คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 268 แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 268 แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน

จู่ๆ ฉินหลิวซีก็เอ่ยประโยคเช่นนี้ขึ้นมา ทำให้ผู้คนทั้งห้องต้องตะลึงงันไปชั่วขณะ

ดวงตาของนายหญิงผู้เฒ่าฉินมีประกายคลุมเครือขึ้นมา เอ่ย “เจ้าเด็กซี เจ้าเอ่ยเช่นนี้หมายความอย่างไร”

“นางบอกว่าคุณหนูตระกูลเวินป่วยหนัก ไม่ได้เอ่ยผิด” ฉินหลิวซีเอ่ยราบเรียบ “ในเมื่อครอบครัวฝ่ายหญิงถอนหมั้น อาสะใภ้รอง เอาของหมั้นมาส่งคืนกลับไป”

สะใภ้เซี่ยหลบตา เอ่ยอึกอัก “ไหนเลยจะมีของหมั้น ตระกูลฉินของเราถูกยึดทรัพย์ ของนั้น ต้องเก็บเอาไว้ที่บ้านในเมืองหลวง ไหนเลยจะเอาออกมาได้”

หญิงรับใช้หน้ากลมแรกเริ่มมีความสงสัยในวาจาของฉินหลิวซี ได้ฟังสะใภ้เซี่ยเอ่ยเช่นนี้ คิ้วขมวดขึ้นโดยไม่อาจห้ามได้

“ตระกูลฉินให้สิ่งใดไปเป็นของหมั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม

หญิงรับใช้หน้ากลมหยิบกล่องสี่เหลี่ยมออกมาจากแขนเสื้อเปิดออก ด้านในเป็นหยกขาวไขมันแพะคู่ใจเดียว

ฉินหลิวซีก้าวขึ้นมาด้านหน้า เอ่ย “ท่านย่า ในเมื่อไม่มีของหมั้นมาแลกคืน เช่นนั้นขอท่านเขียนจดหมายด้วยลายมือเป็นหลักฐาน ทั้งสองตระกูลเพียงเอ่ยปากเปล่าและแลกของหมั้น ยังไม่แลกหนังสือแต่งงาน จดหมายเขียนด้วยลายมือท่านพร้อมลงนาม เป็นหลักฐานได้เช่นกันเจ้าค่ะ”

นายหญิงผู้เฒ่าฉินขมวดคิ้ว

“สะใภ้ที่ไม่เต็มใจ แต่งเข้าจวนไปก็ไม่มีความหมาย” ฉินหลิวซีมองนาง เอ่ย “แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน”

นายหญิงผู้เฒ่าฉินมองสบตากับนางอยู่เนิ่นนาน เอ่ย “ช่างเถิด ในเมื่อไร้วาสนาก็อย่าได้ทำให้คุณหนูของเขาเสียเวลา ติงหมัวหมัว ไปเอาพู่กันกับกระดาษมา”

หญิงรับใช้หน้ากลมรู้สึกยินดีอยู่ในใจ มองสบตากับหญิงรับใช้หน้ายาว ราบรื่นเพียงนี้ มีผู้ที่ถูกเรียกว่าคุณหนูใหญ่ ยังตัดสินใจเรื่องในบ้านได้เพียงนี้

นางอดมองสำรวจฉินหลิวซีไม่ได้ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าสตรีผู้นี้ไม่ธรรมดา น่าเสียดายแล้ว ต้องมาเกิดในตระกูลฉิน หากจะเกี่ยวดองในอนาคตคงยากแล้ว

ฉินหลิวซีมองไปสบตากับนาง หญิงรับใช้ตกใจรีบก้มหน้าลง พยายามสะกดใจที่เต้นกระหน่ำ

ติงหมัวหมัวนำพู่กันและกระดาษมา ก่อนจะฝนหมึก นายหญิงผู้เฒ่าฉินเขียนหนังสือถอนหมั้น ลงนามเป็นหลักฐาน

ฉินหลิวซีมองดู เนื้อหาในหนังสือถอนหมั้นมีการเสียดสีอยู่บ้างแต่ก็นับว่าพอไปได้ และให้หญิงรับใช้มาตรวจดูการลงนามเป็นหลักฐาน

หญิงรับใช้หน้ากลมยังลังเลอยู่บ้าง “แล้วของหมั้น?”

เกิดหลังจากนี้ตระกูลฉินไม่ยอมรับจะทำอย่างไร

ฉินหลิวซีเอ่ย “มีจดหมายเขียนด้วยมือของท่านย่าข้า อาศัยสิ่งนี้เมื่อพวกเจ้ากลับไปก็รายงานต่อนายของพวกเจ้า ไปแจ้งของถูกขโมยกับหยาเหมิน ลงบันทึกว่าของสิ่งนั้นหายไปก็พอแล้ว อนาคตหากผู้ใดนำของสิ่งนั้นไปโวยวายกับตระกูลเวิน จวนของท่านก็พลิกคดีในหยาเหมินขึ้นมาก็พอแล้ว”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

หญิงรับใช้หน้ากลมคิดตาม สิ่งนี้สมเหตุสมผล

สะใภ้หวังชื่นชมเป็นอย่างมาก สายตายิ่งมีแววชื่นชมพาดผ่าน เด็กคนนี้ไม่จำเป็นต้องสั่งสอนก็ยังรู้เรื่องธรรมเนียม ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก

นายหญิงผู้เฒ่าฉินก็มองไปยังฉินหลิวซี ดวงตามีแววสับสน

มีเพียงสะใภ้เซี่ยเบ้ปาก เอ่ย “วางใจเถิด ในเมื่อจวนท่านมาถอนหมั้น ต่อให้ตระกูลฉินตกต่ำก็ไม่ต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับจวนท่านหรอก เพียงหวังว่าจวนท่านจะจดจำการเหยียดหยามในวันนี้ อย่าหาคิดว่าจวนข้าตกต่ำ ต้องมีสักวันที่เราจะลุกขึ้นมาได้”

หญิงรับใช้หน้ากลมรับหนังสือเป็นหลักฐานเอาไว้แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไหนเลยจะกล้า ตระกูลของท่านเป็นคนโจ่งแจ้งชัดเจน แน่นอนว่าไม่สู้รบตบตีจนถึงที่สุดเช่นนั้น เพราะคุณหนูของเราไร้วาสนาเท่านั้นแล้ว”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่ต้องพูดมากความแล้ว สองตระกูลจบลงด้วยดี ขอให้คุณหนูของเจ้าร่างกายแข็งแรง”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้โง่แล้วหรือไม่

ไม่รู้หรือว่านี่เป็นข้ออ้างในการถอนหมั้น

หญิงรับใช้หน้ากลมมองไปยังใบหน้าของฉินหลิวซี หัวใจพลันเต้นกระหน่ำ มีลางสังหรณ์ไม่ดี

“ฉีหวง ส่งแขกเถิด”

ฉีหวงรีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า “ทั้งสองท่าน เชิญเจ้าค่ะ”โนเวลพีดีเอฟ

เรื่องมาถึงตอนนี้ หญิงรับใช้ตระกูลเวินอยู่ต่อก็คงไม่มีความหมายจึงเดินออกจากตระกูลฉินไป ยืนอยู่หน้าประตูตระกูลฉิน ทั้งสองมองสบตากัน ต่างก็รู้สึกแปลกประหลาด เรื่องนี้จบลงง่ายไปหรือไม่

การกลั่นแกล้งรุนแรงที่คาดคิดเอาไว้ก็ไม่มี อย่างมากก็เพียงมารดาของคุณชายใหญ่เอ่ยวาจาไม่น่าฟังเพียงไม่กี่ประโยค แต่ไม่ว่าตระกูลใดเจอเรื่องเช่นนี้จะพูดวาจาน่าฟังได้หรือ

ได้เห็นนายหญิงผู้เฒ่าผู้นั้นโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ

แต่หลังจากที่คุณหนูใหญ่ผู้นั้นมา ทุกอย่างกลับดูราบรื่นเป็นพิเศษ เอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคก็ถอนหมั้นได้แล้ว

เพียงแต่หญิงรับใช้หน้ากลมนึกถึงคำพูดของฉินหลิวซี ในใจรู้สึกไม่ปกติ

หญิงรับใช้หน้ายาวส่งเสียงเชอะ “ดูหน้าพวกเขา ยังคิดว่าตนเองเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ขั้นสามอยู่หรืออย่างไร”

“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้สึกกังวลใจ เรารีบกลับเมืองหลวงด้วยม้าเร็วกันเถิด” หญิงรับใช้หน้ากลมเอ่ย

ในห้องโถงของนายหญิงผู้เฒ่าฉิน ฉินหลิวซีกำลังถูกถามว่าคำพูดของนางหมายความว่าอย่างไร พูดเช่นนั้นถูกแล้วหรือ

“ระหว่างทางที่มา ข้าดูดวงของพี่ใหญ่แล้ว เป็นดวงชะตาของหยางบริสุทธ์ไม่แท้ ดวงเช่นนี้มีเรื่องมากมายไม่ราบรื่น การแต่งงานล่าช้าไม่ว่า แต่งงานใหม่ได้ง่าย อีกทั้งความสัมพันธ์สามีภรรยาไม่ดี ในดวงของเขา วันนี้มีเรื่องไม่ดี พลังวันและพลังเวลา เมื่อรวมทั้งสองเข้าด้วยกันแล้วเป็นธาตุให้โทษ ภรรยาจะป่วยหนัก”

ฉินหลิวซีน้ำเสียงเยือกเย็น ทว่าทำให้ทุกคนที่ได้ฟังนั้นนิ่งอึ้ง

นางเอ่ยสิ่งใดกัน พวกนางฟังไม่ออก

สะใภ้หวังกลืนน้ำลาย เอ่ย “เจ้าจะบอกว่า ดวงของพี่ใหญ่เจ้าแข็ง ดวงกินคู่[2]กระมัง”

วาจานี้ไม่อาจเอ่ยออกไปได้ มิเช่นนั้นเรื่องการแต่งงานของฉินหมิงมู่คงยากแล้ว

“ข้าบอกแล้ว ชะตาของหยางบริสุทธ์ไม่แท้ การแต่งงานไม่ราบรื่น เขาจะไม่แต่งงานเร็ว หลังจากยี่สิบไป จึงจะมีคู่ ส่วนดวงกินคู่หรือไม่ ยังต้องดูดาวดาวพิฆาตดิถีว่าแข็งแรงหรืออ่อนแอ เป็นดีหรือร้าย ขอเพียงวันตกฟากแข็งแรง แบกรับดาวพิฆาตดิถีได้ ก็จะมีสิริมงคลปรากฏ สิ่งที่เรียกว่าสรรพสิ่งหักล้างสนับสนุนซึ่งกันแล้วกัน หยินหยางหักล้างซึ่งกันและกัน ต้องมีดวงที่สมพงษ์กันอย่างแน่นอน หาภรรยาที่มีดวงสมพงษ์ ก็จะไม่มีดวงกินคู่แล้ว”

“แต่เจ้าบอกว่าคุณหนูตระกูลเวินป่วย”

“การแต่งงานครั้งนี้ของพี่ใหญ่ยังไม่สำเร็จลุล่วง แต่ทั้งสองตระกูลได้กำหนดหมั้นหมายเอาไว้แล้ว เมื่อมีการหมั้นหมาย ต่อให้ยังไม่แต่งงาน ดวงของพี่ใหญ่เจอกับธาตุให้โทษ ภรรยาจะป่วยหนักจึงเป็นจริง นอกเสียจากดวงชะตาของพี่ใหญ่จะผิด หรือไม่ข้าก็คำนวณพลาด” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ

สะใภ้เซี่ยถาม “เจ้ารู้ตัวเลขดวงชะตาของพี่ใหญ่เจ้าได้อย่างไร”

ดวงชะตาสิ่งสำคัญแบบนี้ มีเพียงบิดามารดาและญาติสนิทเท่านั้นที่รู้ ต่อให้ฉินหลิวซีเคยเจอฉินหมิงมู่ ก็เป็นตอนยังเด็ก ไหนเลยจะรู้ตัวเลขดวงชะตาเขา

เสิ่นหมัวหมัวเอ่ย “บ่าว บ่าวเอ่ยบอกเองเจ้าค่ะ”

สะใภ้เซี่ยจ้องนางเขม็งทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด อย่างไรก็เชื้อสายรองคนหนึ่งเท่านั้น นางไม่สนว่าตัวเลขดวงชะตาของเขาจะมีใครรู้บ้าง ตอนนั้นสตรีนางนั้นคลอด นางเองอ้างว่าป่วย พี่สะใภ้ใหญ่ทำตัวเป็นคนดีคอยเฝ้า หญิงรับใช้ผู้นี้จะรู้ก็ไม่แปลก

นายหญิงผู้เฒ่าฉินเอ่ย “เอ่ยเช่นนี้ คุณหนูตระกูลเวินผู้นั้นป่วยแล้วจริงๆ หรือ”

“พวกเขาเอาข้ออ้างนี้มาถอนหมั้น เดินทางมาเมืองหลีตั้งนาน เกรงว่าคงไม่รู้ว่าคุณหนูตระกูลเวินป่วยหนักหรือไม่ แน่นอนการศึกษาของข้ายังไม่เก่งกาจ เพียงเอ่ยไปเท่านั้น พวกท่านกลับตั้งใจฟังเป็นอย่างดี อย่างไรการแต่งงานนี้ไม่อยากถอนก็ได้ถอนแล้ว คงจะไม่เป็นอย่างที่พวกเขาว่า ไปสู้รบปรบมือกับพวกเขาจนถึงที่สุดกระมัง”

นายหญิงผู้เฒ่าฉินและสะใภ้เซี่ย “!”

ไยเด็กคนนี้จึงน่าโมโหเช่นนี้

ฉินหลิวซีหันไปหานายหญิงผู้เฒ่าฉิน เอ่ย “สถานการณ์ของพี่ใหญ่ในยามนี้ ไม่อาจแต่งงานได้ ต่อให้ท่านโกรธก็ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้ รักษาตัวให้ดีเถิด”

โกรธง่ายเพียงนี้ ไม่ทันตั้งใจฟัง เลือดก็พุ่งขึ้นสมอง หากตายก็คงจบสิ้นแล้ว

[1] แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน การกระทำที่ฝืนใจอีกฝ่ายย่อมได้รับผลลลัพธ์ที่ไม่ดี

[2] ดวงกินคู่ เป็นดวงที่ไม่ดีต่อภรรยา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท