คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 277 ข้อเท็จจริง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 277 ข้อเท็จจริง

แจ้งทางการหรือ

ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นชะงักไปอึดใจ มีเพียงนางหู สีหน้าลนลาน และหวังซานเฉวียนที่ก็กลัวเสียจนมีท่าทีลนลานเช่นกัน นึกอยากจะหนีไปให้พ้น ทำอย่างไรได้เจ้านักตุ๋นนั่นไม่มีทางบินกลับมาอย่างแน่นอน เขารู้สึกชาไปทั้งตัว

หวังต้าหย่งกลับงุนงงกว่าเดิม “แจ้งทางการหรือขอรับ”

“ใช่ พ่อท่านตายอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ต้องแจ้งความร้องทุกข์หรือ” ฉินหลิวซีกล่าว

หวังต้าหย่งได้ฟังคำว่าตายอย่างไม่เป็นธรรม มองไปทางแม่เลี้ยงหูกับน้องชายเขาหวังซานเฉวียนก็เข้าใจได้ในทันที สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดำคล้ำคร่ำเครียด

“ท่าน ท่านว่าพ่อข้า…” เขาไม่อาจกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้

ผู้ใหญ่บ้านหวังตายอย่างไร้เกียรติ นับว่าตายคาอกผู้หญิง และที่เกิดเหตุยังเป็นห้องเก็บฟืนบ้านตัวเอง

แม่เลี้ยงหูพูดอย่างไรกันแน่นะ บอกว่าผู้ใหญ่หวังเข้าหานางด้วยความกระหาย แล้วโยนนางเข้าไปในห้องเก็บฟืนเพื่อทำเรื่องอย่างว่า บางทีอาจเป็นเพราะสถานที่ไม่เหมาะ เกิดตื่นเต้นมากเกินไปจนเป็นลมไป

หวังซานเฉวียนพอดีไปห้องน้ำ ได้ยินแม่เลี้ยงหูร้องเสียงแหลมจึงเข้าไปพบเหตุการณ์เป็นคนแรก จากนั้นถึงเรียกพี่ชายพี่สะใภ้มา

ชายชราอยู่ๆ ตายกะทันหัน สถานที่เกิดเหตุก็ผิดแปลก พวกหวังต้าหย่งตรวจดูพ่อของเขาอย่างคร่าวๆ จนกระทั่งเห็นว่าร่างกายทุกส่วนของตาเฒ่าหวังไม่ขยับจึงเชื่อว่าตายแล้ว จากนั้นรีบนำร่างบิดาบรรจุลงโลงศพ

แต่ตอนนี้ฉินหลิวซีกล่าวว่าเป็นการตายอย่างไม่เป็นธรรมงั้นหรือ

“ตายอย่างไม่เป็นธรรม!” ผู้ใหญ่หวังโกรธจนแทบจะลุกเป็นไฟ เดินไปพลางชี้มือไปที่หวังซานเฉวียนกับแม่นางหู อ้าปากด่า “เจ้าสองคนนี้เป็นชายหญิงมั่วโลกีย์ ทำเรื่องอย่างว่าในห้องเก็บฟืนแต่ถูกข้าเห็นเข้า สุดท้ายเจ้าลูกสารเลวเข้ามาเอามืออุดปากข้า ข้าหายใจไม่ออก มันปิดปากข้าจนข้าตาย สองคนนี้ก็ดีจริงๆ ข้าตายแล้วยังหาเรื่องฉาวโฉ่ตายคาอกผู้หญิงให้ข้าอีก ชั่วช้า!”

ฉินหลิวซีขยับปากเป็นทำนองว่าให้พาเด็กๆ ออกไปก่อน จึงจะบอกเล่าเรื่องที่ผู้ใหญ่หวังเอ่ยอีกที

แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงเป็นเรื่องผิดศีลธรรม เรื่องนี้หากแพร่ออกไป คนในบ้านหวังทุกคนมิต้องถูกผู้คนดูถูกเหยียดหยามจนตายหรอกหรือ

ภรรยาของหวังต้าหย่งถึงกับเป็นลมล้มพับไป ส่วนหวังชุ่ยเหลียนยืนอึ้งกลายเป็นคนโง่

พวกนางต่างรู้ว่าแม่เลี้ยงหูไม่ใช่คนเรียบร้อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะประพฤติตัวนอกลู่นอกทาง คิดไม่ถึงจริงๆ นางจิ้งจอกผู้นี้มุดเข้าสุ่มไก่ กินไก่ในบ้าน

หวังต้าหย่งมองหวังซานเฉวียนอย่างตกใจ เอ่ยถามเสียงดัง “ที่ไต้ซือพูดเป็นความจริงหรือไม่ จริง จริงหรือที่เจ้าก่อกรรมชั่วนี่”

หวังซานเฉวียนสายตาสั่นไหว ปฏิเสธลูกเดียว “เขาพูดสุ่มสี่สุ่มห้า ข้าไม่ได้ทำ ท่านพ่อตายเช่นนั้นเอง”

แม่เลี้ยงหูร้องไห้เสียงดัง ในใจนึกกลัวมาก หากตอนนี้นางหนี จะหนีไปที่ไหนได้

ไม่สิ คนที่ฆ่าตาเฒ่าคือหวังซานเฉวียน ไม่เกี่ยวกับนาง นางเพียงช่วยปิดบังอำพราง

ผู้ใหญ่หวังเห็นว่าเขาไม่ยอมรับ ยิ่งโกรธจนทนไม่ไหวเข้าไปบีบคอพลางด่า “เจ้ายังกล้าไม่ยอมรับ ไอ้ลูกเวร เป็นเจ้าที่อุดปาดข้าจนต้องตาย เจ้ามันไม่ใช่คน ไอ้ลูกเวรตะไล”

หวังซานเฉวียนหายใจไม่ออก รีบตบพื้นร้องขอชีวิต

ฉินหลิวซีดึงมือผู้ใหญ่หวังออก ไม่มองสายตาที่โกรธแค้นของเขา “ข้าขอเตือนเจ้าอย่าปฏิเสธหัวชนฝา เจ้าทุกข์เขาอยู่ที่นี่ ยิ่งเจ้าไม่ยอมรับ เขาบีบคอเจ้าจนตายได้”

หวังซานเฉวียนตัวสั่น “ข้าไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นท่านพ่อพูดว่าจะตีข้าให้ตาย จะจับข้าไปแช่ในเล้าหมู ตอนนั้นข้ากลัวถึงได้ปิดปากเขาไว้ไม่ให้พูด ใครจะรู้ว่าเขาตายแล้ว”

เขาเอ่ยพลางชี้ไปที่แม่เลี้ยงหู “เป็นนางที่ยั่วยวนข้าก่อน นางบอกว่าท่านพ่อเป็นคนแก่ที่ใช้การไม่ได้ ทำให้นางมีความสุขไม่ได้”

ฉินหลิวซีลูบคาง “ข้าไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าต้องเลือกห้องเก็บฟืน อยากกระตุ้นอารมณ์หรือ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ทุกคน “…”

ทำไมท่านให้ความสนใจผิดที่

“นางชอบแบบนั้น” หวังซานเฉวียนเอ่ย “นั่นไม่ใช่ครั้งแรก ก็นางชอบแบบนี้”

แม่เลี้ยงหูยกหมวกไว้ทุกข์ขึ้นมาปิดหน้า “ข้าไม่ได้ทำ เป็นหวังซานเฉวียนที่ใช้กำลัง ข้าเป็นเพียงหญิงอ่อนแอ จะไปสู้อะไรได้? ผู้เฒ่าหวังยิ่งแล้วใหญ่ เขาก็ไม่ดีกับข้า ตอนทำเรื่องนั้นชอบตีข้า ฮือๆ ชีวิตข้าขมขื่นนัก ข้าตายก็แล้วกัน”

หวังชุ่ยเหลียนรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุด แต่ถูกพี่สะใภ้ดึงไว้ด้านหลัง

“ต้าหย่ง จับสองคนนี้มัดไว้ แล้วขังในห้องเก็บฟืน ไม่ต้องพูดแล้ว” เลี่ยวซื่อหน้าตาแดงก่ำเอ่ยว่า “จัดการเรื่องของท่านพ่อให้เรียบร้อยก่อน”

ไม่ใช่ว่านางไยดีสองคนนั่น แต่นางคิดถึงคนที่ยังมีชีวิตมากกว่า ชุ่ยเหลียนและลูกสาวนางทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้หญิงบ้านหวัง เรื่องอื้อฉาวเช่นนี้หากแพร่ออกไป ผู้หญิงมีแต่จะขายหน้า ยิ่งหวังชุ่ยเหลียนรับการหมั้นหมายด้วยแล้ว

หวังต้าหย่งเสมือนวิญญาณหลุดลอยไปแล้ว

ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องไหนสำคัญไม่สำคัญ แต่เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไป บ้านหวังจะต้องถูกนินทา ดูถูกเหยียดหยาม

หวังซานเฉวียนเห็นพี่ชายนิ่งไปจึงเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ ตอนนั้นข้าเลอะเลือนถึงได้พลั้งมือฆ่าท่านพ่อ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่านปล่อยข้าไปสักครั้งเถอะ ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ท่านยกโทษให้ข้าเถิด ข้าเป็นลูกแท้ๆ ของท่านนะ วันหลังข้าจะเผากระดาษเงินกระดาษทองกับหญิงงามไปให้ท่านมากๆ ท่านเดินทางอย่างวางใจได้ ข้าจะปรับปรุงตัว นางหญิงแพศยาคนนี้เราก็ให้ข่าวแพร่ออกไปว่านางคิดถึงท่านจนตรอมใจตาย ส่วนข้าจะออกจากบ้านหวัง รับรองจะไม่มีใครรู้ ได้หรือไม่”

