แต่ปรากฏว่าลำคอของนางเหมือนถูกรัดไว้ ไม่สามารถพูดอะไรได้

“หรือว่าเจ้ารู้อยู่แล้วว่าเป็นคนของข้า อยากจะลองดีจึงได้ตั้งใจไปยั่วยวนเขา?” มู่ซียิ้มอย่างไร้เดียงสา แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา เอ่ยว่า “ไปเอาตัวมันมา”

“ขอรับ”

ฉินหลิวซีที่กำลังแทะเมล็ดแตงโมอย่างเพลิดเพลิน มองไปตามสายตาของผู้คนในเหตุการณ์ เห็นองครักษ์สองคนกำลังยกกรงหมูออกมาจากด้านหลังรถม้า และสิ่งที่อยู่ข้างในคือ…

บุรุษคนหนึ่ง?

กร่อบแกร่บ

ฉินหลิวซีใช้ฟันกะเทาะเมล็ดแตงโม เกือบจะกัดโดนลิ้นตัวเอง นับว่าได้กะเทาะเมล็ดใหญ่เลยทีเดียว น่าตื่นเต้นจริงๆ !

ดังนั้นสรุปว่าเคราะห์ร้ายที่สะใภ้เจิ้งคนน้องดึงดูดไม่ใช่เพราะตัวเองไปมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับบุรุษอื่นแล้วถูกอีกฝ่ายแก้แค้น แต่เป็นเพราะคนที่นางไปพัวพันด้วยเป็นคนของซื่อจื่ออย่างนั้นหรือ

จริงสิ ดูเหมือนว่าฉินหลิวซีก็เคยได้ยินมาจากพ่อค้าคนหนึ่ง บอกว่าเจ้าคนเสเพลที่ได้รับความรักและการทะนุถนอมล้นฟ้าผู้นี้เหมือนจะเป็นคนผิดเพศ?

เขาไม่เคยสุภาพกับสตรีเลย แต่เวลาปฏิบัติกับบุรุษ โดยเฉพาะบุรุษที่หน้าตาดีมีความเป็นชายชาตรี ใครที่สามารถรับไว้ในอ้อมแขนได้ก็จะรับไว้ ได้ยินว่าเขาเลี้ยงบุรุษไว้หลายคนที่เรือนส่วนตัว เหมือนจะเรียกว่าสิบสองบุรุษ

และคนที่อยู่ในกรงหมูตอนนี้ก็มีความเป็นชายชาตรี ซึ่งเป็นแบบที่เจ้าเด็กคนนี้ชอบพอดี แต่กลับถูกสะใภ้เจิ้งคนน้องสวมเขา!

สวมเขา!

ฉินหลิวซีหรี่ตามองด้านบนศีรษะของมู่ซี ราวกับเห็นว่ามีคนกำลังควบม้าพลางหัวเราะเฮฮาบนทุ่งหญ้าสีเขียวอยู่

สะใภ้เจิ้งคนน้องไม่ธรรมดาเสียจริง!

“ท่านซื่อจื่อ ข้าน้อยถูกใส่ร้าย เป็นเพราะสตรีผู้นี้วางยาข้า ทำให้ข้าตกหลุมพรางของนาง ท่านซื่อจื่อ ข้าน้อยจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อท่านจริงๆ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอนขอรับ! ” ทันทีที่ผ้าสกปรกถูกดึงออกจากปากชายผู้นั้น เขาก็กลิ้งมาพร้อมกับกรงหมูและร้องโหยหวนทันที

“ไม่ใช่นะ เป็นเจ้าที่บอกว่าเขาเป็นคุณชายผิดเพศ อาศัยอำนาจตำแหน่งของตระกูลบังคับเจ้า…”

“เจิ้งหลี่เหนียง บังอาจ!” รองนายอำเภอจ้าวตวาดด้วยความโกรธ สีหน้าซีดเผือกกว่าเดิม

จบแล้ว จบแล้ว ทั้งตระกูลของเขาจะถูกลากไปตายเพราะคนโง่เง่าผู้นี้!

“คุณชายผิดเพศ…” มู่ซียิ้ม แต่สายตากลับไม่เป็นเช่นนั้น

ชายผู้นั้นตะโกนด้วยความกลัว “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น เจ้าเหลวไหล! เจ้าบอกว่าเจ้ารังเกียจที่คนของเจ้าไม่ได้เรื่อง ไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจได้ เมื่อเห็นว่าข้าแข็งแกร่งเจ้าจึงมีความสัมพันธ์กับข้า แต่ข้าบอกแล้วว่าข้านั้นชอบบุรุษเท่านั้น ข้ารักเพียงท่านซื่อจื่อของข้า! ท่านซื่อจื่อ ท่านเชื่อข้าเถิด ท่านอย่าปล่อยให้สตรีผู้นี้ปิดตาของท่านนะขอรับ!”

ทุกคนมองอย่างเพลิดเพลิน ปกติการจับผู้ที่ผิดประเวณีเป็นชายกับหญิง แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นเรื่องใหม่ คือชายกับชาย

หนังสือซุบซิบนินทาใหม่ในตลาดจะเขียนเช่นนี้หรือไม่ ‘น่าประหลาดใจ! จิ้งจอกสาวล่อลวงราชาแห่งขุนเขาให้สวมเขาคุณชายกระต่ายน้อย!’

“เจ้าสิเหลวไหล ตอนที่กอดข้าเจ้ายังบอกข้าอยู่เลยว่ายามที่มันควรอ่อนก็ไม่อ่อน ยามที่มันควรแข็งก็ไม่แข็ง…อึก” เจิ้งหลี่เหนียงยังไม่ทันพูดจบก็ถูกคนตบเข้าที่หูอย่างแรง

เอือก!

ดวงตาเจิ้งหลี่เหนียงพร่าเบลอ ขณะที่นางกระอักเลือดออกมาเต็มปาก มีฟันขาวสองสามซี่หลุดออกมาด้วย!

“ท่านซื่อจื่อ” องครักษ์ประจำตัวสะบัดมือรอสัญญาณจากมู่ซี

มู่ซียิ้มพลางเอ่ยว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเถียงกัน ข้ามียาจับเท็จอยู่สองเม็ด ใครจริงใครเท็จ แค่เม็ดเดียวก็ได้ผล ทหาร เอาให้พวกเขากิน”

อะไรนะ ยาจับเท็จหรือ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท