ตอนที่ 171 ไป ไปเสพสุขกับข้า / ตอนที่ 172 ทำอย่างไรได้ที่บ้านไม่ยินยอม
ตอนที่ 171 ไป ไปเสพสุขกับข้า
มู่ซีเป็นลูกหลานชนชั้นสูงอันธพาลไม่ผิด และเพราะเกิดมาสูงส่ง เขาจึงรู้ว่าสิ่งใดไม่ควรเหยียบย่ำ เพียงเหยียบแล้ว ต่อให้เขารับผิดตัวคนเดียวก็ไม่มีประโยชน์ ไม่แน่อาจทำให้ตระกูลต้องซวยไปด้วย
อย่างหลุมที่อวี้ฉังคงขุด บอกว่าแผ่นดินเป็นของตระกูลมู่ เพียงเขาลืมตัวคล้อยตาม คงมีคนรายงานต่อเบื้องบน เช่นนั้นจวนเฉิงเอินโหวก็จะถูกกล่าวหาว่าคิดกบฏแล้ว หากเรื่องไปถึงฮ่องเต้พี่เขย ต่อให้เชื่อพวกเขา จะไม่เหลือความขุ่นเคืองและความสงสัยเกิดขึ้นในใจจริงหรือ
ความระแวงหากถูกเพาะปลูกเอาไว้ รดน้ำพรวนดินในทุกๆ วัน สักวันเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ก็ต้องแตกยอดงอกราก เกิดเป็นต้นไม้เล็กๆ กระทั่งกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ถึงตอนนั้นจวนเฉิงเอินโหวอีกทั้งจวนเว่ยกั๋วโหวคงเป็นอันตรายแล้ว
มู่ซีไม่ได้ฉลาดมากแต่ก็ไม่ได้โง่ แม้รู้ว่าร้ายแรงแต่ก็ไม่ต้องแสดงความกลัวในเวลานี้ อย่างไรก็ต้องมีเหตุผลของการกบฏ ฮองเฮาพี่สาวของเขาจนตอนนี้ เพิ่งมีองค์หญิงหนึ่งคน อายุสี่สิบไปแล้ว จะมีโอรสอีกหรือไม่ ยังบอกได้ยาก
ฮองเฮาไร้โอรส เช่นนั้นตำแหน่งของนาง กลับมั่นคงกว่าเหล่าสนมที่มีโอรสมากมายพวกนั้น ฮ่องเต้ก็จะไม่ถือสาหรือคิดสงสัยในอำนาจของญาติ
ดังนั้นตอนนี้เขามองอวี้ฉังคงจมูกไม่ใช่จมูก ดวงตาไม่ใช่ดวงตา ที่สำคัญก็คือเขาเกิดมาหล่อเหลากว่าตนเองจริงๆ
แต่กับสกุลอวี้นั้น มู่ซีเคยได้ยินความเลื่อมใสและความหวาดกลัวของเฉิงเอินโหวและเว่ยกั๋วโหวเมื่อยามเอ่ยถึงสกุลอวี้ ไม่ระงับความโกรธไม่ได้
“เห็นแก่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเจ้า ข้าจะไม่เอาเรื่องคุณชายฉังคง ช่วยหลบไปด้วย ข้าไม่ได้มาหาเจ้า” มู่ซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
อวี้ฉังคงรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจ ใบหน้าเย็นยะเยือก กำลังจะเอ่ยปาก ข้อมือกลับถูกฉินหลิวซีตบลงมาเบาๆ
เขาหันกลับไป เห็นฉินหลิวซีก้าวขึ้นมาด้านหน้า จึงไม่เอ่ยปาก
มู่ซีพุ่งไปอยู่ตรงหน้าฉินหลิวซี ขยับเข้าใกล้ เอ่ย “เป็นเจ้าไม่ผิด แปลกแล้ว เพียงเห็นเจ้าข้าก็รู้ว่าเป็นเจ้า แต่ตอนที่ข้าอยากวาดรูปของเจ้า กระทั่งตอนบรรยายลักษณะของเจ้ากับช่างวาดภาพ ไยจึงวาดออกมาไม่ได้เล่า”
ดวงตาของฉินหลิวซีวาววับ ยกกระดาษในมือขึ้นมา “ดังนั้นนี่คือผลงานของท่านหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ” มู่ซีคว้ากระดาษ เอ่ย “ข้าตามหาเจ้ามาหลายวัน แต่ก็ตามหาไม่เจอ จึงได้คิดวิธีนี้ขึ้นมา ดูสิ ได้ผลจริงๆ ด้วย วาดออกมาได้ดีทีเดียว”
วาดออกมาได้ดีหรือ รสนิยมทางสุนทรียภาพของเจ้ามีปัญหาหรือ
ฉินหลิวซีเก็บกลั้นความโกรธ รู้สึกประหลาดใจ ผู้ใดจำนางได้เพราะภาพที่ว่านี้กันนะ
“อาศัยภาพนี้ยังจำข้าได้ ผู้ใดกัน”
องครักษ์คนหนึ่งยกมือขึ้นมาช้าๆ เอ่ย “ผู้ที่รับผิดชอบเฝ้าดูป้ายประกาศในถนนตะวันตกคือข้า เมื่อครู่ที่กระดานประกาศ ข้าก็ส่งสัญญาณไปแล้ว”
ฉินหลิวซีแย่งกระดาษในมือมู่ซีมาคลี่ออก ยกขึ้นเทียบข้างๆ ใบหน้าของตน “เจ้าดูส่วนใดจึงรู้ว่านี่เป็นข้า ดวงตาพิการหรือ”
องครักษ์ “ยอมสังหารคนผิด ดีกว่าปล่อยไป”
จำผิดก็เล่นลิ้นซะ นี่คือสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้หลังจากติดตามซื่อจื่อมาหลายปี
จะสังหารเขาจริงๆ น่ะหรือ
ไม่หรอก อยากมากก็เพียงทรมานกึ่งเป็นกึ่งตาย
และครั้งนี้สวรรค์เบิกตาแล้ว จำไม่ผิด หึ สร้างผลงานแล้ว
มู่ซีพึงพอใจ เอ่ยกับองครักษ์ “เดี๋ยวกลับไปจะตบรางวัลให้เจ้า” จากนั้นหันมามองฉินหลิวซี เอ่ย “ตามหาเจ้าช่างยากยิ่งนัก ไปกันเถิด”
ฉินหลิวซี “ไป ไปที่ใดกัน”
“แน่นอนว่าไปเสพสุขกับข้าอย่างไรเล่า” มู่ซีกอดอกเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ “ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้วมิใช่หรือ อยู่กับข้า สวมทองใส่เงิน กินอยู่สุขสบาย มีความสุข ไปดีๆ เสียเถิด”
อวี้ฉังคง บังอาจนัก
เขากำลังคิดออกหน้าช่วยเหลือฉินหลิวซี แต่ว่า
เขาได้ยินเสียงกลืนน้ำลายจากด้านข้าง จากนั้นใครบางคนจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเสียดาย
“ข้าก็อยาก แต่ผู้อาวุโสที่บ้านไม่ยอม”
ตอนที่ 172 ทำอย่างไรได้ที่บ้านไม่ยินยอม
อวี้ฉังคงไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง หันมองไปยังฉินหลิวซี เกือบเอ่ยถามออกไปอย่างอดไม่ได้ ท่านจริงจังหรือ
เป็นใครได้ยินน้ำเสียงดูแคลนของมู่ซี เจ้าเด็กเอาแต่ใจผู้นี้คงทนไม่ได้กระมัง แต่ท่าน เสียดายหรือ
นิสัยของปรมาจารย์ปู้ฉิวไม่อาจคาดคะเนได้ เรื่องนี้เขาเคยได้ยินฉีเชียนบอกมา แต่ไม่คิดว่าเขาจะรักสบายแบบนี้
มู่ซีถามกลับ “ผู้อาวุโสที่บ้านไม่ยอม ผู้ใดกัน เขาหรือ” เขาชี้นิ้วไปยังอวี้ฉังคง เอ่ยถาม “เจ้าก็เป็นคนตระกูลอวี้หรือ”
หากเป็นคนสกุลอวี้ เช่นนั้นคงจัดการยาก ชื่อเสียงของสกุลอวี้เป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า เขาต้องการเลี้ยงดูเด็กชายจากสกุลอวี้ เกรงว่าพี่สาวฮองเฮาก็ทนสถานการณ์ที่ยากลำบากจากประชาชนไม่ได้
“ไม่ใช่หรอก” ฉินหลิวซีหัวเราะ “ผู้อาวุโสที่บ้านข้า อยู่บนฟ้า”
นางชี้ไปบนท้องฟ้า
มู่ซีเงยหน้า จากนั้นหันมามองฉินหลิวซี นี่คงไม่ได้เป็นบ้าใช่หรือไม่
“ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้วจะสนใจเขาทำ…”
ครื้นนน
เปรี้ยง
เสียงฟ้าร้องดังขึ้น ตามมาด้วยประกายสีขาวจากสายฟ้าผ่า ทำให้กำแพงที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาแตกออก เศษหินกระจัดกระจายร่วงลงมา ก้อนหนึ่งในนั้นครูดไปกับใบหน้าของมู่ซี
ทุกคน “!”
ไม่สิ ท้องฟ้ายังสดใสอยู่เลย ไยจึงมีฟ้าผ่าเล่า
มู่ซีนิ่งค้าง เอ่ย “เอ่อ นี่คือ…”
“เด็กน้อย บอกความจริงกับเจ้าแล้ว อย่าได้เอ่ยวาจาสามหาว ผู้อาวุโสที่บ้านข้ามองอยู่ตลอดเวลา” ฉินหลิวซีส่ายศีรษะเอ่ยขึ้น
มู่ซีผลักซวงเฉวียนที่จะเข้ามาดูเขาออก กระโดดขึ้นมาชี้นิ้วด่าอีกฝ่าย “เจ้าไม่อยากไปกับข้าก็บอกตรงๆ ไยต้องหลอกสร้างละครฉากใหญ่ข่มขู่ข้า รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”
“มู่ซื่อจื่อเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าอยากไปอยู่สุขสบายกับท่าน ทำอย่างไรได้ผู้อาวุโสที่บ้านไม่ยินยอม” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะโกรธเกรี้ยว “อ้อ ส่วนไยจึงบอกว่าผู้อาวุโสที่บ้านอยู่ข้างบน ข้าคือคนของเต๋า เข้าสู่เต๋า ท่านปรมาจารย์ลัทธิเต๋าแน่นอนว่าเป็นผู้อาวุโสของข้า หากข้ากล้าทำเรื่องขัดต่อท่านปรมาจารย์ เขาจะไม่ใช้สายฟ้าลงโทษศิษย์ทรยศรักความสบายได้เยี่ยงไร”
มู่ซี “!”
กลุ่มคนที่ตามมาด้านหลังของเขาเองก็ชะงัก คนของลัทธิเต๋าอย่างนั้นหรือ
เดิมทีมู่ซีไม่เชื่อนัก เอ่ย “เจ้าโกหกผู้ใดกัน ลัทธิเต๋าใช่ว่าข้าไม่เคยเห็น ไหนเลยจะมีแบบเจ้า เต๋าไม่เหมือนเต๋า แต่คล้ายเด็กหนุ่มหน้าขาวต่างหาก”
“ทำไมหรือ ไม่ให้ลัทธิเต๋าของข้ามีคนหล่อเหลาซื่อตรงหรืออย่างไร พวกเราเป็นนักพรต ปลูกฝังคุณธรรมสง่างามดุจเซียน ข้าไม่ปิดบังท่าน ข้าคือหน้าตาของอารามชิงผิงของข้า”
มู่ซีตบเข่าหัวเราะ ชี้ไปที่อีกฝ่าย “เจ้าน่ะหรือ สง่างามดุจเซียน ติดเคราสีขาวสักหน่อยเถิด ยังจะเป็นเซียนอีก”
ฉินหลิวซีก้าวขึ้นมาด้านหน้า ยิ้มตาหยี เอ่ย “ไม่เชื่อข้าหรือ บนตัวของท่านแขวนยันต์คุ้มภัย ข้าดึงออกสักอันก็ทำให้ท่านซวยได้ ถูกพี่น้องที่รักที่คอยจับจ้องเข้าสิงร่าง จะลองหรือไม่”
รอยยิ้มมู่ซีแข้งค้าง
องครักษ์ข้างกายเขายิ่งสีหน้าเปลี่ยนสีหนักกว่า ล้อมเข้ามา ในที่ลับยังมีคนง้างธนูขึ้น เล็งไปที่ฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีโบกมือ พลังงานหยินชั่วร้ายที่มองไม่เห็นหันกลับไป “ข้าไม่ชอบให้ใครมาเล็งข้า ลงโทษเล็กๆ น้อยๆ ครั้งหน้าอย่าได้มีอีก”
มือธนูที่รอคำสั่งได้ยินพลันชะงัก มือที่จับง้างธนูพลันเจ็บปวด ราวกับมีพลังงานร้ายทะลุกลางฝ่ามือ เจ็บปวดจนไม่อาจหยิบคันธนูขึ้นมาได้
สีหน้าของมือธนูเปลี่ยนไป ไม่รู้คิดอะไรได้ เก็บธนู กระโดดออกมาจากที่ซ่อน ขวางอยู่ตรงหน้ามู่ซี คุกเข่าหนึ่งข้างลงตรงหน้าฉินหลิวซี ยกมือขึ้นประสานเอ่ยขออภัย “ข้าน้อยมีตาทว่าไม่เห็นภูเขาไท่ ขอท่านอาจารย์โปรดปรานี คุณชายของข้าดื้อรั้น ท่านอาจารย์มีเมตตา อย่าได้ถือสาเขาเลยขอรับ”