นั่น……ท่านเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนยังมีชีวิตอยู่?
ก่อนหน้านี้ พวกเขาทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่ท่านเจ้าสำนักและตู๋กูซิงหลัน ประกอบกับหมอกสีดำข้างหลังคนทั้งสองเองก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่มีแม้แต่เสียงอะไรทั้งนั้น พวกเขาจึงเข้าใจกันไปเองว่า หมอกสีดำนั้นเป็นของเจ้าสำนักหยินหยางนั่นเอง
เพราะว่าทั้งท่านเจ้าสำนักหยินหยางและเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน ต่างก็มีไอหยินเข้มข้น หมอกสีดำของทั้งสองมิได้แตกต่างกันมากนัก ยากที่จะแยกแยะ
ตอนนี้พอฟ่านอิงเอ่ยออกมา ผู้คนทั้งหลายจึงพากันตกตะลึงไป
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
เจ้าสำนักจับตัวเจ้าตำหนักเอาไว้ คิดจะทำอะไรขึ้นมาอีก?
ไม่แปลกเลยที่ในใจของผู้คนต่างก็พากันคาดเดาไปต่างๆนานาเพราะทั้งท่านเจ้าสำนักและฮ่องเต้หญิงน้อยที่เป็นศิษย์ของเขา ดูไปแล้วไม่เพียงแต่มิได้เดือดร้อน ท่าทางก็ดูสุขสบายดีไม่น้อย
แต่พอท่านเจ้าตำหนักเอ่ยปาก น้ำเสียงที่ผ่านหมอกสีดำออกมากลับดูอ่อนล้า คล้ายผ่านการต่อสู้มาระยะหนึ่ง
ต้าซือมิ่งเองก็ตกตะลึงไปแล้ว พอนึกขึ้นได้คนค่อยได้สติขึ้นมา เขาก้าวออกไปก้าวหนึ่ง “ท่านเจ้า….”
“ตัวมารร้ายสำนักหยินหยางผู้นั้นทำอะไรกับท่านหรือ?”
เขาสอบถามออกไปอย่างรีบร้อน
เพราะบุรุษที่สามารถกำจัดวังตันติ่งกงได้ด้วยเพียงฝ่ามือเดียงผู้นี้ ย่อมเป็นผู้แข็งแกร่ง
“ไม่มีอะไร” ฟ่านอิงซ่อนตัวอยู่ในหมอกสีดำ ยืนอยู่ข้างกายตู๋กูซิงหลัน
สาวน้อยรูปร่างสะโอดสะองค์ผอมบาง คล้ายคลึงกับเย่วอิงเมื่อก่อน
ใต้แสงอาทิตย์เช่นนี้ นางงดงามจนบาดตา
แสงอาทิตย์…..เขาจำไม่ได้ว่า ตนเองไม่ได้เห็นมันมานานเท่าไหร่แล้ว
คล้ายกับว่านับตั้งแต่ที่แคว้นกู่เย่วล่มสลาย คนทั่วทั้งแคว้นถูกสังหาร อาเย่วถูกแย่งชิงไปแต่งงานกับผู้อื่น เขาก็ไม่เคยได้เห็นแสงอาทิตย์อีกเลย
เขาเงยหน้าขึ้นมามองดูดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ความอบอุ่นนี้เดิมสามารถเผาผู้คนได้เลย
“ท่านเจ้ามิได้เป็นอะไรเช่นนั้นก็ดีแล้ว” ต้าซือมิ่งหรี่ดวงตาลง ในแววตาของเขาทอประกายออกมา จับจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลันแวบหนึ่ง
จากนั้นก็ได้ยินเขาเอ่ยว่า “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะนังมารน้อยฮ่องเต้หญิงผู้นั้นล่อลวงเจ้าสำนักหยินหยาง สตรีผู้นี้ไม่อาจไว้ใจได้ ขอท่านเจ้าตำหนักโปรดลงอาญา”
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกเหมือนอยู่ๆก็ถูกเข็มตำขึ้นมา นางเองก็อดไม่ได้ที่จะมองดูต้าซือมิ่งอีกหลายแวบ
มันออกจะเป็นอริกันจนเกินไปแล้ว ระหว่างนางกับเขาเคยมีความแค้นที่ลึกล้ำใดหรือ พอคิดดูให้ละเอียด ก็ยังไม่เคยถึงขั้นเป็นปรปักษ์กันมาก่อนเลยนี่?
พอมีต้าซือมิ่งนำขบวน เหล่าคนที่เป็นอริกับเจ้าสำนักหยินหยางอย่างชัดเจนต่างก็พากันออกเสียงตาม
นางมารน้อยผู้นี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง หากไม่รีบกำจัด เกรงว่าอาจก่อให้เกิดเภทภัยในภายหลัง
ดูฝีมือในการล่อลวงผู้คนของนางสิ นี่มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาคิดไม่ถึงเลยเสียด้วยซ้ำ
เจ้าสำนักหยินหยางดูๆแล้วยังพอจะชักชวนให้กลับใจได้อยู่ ….. ของเพียงสตรีผู้นี้ตายไป เขาก็คงไม่หลุดกรอบถึงเพียงนี้
ครั้งนี้เจ้าแคว้นทองคำไม่ได้รีบร้อนพุ่งเข้าไปก่อเรื่องแล้ว เพราะว่า….เขากำลังตกตะลึงกับความงดงามของตู๋กูซิงหลัน
ก่อนหน้านี้ตอนที่เคยได้ยินมาว่าฮ่องเต้หญิงแห่งดินแดนโบราณงดงามจนถึงขั้นทำให้อดีตฮ่องเต้แคว้นต้าโจวสิ้นไป ก็ยังรู้สึกว่าข่าวลือเกินจริงไปอยู่บ้าง
แต่ว่าตอนนี้พอได้เห็น ถึงได้เข้าใจว่าข่าวลือนั่นสมควรเป็นเรื่องจริงอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
สตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ หากว่าตายไป ย่อมน่าเสียดายถึงเพียงไหน ต้าซือมิ่งผู้นั้นช่างไม่รู้จักรักบุปผาถนอมหยกเอาเสียเลย โฉมงามเช่นนี้ยังจะลงมือได้ลงคออีกหรือ?
แต่ก็มีบางคนให้กลุ่มถึงกับถูกล้างสมองไปแล้วเช่นกัน พวกเขารู้สึกว่านางมารร้ายที่งดงามจนเกินไปเช่นนี้สมควรกำจัดเสีย เพราะว่าเมื่อพวกเขาเห็นแล้ว ต่างก็ไม่อาจควบคุมจังหวะหัวใจของตนเองเอาไว้ได้…..ความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดกันอยู่เล็กน้อย ต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมๆกัน
“ขอท่านเจ้าตำหนักกำจัดนางมาร”
ตู๋กูซิงหลัน “…..” นางมารกับผีน่ะสิ!
ที่นางมายืนอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะยอมให้พวกมันมาเรียกว่าเป็นนางมารนะหรือ?
สีหน้าของท่านเจ้าสำนักเองก็ไม่พอใจมากแล้ว ตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้ถึงไอสังหารที่กำจายออกมาจากร่างของเขา
หากไอสังหารนี้เกิดควบคุมไม่อยู่ขึ้นมา เกรงว่าคงต้องมีระเบิด
ไม่ใช่ว่านางพูดโอ้อวด แต่พอถึงตอนนั้นผู้คนที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมดอย่าได้คิดว่าจะวิ่งหนีพ้น
ดังนั้นนางจึงได้ขยับเท้าก้าวเล็กๆ เขยิบเข้าไปใกล้ท่านเจ้าสำนักอีกนิด
เอ่ยเพียงเบาๆว่า “พี่ชาย พวกเราเย็นลงหน่อย….การฆ่าคนจะอย่างไรมิใช่เรื่องที่ดี”
ท่านเจ้าสำนัก “พวกเขาด่าเจ้า ข้าไม่พอใจ มันย่อมสมควรตาย”
ทั้งๆที่เขาเป็นคนลงมือ ไยคนเหล่านี้จะต้องผลักไสความผิดไปที่ศิษย์น้อย หรือเพราะศิษย์น้อยจำต้องมีชะตากรรมเช่นนี้ ดึงดูดเคราะห์ร้าย?
ว่าแล้ว เขาก็ทำท่าจริงจังขึ้นมา “ข้าเป็นอาจารย์ ไม่ใช่พี่ชาย เจ้าและข้าไม่ใช่พี่น้อง จงเรียกว่าอาจารย์”
ตู๋กูซิงหลัน “…..”
ระหว่างพวกเขาสองคนพูดอะไรกัน คนอื่นๆล้วนไม่ได้ยิน แต่พอเห็นท่าทางที่กระซิบกระซาบเช่นนั้นก็ยิ่งเข้าใจไปว่านางมารน้อยผู้นี้กำลังยุยงท่านเจ้าสำนักอีกแล้วใช่หรือไม่?
ดูเอาสิ พวกเขาจ้องตาโตกันอยู่ตรงนี้ นางก็ยังกล้าทำเช่นนั้น หากปล่อยให้อยู่ในที่รโหฐานก็ไม่รู้ว่าจะยั่วยุท่านเจ้าสำนักถึงเพียงไหน
ต้าซือมิ่งกำลังจะสบช่องพูดออกไป
แต่ว่าท่านเจ้าตำหนักที่เงียบงันไปครู่หนึ่งพลันเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง
“หลานสาวของข้า กลายเป็นนางมารให้พวกเจ้าเรียกขานกันได้อย่างไร?”
ต้าซือมิ่ง “? ? ?”
ผู้คนทั้งหลาย “! ! !”
นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว!
หลานสาว หลานแท้ๆหรือว่ารับเป็นหลานกัน?
มิใช่ว่าพวกเขาไม่รู้จักนางเสียหน่อย ทุกคนต่างก็รู้ว่าฮ่องเต้หญิงน้อยใช้แซ่ตู๋กู มีนามว่าซิงหลัน เป็นหลานสาวของแม่ทัพคุณูประการแคว้นต้าโจว ตู๋กูถิง แล้วอยู่ดีๆก็จะมากลายเป็นหลานสาวของท่านเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนได้อย่างไร?
พริบตานั้น ในใจของพวกเขาพลันเกิดความเป็นคิดที่เป็นไปได้ขึ้นมาข้อหนึ่ง
หรือว่าเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน……. จะเป็นตู๋กูถิง?
เป็นไปไม่ได้มั้ง…..แม่ทัพที่เป็นเพียงคนธรรมดาผู้หนึ่ง จะมาเป็นเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น การส่งข่าวในดินแดนจิ่วโจวนับว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง ตู๋กูถิงผู้นั้น ตอนนี้ก็ยังอยู่ในดินแดนโบราณอยู่เลย
ฟ่านอิงที่มิสนใจในความตกตะลึงของผู้คน เสริมขึ้นมาอีกคำหนึ่ง “หลานแท้ๆ”
ถุย! แท้กับผีน่ะสิ!
ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ต่างก็ไม่มีใครยอมเชื่อ
พวกเขาต่างก็คิดไปว่า นางมารผู้นี้จะต้องใช้ฝีมือที่ไม่อาจบ่งบอกผู้คน ทำให้แม้แต่เจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนก็ยังถูกล่อลวงจนหลงใหล
หากไม่เชื่อเจ้าก็คอยดูสิ นางสามารถล่อลวงได้แม้กระทั่งเจ้าสำนักหยินหยางเลยเห็นหรือไม่?
ดังนั้นหากว่าจะล่อลวงเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน ความเป็นไปได้ก็มีอยู่มาก
กลับเป็นพี่รองที่นิ่งเงียบไป ตอนนี้ดวงตาของเขาถึงกับเต็มไปด้วยความพิศวง
ท่านตา….ถูกสวมเขา?
เขามีความทรงจำเกี่ยวกับท่านยายไม่มากนัก จำได้แต่ว่าท่านยายเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อมและนุ่มนวลนางหนึ่ง แต่ว่าอุปนิสัยเย็นชา
แม้แต่กับท่านตา ยามปกติก็ยังไม่ค่อยตอบคำ
ที่เขาจดจำได้แม่นยำที่สุดก็คือ มีอยู่ปีหนึ่ง ท่านยายป่วยเป็นหวัด เนิ่นนานก็ไม่ยอมหาย
ท่านตาของเขาไปในถ้ำหินภูเขาไฟด้วยตนเอง เพื่อตามหาวิหคเพลิงมาขจัดความเหน็บหนาวให้กับนาง
แต่ว่าวิหคเพลิงที่ตามหามาอย่างยากลำบากเหล่านั้น ท่านยายกลับไม่ได้เหลือบแลแม้แต่ครั้งเดียว ปล่อยพวกมันไปทั้งหมด เหลือแต่เพียงไข่เอาไว้ใบหนึ่ง
ท่านยายที่มีนิสัยเย็นชาเช่นนั้น มีหรือจะไปมีความสัมพันธ์กับบุรุษอื่นได้?
น้องเล็กคิดทำอะไรที่ผู้อื่นนึกไม่ถึงอีกหรือไม่?
………………
ตู๋กูซิงหลันคิดไม่ถึงว่า ฟ่านอิงจะประกาศออกไปต่อหน้าผู้คนว่านางก็คือหลานสาวแท้ๆของเขา
ในใจของนางตอนนี้พลันเกิดความละอายขึ้นมา
แต่ว่าบนใบหน้ากลับยังคงเรียบนิ่ง พอฟ่านอิงเอ่ยออกไปเช่นนั้น นางก็เรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่ใกล้ชิดและคุ้นเคยคำหนึ่ง “ท่านตา!”
น้ำเสียงหวานใสปานน้ำผึ้ง ซาบซึ้งไปถึงหัวใจ
แต่ว่านางกลับไม่ยอมจบเพียงเท่านั้น หากแต่ขยับเข้าไปใกล้ฟ่านอิงอีกนิด พลางร้องว่า “ท่านตา พวกเขาคิดจะลงไม้ลงมือถึงขั้นฆ่าฟัน ข้ากลัวจังเลยเจ้าค่ะ”
……………….