แม่เลี้ยงหูสายตาวาวโรจน์

พี่รองแซ่หูเพิ่งเข้าใจเจตนา ด่าออกมา “เจ้าผายลมทิ้ง เจ้าขืนใจแม่เลี้ยงทำให้นางอัปยศอดสู ยังคิดจะสาดโคลนใส่น้องข้า พวกเจ้าบ้านหวังหากไม่จัดการเรื่องนี้ ข้าจะให้ทุกคนช่วยตัดสิน”

พอที นี่มันขู่เข็ญ รีดไถกันแล้ว

“คนไม่มีอะไรจะเสียย่อมไม่กลัวอะไร บ้านหูไม่มีผู้หญิงแล้วหรือ จึงไม่กลัวเรื่องแพร่ออกไปทำให้ผู้หญิงบ้านหูเสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่มีใครมาขอแต่งงานด้วย” ฉินหลิวซียิ้มอ่อน “สองตาเจ้าแดงก่ำ คิ้วต่ำทับตาแสดงว่าเป็นคนหุนหันพลันแล่น ปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง หน้าตาอัปลักษณ์ อิจฉาตาร้อนแล้วยังปากเหม็น ดูแล้วเป็นผีพนัน เป็นอย่างไร แพ้พนันแล้วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คิดจะหลอกเอาเงินงั้นหรือ”

ผู้ใหญ่หวังไม่ใช่คนโง่ ได้ฟังฉินหลิวซีเอ่ยเช่นนี้ก็เข้าใจขึ้นมาทันที จะยอมได้อย่างไร เขาลอยไปเอาสองนิ้วทิ่มเข้าที่ตาอีกฝ่าย “อยากจะข่มขู่รีดไถข้า ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน ตายซะเถอะ”

ตาเฒ่าหวังพบว่าการเป็นผีก็มีข้อดี คือจะลงโทษใครก็ทำได้อย่างง่ายดาย

พี่รองแซ่หูเป็นคนลำพอง อวดดี ตอนนี้อยู่ๆ ก็รู้สึกแสบร้อนที่ตา ราวกับถูกทิ่มด้วยอะไรบางอย่าง ทั้งตกใจทั้งกลัว ร้องตะโกนขึ้นเสียงดัง “ตอนเป็นตาแก่ข้าไม่กลัว ตอนนี้เป็นผีตาแก่คิดว่าข้ากลัวหรือ”

เขาพุ่งเข้าใส่โลงศพเพื่อผลักให้ล้ม ผู้ใหญ่หวังรีบนั่งลง ทั้งเตะทั้งด่า แล้วยังกระชากผมมาแล้วกัดเข้าที่ใบหน้าโนเวลพีดีเอฟ

“เจ้าไม่กลัวผี แต่ผีเฒ่าตนนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ตอนนี้เกาะอยู่บนตัวเจ้า ไปไหนระวังสักหน่อย เจ้าอาจโชคร้าย ใช่แล้ว จุดอิ้นถังเจ้าหมองคล้ำ ไม่มีสีเลือด เจ้ากรรมนายเวรดักรอเจ้าอยู่ทุกหนแห่ง ไม่รู้จะมือขาดหรือเท้าขาด” ฉินหลิวซีกล่าวเสียงเย็น

พี่รองแซ่หูสั่นไปทั้งตัว และไม่กล้ากำเริบเสิบสานข่มขู่รีดไถอีกแล้ว เขาพุ่งตัวไปทางประตู เขาต้องหนีไปซ่อนเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้ามือบ่อนพนันเจอเข้า มือขาดขาขาดถือว่ายังเบา กลัวที่สุดคือหัวขาด

เห็นพี่รองแซ่หูวิ่งหนีหายไป ด้านนอกมีคนชะโงกหัวเข้ามา คนแก่คนหนึ่งเอ่ยถาม “ต้าหย่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฟ้าใกล้มืดแล้ว วันนี้ไม่ไปฝังศพอีกจะแย่เอานะ”

หวังต้าหย่งมองไปทางฉินหลิวซี แววตาเป็นกังวล “ไต้ซือ ท่านพ่อข้าว่าอย่างไร”

ฉินหลิวซีโบกมือ พลังสายหนึ่งพัดประตูปิด กันสายตาคนภายนอก และยังผลักคนที่อยากถามซอกแซกให้สะดุ้งถอยหลังไปสองสามก้าว

รุนแรงดุเดือดยิ่งนัก เป็นเพราะผู้ใหญ่หวังไม่ยอมจากไปงั้นหรือ

“?” ผู้ใหญ่หวัง

ข้าไม่ได้ทำ!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท